Month: กุมภาพันธ์ 2022

ความช่วยเหลืออันอัศจรรย์ของพระองค์

นายอำเภอประหลาดใจกับคำอธิษฐานที่มีประมาณ “แสนหรืออาจจะเป็นล้านคำอธิษฐาน” ซึ่งถูกยกขึ้นต่อพระเจ้า เพื่อให้ทรงช่วยจากไฟป่าตะวันออกที่โหมกระหน่ำเทือกเขาโคโลราโดในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 เปลวไฟได้เผาผลาญพื้นที่ไปประมาณ 405 ตร.กม.ในเวลา 12 ชั่วโมง ป่าที่แห้งแล้งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี มันไหม้บ้านเรือนไป 300 หลังและเผาทำลายทั้งเมืองที่ขวางทาง จู่ๆก็เกิดสิ่งที่นักอุตุนิยมวิทยาคนหนึ่งเรียกว่า “พระเจ้าประทาน” ไม่ใช่ฝนแต่เป็นหิมะที่ตกลงมาในเวลาอันเหมาะเจาะ มันตกทั่วบริเวณที่ไฟลุกไหม้ ตกเร็วกว่าทุกปี หิมะเปียกท่วมสูงหนึ่งฟุตหรือกว่านั้นช่วยชะลอการลุกลามและดับไฟในบางพื้นที่

ความช่วยเหลือที่เปี่ยมด้วยพระเมตตานี้อัศจรรย์เกินจะบรรยาย พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานขอหิมะและฝนของเราไหม พระคัมภีร์บันทึกคำตอบมากมายของพระองค์ รวมทั้งหลังจากที่เอลียาห์รอคอยฝนด้วย (1 พกษ.18:41-46) เอลียาห์ผู้รับใช้ที่มีความเชื่อยิ่งใหญ่ เข้าใจถึงสิทธิอำนาจสูงสุดของพระเจ้าที่ทรงมีเหนือสภาพอากาศด้วย สดุดี 147 กล่าวถึงพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเตรียมฝนให้แก่แผ่นดินโลก” (ข้อ 8) “พระองค์ประทานหิมะอย่างปุยขนแกะ...ใครจะทนทานความหนาวของพระองค์ได้” (ข้อ 16-17)

เอลียาห์ได้ยิน “เสียงฝนกระหึ่มมา” แม้ก่อนที่เมฆจะก่อตัว (1 พกษ.18:41) ความเชื่อของเราในฤทธิ์อำนาจของพระองค์แข็งแกร่งเช่นนี้หรือไม่ พระเจ้าทรงเชิญให้เราวางใจไม่ว่าคำตอบของพระองค์จะเป็นเช่นไร เราสามารถมองที่พระองค์เพื่อทูลขอความช่วยเหลืออันอัศจรรย์จากพระองค์

ความไม่จีรังและความถ่อมใจ

เจอโรมและเทอร์ทูลเลียนนักวิชาการสมัยโบราณ อ้างถึงเรื่องราวของกรุงโรมในยุคโบราณ ที่หลังจากแม่ทัพได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ เขาจะถูกแห่บนรถม้าศึกที่งดงามไปตามถนนใจกลางเมืองตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ฝูงชนจะโห่ร้อง แม่ทัพจะท่วมท้นไปด้วยความยินดีที่ได้รับการยกย่องด้วยเกียรติอันสูงสุดของชีวิต อย่างไรก็ตามมีตำนานเล่าว่า คนรับใช้คนหนึ่งจะยืนอยู่ข้างหลังแม่ทัพตลอดทั้งวัน คอยกระซิบข้างหูว่า เมเมนโท โมริ (“อย่าลืมว่าวันหนึ่งท่านจะตาย”) เมื่ออยู่ท่ามกลางการยกย่องสรรเสริญ แม่ทัพต้องการความถ่อมใจอย่างยิ่งเพื่อย้ำเตือนว่าเขาเป็นมนุษย์ที่ต้องตาย

ยากอบเขียนถึงชุมชนที่แปดเปื้อนด้วยความปรารถนาอันเย่อหยิ่งและทะนงตนจากการพึ่งพาตนเอง เมื่อเผชิญหน้ากับความยโสของพวกเขา ท่านกล่าวถ้อยคำเสียดแทงใจว่า “พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง แต่ทรงประทานพระคุณ แก่คนที่ใจถ่อม” (ยก.4:6) สิ่งที่พวกเขาต้องมีคือการ “ถ่อมใจ [ของเขา] ลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า” (ข้อ 10) แล้วพวกเขาจะมีใจถ่อมได้อย่างไร เช่นเดียวกับแม่ทัพโรมัน พวกเขาจำเป็นต้องระลึกว่าพวกเขาต้องตาย “ท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้” ยากอบย้ำ “ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป” (ข้อ 14) ความอ่อนแอทำให้พวกเขาต้องหนีมาอาศัยอยู่ภายใต้ความมั่นคงเข้มแข็งแห่ง “พระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (TNCV) แทนความพยายามอันสูญเปล่าของตน (ข้อ 15)

เมื่อเราลืมไปว่าวันเวลาของเราถูกกำหนดไว้แล้ว ก็อาจนำไปสู่ความหยิ่งผยองได้ แต่เมื่อเราถ่อมใจลงโดยตระหนักถึงความไม่จีรังของเรา เราจะมองว่าทุกลมหายใจและทุกช่วงเวลาคือพระคุณ เมเมนโท โมริ

ความสำเร็จและการเสียสละ

ระหว่างการเรียนภาคฤดูร้อน ลูกชายของฉันอ่านหนังสือเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ต้องการปีนเทือกเขาอัลไพน์ในสวิตเซอร์แลนด์ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกซ้อมเพื่อเป้าหมายนี้ ในที่สุดเมื่อเขาออกเดินทางไปสู่ยอดเขา สิ่งต่างๆกลับไม่เป็นไปตามแผน ระหว่างทางขึ้นลาดชัน เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งป่วยและเด็กชายตัดสินใจจะอยู่เพื่อคอยช่วยเหลือ แทนการทำเป้าหมายให้สำเร็จ

ในห้องเรียนครูของลูกชายถามว่า “ตัวละครหลักล้มเหลวเพราะเขาไม่ได้ปีนภูเขาหรือเปล่าครับ” นักเรียนคนหนึ่งบอกว่า “ใช่ เพราะความล้มเหลวอยู่ในสายเลือดของเขา” แต่เด็กอีกคนไม่เห็นด้วย เขาให้เหตุผลว่าเด็กชายคนนั้นไม่ได้ล้มเหลว เพราะเขายอมล้มเลิกบางสิ่งที่สำคัญเพื่อช่วยเหลือคนอื่น

เมื่อเรายอมหยุดแผนงานของเราเพื่อดูแลผู้อื่น เรากำลังแสดงออกเหมือนพระเยซู พระองค์ทรงเสียสละการมีบ้านพักอาศัย รายได้ที่มั่นคง และการยอมรับจากสังคม แล้วออกเดินทางประกาศความจริงของพระเจ้า ท้ายที่สุดพระองค์สละพระชนม์เพื่อปลดปล่อยเราจากความบาปและสำแดงความรักของพระเจ้าแก่เรา (1 ยน.3:16)

ความสำเร็จทางโลกนั้นแตกต่างอย่างยิ่งกับความสำเร็จในสายพระเนตรพระเจ้า พระองค์ทรงให้คุณค่ากับความเมตตาที่ขับเคลื่อนเราให้ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและผู้คนที่เจ็บปวด (ข้อ 17) พระองค์ทรงเห็นด้วยกับการตัดสินใจเพื่อปกป้องผู้อื่น ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราสามารถปรับค่านิยมของเราให้เป็นเหมือนพระองค์ และอุทิศตนในการรักพระองค์และผู้อื่น ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่สำคัญที่สุด

ได้สิ่งที่เราต้องการ

แอรอน เบอร์ รอผลตัดสินของการลงคะแนนเสียงที่เสมอกันจากสภาผู้แทนฯสหรัฐอย่างกระวนกระวาย เขาเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีร่วมกับโธมัส เจฟเฟอร์สันในการเลือกตั้งปี 1800 เบอร์มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าสภาฯจะประกาศให้เขาเป็นผู้ชนะ แต่เขากลับพ่ายแพ้และถูกความขมขื่นกัดกินใจ ความคับข้องใจที่มีต่ออเล็กซานเดอร์ แฮมิลตันที่ไม่ลงคะแนนสนับสนุนเขา ทำให้เบอร์ฆ่าแฮมิลตันในการดวลปืนในอีกไม่ถึงสี่ปีต่อมา ความโกรธแค้นจากการสังหารครั้งนี้ทำให้ประเทศชาติหันหลังให้เขา เบอร์เป็นชายชราที่ผูกใจเจ็บจนกระทั่งเสียชีวิต

การลุ่มหลงอำนาจทางการเมืองเป็นส่วนที่น่าเศร้าของประวัติศาสตร์ เมื่อกษัตริย์ดาวิดใกล้จะสิ้นพระชนม์ อาโดนียาห์โอรสของพระองค์คบคิดกับแม่ทัพของดาวิดและหัวหน้าปุโรหิตเพื่อแต่งตั้งตนเป็นกษัตริย์ (1 พกษ.1:5-8)แต่ดาวิดทรงเลือกซาโลมอนเป็นกษัตริย์ (ข้อ 17) ด้วยความช่วยเหลือของผู้เผยพระวจนะนาธัน กบฏจึงถูกโค่นลง (ข้อ 11-53) แม้จะได้รับการยกโทษ แต่อาโดนียาห์ก็ยังวางแผนชิงบัลลังก์ครั้งที่สอง และซาโลมอนประหารเขาเสีย (2:13-25)

ความเป็นมนุษย์ทำให้เราต้องการในสิ่งที่ไม่ใช่ของเราโดยชอบธรรม! ไม่ว่าเราจะพยายามไขว่คว้าอำนาจ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สมบัติมากเพียงใด นั่นก็ไม่เคยพอ เราต้องการมากกว่าเดิมเสมอ ตรงข้ามกับพระเยซูผู้ทรง “ถ่อมพระองค์ ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน” (ฟป.2:8)

ช่างน่าขันที่ความทะเยอทะยานไขว่คว้าอย่างเห็นแก่ตัวไม่เคยทำให้เราได้รับสิ่งที่เราปรารถนามากที่สุดอย่างแท้จริง การมอบผลลัพธ์ไว้กับพระเจ้าเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่สันติสุขและความชื่นชมยินดี

หลับอย่างผาสุก

เมื่อฟลอสเพื่อนของฉันนอนไม่หลับในยามค่ำคืน เธอครุ่นคิดถึงเนื้อเพลงนมัสการ “ข้ารักพระเยซู” เธอเรียกมันว่าบทเพลง “ยามดึก” เพราะเพลงนี้ช่วยให้เธอจดจำพระสัญญาของพระเจ้าและเหตุผลมากมายที่ทำให้เธอรักพระองค์

การนอนหลับเป็นสิ่งจำเป็นแต่บางครั้งก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทำได้ยาก บางครั้งเราอาจสัมผัสได้ถึงเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงนำให้เราคิดถึงบาปที่ยังไม่ได้สารภาพ หรือเราเริ่มที่จะกังวลเกี่ยวกับงาน ความสัมพันธ์ การเงิน สุขภาพ หรือลูกๆของเรา ไม่นานภาพของอนาคตที่น่ากลัวก็วิ่งวนอยู่ในสมองของเรา เราคิดว่าเราเผลอหลับไปพักหนึ่ง แต่เมื่อมองไปที่นาฬิกาก็พบว่าเวลาเพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีจากที่ดูครั้งก่อน

ในสุภาษิต 3:19-24 กษัตริย์ซาโลมอนแนะนำว่าเราจะรับประโยชน์จากการนอนหลับได้ก็ต่อเมื่อเรายอมรับปัญญา ความเข้าใจ และความรู้จากพระเจ้า อันที่จริงพระองค์อ้างว่า “ทั้งสองจะเป็นชีวิตแก่เจ้า...ถ้าเจ้านั่ง เจ้าจะไม่กลัว เมื่อเจ้านอน ก็จะหลับไปอย่างผาสุกสดชื่น” (ข้อ 22, 24)

บางทีเราทุกคนก็อาจต้องการบทเพลง “ยามดึก” คำอธิษฐาน หรือข้อพระคัมภีร์ ที่กระซิบแผ่วเบาเพื่อช่วยเราเปลี่ยนความคิดอันวุ่นวายให้เป็นจิตใจที่จดจ่อที่พระเจ้าและพระลักษณะของพระองค์ สมองที่ปลอดโปร่งและหัวใจที่เต็มด้วยการขอบพระคุณในความรักและความสัตย์ซื่อของพระเจ้าจะทำให้เราหลับได้อย่างผาสุก

ไม่ใช่เพื่อความสุขสบายของเรา

แดนกำลังขี่จักรยานยนต์อยู่ในตอนที่รถคันหนึ่งขับเบี่ยงเข้ามาในเลนและดันเขาออกไปหารถที่วิ่งสวนมา สองสัปดาห์ต่อมาเขาฟื้นขึ้นในศูนย์อุบัติเหตุด้วยสภาพ “ยับเยิน” ที่เลวร้ายที่สุดคือเขาบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังซึ่งทำให้ขาเป็นอัมพาต แดนอธิษฐานขอการรักษาแต่มันไม่เกิดขึ้น กระนั้นเขาเชื่อว่าพระเจ้าทรงสอนเขาด้วยพระเมตตาว่า “วัตถุประสงค์ของชีวิตนี้คือเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระคริสต์ น่าเสียดายที่มันไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อทุกอย่างเพียบพร้อมและสวยหรู แต่...เกิดขึ้นเมื่อชีวิตลำบากแสนเข็ญ เมื่อเราถูกบีบให้พึ่งพาพระเจ้าผ่านการอธิษฐานเพียงเพื่อให้ผ่านไปในแต่ละวัน”

อัครทูตเปาโลอธิบายถึงข้อดีสองประการของการยืนหยัดอยู่ข้างพระเจ้า คือความอดทนและการชื่นชมยินดีในความทุกข์ยาก (รม.5:3-4) ทั้งสองข้อนี้ไม่ได้บอกให้อดทนต่อความทุกข์ยากด้วยการยอมอดกลั้น หรือค้นพบความสุขในความเจ็บปวด แต่เป็นการเชิญชวนให้ไว้วางใจในพระเจ้าอย่างไม่หวั่นไหว ความทุกข์ยากที่มีพระคริสต์ทำให้เกิด “ความอดทน และความอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เราเห็นเช่นนั้นทำให้เกิดมีความหวังใจ” (ข้อ 3-4) ทั้งหมดนี้มาจากความเชื่อว่าพระบิดาจะไม่ทรงทอดทิ้งเรา แต่จะทรงดำเนินไปกับเราผ่านเปลวไฟไปสู่อนาคต

พระเจ้าทรงมาพบเราในความทุกข์ยากและช่วยให้เราเติบโตในพระองค์ แทนที่จะมองว่าความทุกข์ยากคือการที่พระเจ้าไม่พอพระทัย ให้เรามองว่าเป็นวิธีที่ทรงใช้เพื่อขัดเกลาและสร้างเรา เมื่อเราได้สัมผัสความรักของพระองค์ที่ “หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา” (ข้อ 5)

อัศจรรย์แห่งการทรงสร้าง

ขณะที่ทิมกำลังเดินอยู่บนธารน้ำแข็งรูทในอลาสก้า เขาเจอบางสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ทิมจะศึกษาเรื่องธารน้ำแข็งมาอย่างเชี่ยวชาญ แต่เขากลับไม่คุ้นเคยกับลูกบอลเล็กๆจำนวนมากที่ปกคลุมด้วยมอสนี้เลย หลังจากติดตามลูกบอลสีเขียวสดใสเหล่านี้เป็นเวลาหลายปี ทิมและเพื่อนร่วมงานพบว่ามันไม่เหมือนมอสที่ขึ้นบนต้นไม้ พวก “หนูธารน้ำแข็ง” นี้ไม่ติดอยู่กับที่ ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือมันเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันเหมือนฝูงสัตว์ ในตอนแรกทิมและเพื่อนร่วมงานสงสัยว่าพวกมันถูกลมพัดหรือกลิ้งลงเนิน แต่การศึกษาวิจัยของพวกเขาทำให้สมมติฐานเหล่านั้นตกไป

พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าลูกบอลมอสเคลื่อนที่ได้อย่างไร ความลึกลับเช่นนี้เน้นย้ำถึงความสร้างสรรค์ของพระเจ้า ในการทรงสร้างนั้น พระเจ้าตรัสสั่งแผ่นดินให้ “เกิดพืช” ในรูปของผักหญ้าและต้นไม้ (ปฐก.1:11) การออกแบบของพระองค์รวมถึงหนูธารน้ำแข็งด้วย แม้พวกเราส่วนใหญ่จะไม่เคยเห็นมันกับตา หากไม่ได้ไปที่ธารน้ำแข็งซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับพวกมัน

หนูธารน้ำแข็งดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ด้วยปุยสีเขียวนับตั้งแต่ถูกค้นพบในช่วงทศวรรษ 1950 เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรพืชที่ทรงสร้าง พระองค์ “ทรงเห็นว่าดี” (ข้อ 12) รอบตัวเราเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ที่พระเจ้าทรงออกแบบ แต่ละชนิดแสดงถึงฤทธิ์เดชแห่งการสร้างสรรค์ของพระองค์และเชื้อเชิญให้เรานมัสการพระองค์ เราสามารถชื่นชมยินดีในต้นไม้และผักหญ้าทุกต้นที่พระองค์ทรงสร้าง เพราะพวกมันถูกสร้างมาอย่างดี!

การเริ่มต้นที่สดใหม่

ในเทศกาลตรุษจีนนั้นครอบครัวชาวจีนในทุกหนแห่งจะมาฉลองร่วมกัน วันตรุษจีนจะถูกกำหนดตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งมักจะอยู่ในช่วงปลายมกราคมถึงกลางกุมภาพันธ์ การที่ครอบครัวกลับมาเจอกันนี้มีธรรมเนียมปฏิบัติมากมาย บางอย่างก็มีความหมายอย่างยิ่ง ทั้งการซื้อและสวมเสื้อผ้าใหม่ การทำความสะอาดบ้าน และจ่ายหนี้ที่ยังค้างอยู่ ซึ่งเตือนให้เราทิ้งอดีตไว้ข้างหลังและเริ่มต้นปีอย่างขาวสะอาด

ธรรมเนียมเหล่านี้ยังเตือนผมถึงชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ไม่ว่าเราจะเคยเป็นเช่นไรหรือเคยทำสิ่งใด เราสามารถทิ้งมันไว้ข้างหลัง เราสามารถหยุดลงโทษตัวเองเพราะอดีตและละทิ้งความรู้สึกผิด โดยรู้ว่าเราได้รับการอภัยอย่างสมบูรณ์โดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนกางเขน และเราเริ่มต้นอย่างสดใหม่ได้ โดยรู้ว่าเราสามารถพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเราให้เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นทุกวัน

นี่เป็นเหตุให้เปาโลเตือนผู้เชื่อว่า “สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 คร.5:17) เราก็พูดเช่นนี้ได้เพราะความจริงที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้ คือพระเจ้าทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์ และมิได้ทรงถือโทษในการผิดของเราอีก (ข้อ 19)

ผู้คนรอบตัวอาจไม่เต็มใจที่จะลืมความผิดในอดีตของเรา แต่เรามีกำลังใจได้ว่าในสายพระเนตรของพระเจ้าเราไม่ถูกลงโทษอีกต่อไป (รม.8:1) เช่นที่เปาโลบอกว่า “ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา” (ข้อ 31) ขอให้เรายินดีในการเริ่มต้นใหม่นี้ที่พระเจ้าได้ประทานแก่เราผ่านทางพระเยซู

ท่าทางที่ถ่อมใจ

“เก็บมือไว้ข้างหลัง คุณจะรู้สึกดีขึ้น” เป็นคำแนะนำด้วยความรักที่สามีของแจนบอกเธอเสมอก่อนที่เธอจะต้องพูดกับกลุ่มคน เมื่อเธอพบว่าตัวเองกำลังพยายามทำให้ผู้คนประทับใจหรือพยายามจะควบคุมสถานการณ์ เธอจะทำท่านี้เพราะมันช่วยให้จิตใจเธอกลับเข้าสู่ภาวะที่พร้อมเรียนรู้และรับฟัง เธอใช้มันเพื่อเตือนตัวเองให้รักคนที่อยู่ตรงหน้า ให้ถ่อมใจและเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์

ความเข้าใจเรื่องการถ่อมใจของแจนมาจากข้อสังเกตของกษัตริย์ดาวิดที่พบว่าทุกสิ่งล้วนมาจากพระเจ้า ดาวิดทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ นอกเหนือพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่มีดีเลย” (สดด.16:2) พระองค์เรียนรู้ที่จะวางใจและแสวงหาคำปรึกษาจากพระเจ้า “ในกลางคืนจิตใจของข้าพเจ้าเตือนสอนข้าพเจ้า” (ข้อ 7) ดาวิดรู้พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้าง พระองค์จึงไม่หวั่นไหว (ข้อ 8) ดาวิดไม่จำเป็นต้องยกย่องตัวเอง เพราะพระองค์เชื่อว่าพระเจ้า ผู้ทรงฤทธิ์ทรงรักพระองค์

เมื่อเรามองไปที่พระเจ้าในแต่ละวัน ทูลขอให้พระองค์ทรงช่วยเมื่อเรารู้สึกผิดหวัง หรือประทานถ้อยคำในยามที่เราพูดไม่ออก เราจะเห็นพระองค์ทรงทำงานในชีวิตของเรา เราจะ “ร่วมงานกับพระเจ้า” เหมือนที่แจนบอก และเราจะตระหนักว่าถ้าเราทำได้ดี นั่นเป็นเพราะพระเจ้าทรงช่วยเราให้เกิดผล

เราสามารถมองผู้อื่นด้วยความรัก มือของเราไขว้ไว้ข้างหลังด้วยท่าทีถ่อมใจ เพื่อเตือนเราว่าทุกสิ่งที่เรามีล้วนมาจากพระเจ้า

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา