ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Leslie Koh

ด้วยวิธีการง่ายๆ

ตอนที่เอลซี่ป่วยเป็นมะเร็งเธอเตรียมพร้อมที่จะกลับไปบ้านบนสวรรค์เพื่อไปอยู่กับพระเยซู แต่เธอกลับมาหายดี แม้โรคร้ายจะทำให้เธอเคลื่อนไหวไม่ได้ และยังทำให้เธอสงสัยว่าเหตุใดพระเจ้าจึงยังให้เธอมีชีวิตอยู่ “ข้าพระองค์จะทำการดีอะไรได้อีก” เธอถามพระองค์ “ข้าพระองค์มีเงินและความสามารถไม่มาก และยังเดินไม่ได้ ข้าพระองค์จะทำประโยชน์ให้พระองค์ได้อย่างไร”

แต่แล้วเธอก็พบวิธีง่ายๆในการรับใช้ผู้อื่น โดยเฉพาะกับคนทำความสะอาดบ้านที่เป็นผู้อพยพ เธอซื้ออาหารให้หรือไม่ก็มอบเงินเล็กน้อยให้ทุกครั้งที่พบพวกเขา เงินที่ให้อาจจะน้อยนิดแต่มีส่วนช่วยพวกคนงานในการยังชีพได้ ขณะที่ทำเช่นนั้น เธอพบว่าพระเจ้าทรงเลี้ยงดูเธอผ่านญาติมิตรที่มอบของขวัญและเงินให้เธอ ทำให้เธอสามารถเป็นพรกับผู้อื่นต่อได้

เมื่อเธอแบ่งปันเรื่องราวนี้ ผมอดคิดไม่ได้ว่าเอลซี่ได้นำการทรงเรียกที่ให้รักซึ่งกันและกันใน 1 ยอห์น 4:19 มาปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ “เราทั้งหลายรัก ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน” เช่นเดียวกับความจริงในกิจการ 20:35 ที่ย้ำเตือนเราว่า “การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ”

เอลซี่ให้เพราะเธอได้รับและเธอก็ได้รับการหนุนน้ำใจเมื่อให้ออกไป เธอไม่ได้ใช้อะไรมากมายไปกว่าหัวใจที่รักและขอบพระคุณ และความเต็มใจที่จะให้ในสิ่งที่เธอมี ซึ่งพระเจ้าก็ทรงเพิ่มพูนสิ่งเหล่านั้นกลับมาให้ในวงจรแห่งการให้และการรับอันงดงาม ขอให้เราทูลขอพระองค์จะประทานหัวใจที่สำนึกในพระคุณ และมีใจกว้างขวางในการให้ตามที่พระองค์ทรงนำเรา!

วันที่ 3- พระคุณสำหรับวันนี้ | เมื่อทุกสิ่งดูเหมือนสูญเสีย

เมื่อทุกสิ่งดูเหมือนสูญเสีย
เพียง 6 เดือนชีวิตของเจอรัลด์พังทลาย วิกฤติเศรษฐกิจทำลายธุรกิจและทรัพย์สิน ลูกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แม่ของเขาสะเทือนใจมากจนหัวใจล้มเหลวเสียชีวิต ภรรยาซึมเศร้า ลูกสาวสองคนเก็บตัว เขาได้แต่พูดอย่างผู้เขียนสดุดีว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?” (สดุดี 22:1)

เจอรัลด์ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ด้วยหวังว่าวันหนึ่งพระเจ้าผู้ทรงให้พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ จะปลดปล่อยเขาและครอบครัวจากความเจ็บปวดไปสู่ชีวิตนิรันดร์ที่ชื่นชมยินดี เป็นความหวังว่าพระเจ้าจะตอบเสียงร้องทูลขอความช่วยเหลือ ดังดาวิดผู้เขียนสดุดีซึ่งแน่วแน่ที่จะวางใจพระเจ้ายามลำบาก โดยยึดมั่นในความหวังว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยและช่วยกู้ท่าน (ข้อ 4-5)

ความหวังนั้นค้ำจุนเจอรัลด์ไว้ ตลอดหลายปีเมื่อมีคนถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาตอบได้เพียงแค่ว่า “ครับ ผมกำลังไว้วางใจพระเจ้า”

พระเจ้าทรงยกย่องความวางใจของเจอรัลด์ ทรงปลอบโยน เสริมกำลังเรี่ยวแรงและความกล้าหาญแก่เขามาตลอดหลายปี ครอบครัวของเขาค่อยๆ ฟื้นจากวิกฤติ และต่อมาไม่นาน เจอรัลด์ก็ได้หลานปู่คนแรก ตอนนี้เสียงร้องไห้ของหลาน กลายเป็นคำพยานถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า “ผมไม่ถามอีกต่อไปว่า ‘เหตุไฉนพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพระองค์’ เพราะพระเจ้าอวยพรผม”

ยามที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเหลือ ยังคงมีความหวัง

เขียนโดย เลสลี่ โคห์

คิดใคร่ครวญ :
มีสิ่งใดที่ช่วยให้คุณระลึกถึงและยึดมั่นในความหวังที่แน่นอนและมั่นคงว่าจะได้รับการปลดปล่อย การไว้วางใจพระเจ้าช่วยค้ำจุนคุณอย่างไรในช่วงยากลำบาก

อธิษฐาน :
เมื่อฉันรู้สึกถูกทอดทิ้ง ฉันยึดมั่นในความหวังที่มาจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ซึ่งวันหนึ่งจะปลดปล่อยฉันสู่ความชื่นชมยินดีนิรันดร์

วันที่ 3- พระคุณสำหรับวันนี้ | เมื่อทุกสิ่งดูเหมือนสูญเสีย

เมื่อทุกสิ่งดูเหมือนสูญเสีย
เพียง 6 เดือนชีวิตของเจอรัลด์พังทลาย วิกฤติเศรษฐกิจทำลายธุรกิจและทรัพย์สิน ลูกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แม่ของเขาสะเทือนใจมากจนหัวใจล้มเหลวเสียชีวิต ภรรยาซึมเศร้า ลูกสาวสองคนเก็บตัว เขาได้แต่พูดอย่างผู้เขียนสดุดีว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?” (สดุดี 22:1)

เจอรัลด์ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ด้วยหวังว่าวันหนึ่งพระเจ้าผู้ทรงให้พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ จะปลดปล่อยเขาและครอบครัวจากความเจ็บปวดไปสู่ชีวิตนิรันดร์ที่ชื่นชมยินดี เป็นความหวังว่าพระเจ้าจะตอบเสียงร้องทูลขอความช่วยเหลือ ดังดาวิดผู้เขียนสดุดีซึ่งแน่วแน่ที่จะวางใจพระเจ้ายามลำบาก โดยยึดมั่นในความหวังว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยและช่วยกู้ท่าน (ข้อ 4-5)

ความหวังนั้นค้ำจุนเจอรัลด์ไว้ ตลอดหลายปีเมื่อมีคนถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาตอบได้เพียงแค่ว่า “ครับ ผมกำลังไว้วางใจพระเจ้า”

พระเจ้าทรงยกย่องความวางใจของเจอรัลด์ ทรงปลอบโยน เสริมกำลังเรี่ยวแรงและความกล้าหาญแก่เขามาตลอดหลายปี ครอบครัวของเขาค่อยๆ ฟื้นจากวิกฤติ และต่อมาไม่นาน เจอรัลด์ก็ได้หลานปู่คนแรก ตอนนี้เสียงร้องไห้ของหลาน กลายเป็นคำพยานถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า “ผมไม่ถามอีกต่อไปว่า ‘เหตุไฉนพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพระองค์’ เพราะพระเจ้าอวยพรผม”

ยามที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเหลือ ยังคงมีความหวัง

เขียนโดย เลสลี่ โคห์

คิดใคร่ครวญ :
มีสิ่งใดที่ช่วยให้คุณระลึกถึงและยึดมั่นในความหวังที่แน่นอนและมั่นคงว่าจะได้รับการปลดปล่อย การไว้วางใจพระเจ้าช่วยค้ำจุนคุณอย่างไรในช่วงยากลำบาก

อธิษฐาน :
เมื่อฉันรู้สึกถูกทอดทิ้ง ฉันยึดมั่นในความหวังที่มาจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ซึ่งวันหนึ่งจะปลดปล่อยฉันสู่ความชื่นชมยินดีนิรันดร์

ในอ้อมแขนของพระเจ้า

เสียงของเครื่องกรอฟันทำให้ซาร่าห์วัยห้าขวบหวาดกลัว เธอกระโดดออกจากเก้าอี้หมอฟันและไม่ยอมกลับไปนั่งอีก หมอฟันพยักหน้าอย่างเข้าใจและบอกกับพ่อของเธอว่า “คุณพ่อช่วยนั่งเก้าอี้ด้วยครับ” เจสันนึกว่าเขาจะต้องแสดงให้ลูกสาวเห็นว่ามันง่ายแค่ไหน แต่แล้วหมอฟันก็หันไปหาเด็กหญิงแล้วพูดว่า “ทีนี้ หนูปีนขึ้นมานั่งบนตักคุณพ่อหน่อย” ในตอนนี้เมื่อพ่อโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนที่ให้ความมั่นใจ ซาร่าห์ก็รู้สึกผ่อนคลายและหมอฟันจึงสามารถทำงานต่อได้

ในวันนั้น เจสันได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญถึงเรื่องความอบอุ่นใจจากการสถิตอยู่ด้วยของพระบิดาในสวรรค์ “บางครั้งพระเจ้า [เลือกที่จะไม่] เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่” เขาพูด “แต่พระเจ้าทรงสำแดงให้ผมเห็นว่า ‘เราจะอยู่ตรงนั้นกับเจ้า’”

สดุดี 91 พูดถึงการทรงสถิตที่อบอุ่นใจและฤทธิ์เดชของพระเจ้าซึ่งประทานกำลังให้เราในการเผชิญการทดลอง การรู้ว่าเราสามารถเข้าไปพักสงบในอ้อมแขนอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ได้นั้้นทำให้เรามีความมั่นใจอย่างล้นเหลือ ดังที่พระองค์ทรงสัญญาต่อคนเหล่านั้นที่รักพระองค์ว่า “เมื่อเขาร้องทูลเรา เราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบาก” (ข้อ 15)

ชีวิตมีอุปสรรคและการทดลองที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้มากมาย และเราจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและทรมานอย่างหนีไม่พ้น แต่ด้วยอ้อมแขนอันมั่นคงของพระเจ้าที่โอบกอดเราไว้ เราจะอดทนต่อสถานการณ์และวิกฤตการณ์ของเราได้ และยอมให้พระองค์เสริมกำลังความเชื่อของเราให้เข้มแข็งขึ้นขณะที่เราเติบโตผ่านเหตุการณ์เหล่านั้น

รับใช้เพื่อเห็นแก่พระเจ้า

เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธแห่งอังกฤษเสด็จสวรรคตในเดือนกันยายนปี 2022 ทหารหลายพันนายถูกส่งไปร่วมขบวนแห่พระบรมศพ บทบาทของพวกเขาแต่ละคนคงจะไม่เป็นที่สังเกตเห็นในหมู่ฝูงชนจำนวนมาก แต่หลายคนถือว่านั่นเป็นเกียรติยศสูงสุด ทหารคนหนึ่งกล่าวว่านี่เป็น “โอกาสสุดท้ายที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อพระองค์” สำหรับเขาแล้วความสำคัญของหน้าที่นี้ไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่ เขาทำ แต่เป็นผู้ที่ เขาทำถวายต่างหาก

คนเลวีที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเครื่องใช้ในพลับพลาก็มีเป้าหมายที่คล้ายกัน วงศ์เกอร์โชน วงศ์โคฮาท และวงศ์เมรารีได้รับมอบหมายต่างจากพวกปุโรหิตให้ทำหน้าที่ที่ดูเหมือนจำเจ คือ ทำความสะอาดเครื่องเรือน คันประทีป ผ้าม่าน เสา หลักหมุด และเชือกโยง (กดว.3:25-26, 28, 31, 36-37) แต่หน้าที่ของพวกเขาก็ได้รับการมอบหมายอย่างเฉพาะเจาะจงจากพระเจ้า คือทรงแต่งตั้งให้ “ปฏิบัติงานที่พลับพลา” (ข้อ 8) และได้รับการบันทึกไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์เพื่อคนรุ่นหลัง

ช่างเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดกำลังใจอย่างมาก! ทุกวันนี้สิ่งที่พวกเราหลายคนทำทั้งที่ทำงาน ที่บ้าน หรือที่คริสตจักรอาจดูเล็กน้อยในสายตาของโลกที่ให้คุณค่ากับตำแหน่งและเงินเดือน แต่พระเจ้าทรงมองต่างออกไป ถ้าเราทำงานและรับใช้เพื่อเห็นแก่พระองค์ โดยพยายามทำให้ดีที่สุดและทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ แม้จะเป็นงานที่เล็กน้อยที่สุด ถ้าเช่นนั้นงานของเราก็มีความสำคัญเพราะเรากำลังรับใช้องค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา

รักผ่านคำอธิษฐาน

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่จอห์นเป็นคนค่อนข้างฉุนเฉียวเมื่ออยู่ที่โบสถ์ เขาอารมณ์ร้าย เรียกร้องสูง และหยาบคายอยู่บ่อยครั้ง เขาบ่นอยู่เสมอว่าไม่ได้รับการ “รับใช้” ที่ดีพอ และอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ไม่ทำหน้าที่ของตนเอง จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ยากที่จะรัก

ดังนั้นเมื่อผมได้ยินว่าเขาเป็นมะเร็ง จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะอธิษฐานเผื่อเขา จิตใจของผมเต็มไปด้วยความทรงจำถึงคำพูดร้ายๆและท่าทีที่ไม่น่ารักของเขา แต่เมื่อระลึกถึงคำสั่งของพระเยซูที่ให้เรารักกัน ผมก็อธิษฐานอย่างเรียบง่ายให้จอห์นทุกวัน ไม่กี่วันต่อมาผมพบว่าผมเริ่มคิดถึงความไม่น่ารักของเขาน้อยลง เขาคงเจ็บปวดน่าดูนะ ผมคิด เขาคงรู้สึกหลงทางอยู่แน่ๆ

จึงได้เข้าใจว่าการอธิษฐานคือการเปิดตัวเรา ความรู้สึกและความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่นต่อพระเจ้า โดยอนุญาตให้พระองค์ได้เข้ามาและมอบมุมมองของพระองค์ให้เรา การมอบเจตจำนงค์และความรู้สึกให้พระองค์ในคำอธิษฐานนั้นเปิดโอกาสให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาเปลี่ยนหัวใจของเราอย่างช้าๆแต่มั่นคง แน่นอนว่าการทรงเรียกให้รักศัตรูของพระเยซูนั้นเชื่อมโยงกับการทรงเรียกให้อธิษฐาน “จงอธิษฐานเพื่อคนที่เคี่ยวเข็ญท่าน” (ลก.6:28)

ผมต้องยอมรับว่าผมยังต้องต่อสู้ในการคิดแง่บวกกับจอห์น แต่ด้วยการช่วยเหลือของพระวิญญาณ ผมกำลังเรียนรู้ที่จะมองเขาผ่านสายตาและหัวใจของพระเจ้า ในฐานะเป็นคนที่ควรได้รับการให้อภัยและความรัก

สัตย์ซื่อแต่ไม่ถูกลืม

ขณะที่ฌอนเติบโตขึ้นมานั้นเขาแทบไม่รู้ความหมายของการมีครอบครัว แม่ของเขาเสียชีวิตและพ่อแทบไม่ได้อยู่บ้าน เขามักรู้สึกโดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้ง แต่สามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ๆได้ยื่นมือเข้ามา โดยพาฌอนไปบ้านและให้ลูกๆ ของพวกเขาเป็น “พี่ชาย” และ “พี่สาว” ของฌอนซึ่งทำให้เขามั่นใจว่าเขาได้รับความรัก ทั้งยังพาเขาไปคริสตจักรที่ซึ่งเวลานี้ฌอนเป็นชายหนุ่มที่มีความมั่นใจในฐานะผู้นำเยาวชน

แม้ว่าสามีภรรยาคู่นี้จะมีบทบาทสำคัญในการพลิกชีวิตชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่สิ่งที่พวกเขาทำเพื่อฌอนกลับไม่เป็นที่รับรู้มากนักในหมู่คนส่วนใหญ่ในครอบครัวคริสตจักรของพวกเขา แต่พระเจ้าทรงรู้ และผมเชื่อว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้รับบำเหน็จจากความสัตย์ซื่อนั้น เช่นเดียวกับคนเหล่านั้นที่มีรายชื่อใน “หอแห่งความเชื่อ” พระธรรมฮีบรู 11 เริ่มต้นด้วยรายชื่อบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในพระคัมภีร์ แต่กล่าวถึงคนอื่นๆอีกนับไม่ถ้วนที่เราอาจไม่เคยรู้จัก กระนั้นพวกเขาเป็นผู้ที่ “มีชื่อเสียงดีเพราะความเชื่อของเขา” (ข้อ 39) และ “แผ่นดินโลก ผู้เขียนบันทึกว่า ไม่สมกับคนเช่นนั้นเลย” (ข้อ 38)

แม้เมื่อการกระทำด้วยความเมตตาของเราไม่มีใครสังเกตเห็น พระเจ้าทรงเห็นและทรงรู้ สิ่งที่เราทำอาจดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่เอื้อเฟื้อหรือคำพูดหนุนใจ แต่พระเจ้าทรงใช้สิ่งนั้นได้เพื่อนำเกียรติมาสู่พระนามของพระองค์ ในเวลาของพระองค์ และในวิถีทางของพระองค์ พระองค์ทรงรู้แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้

เส้นทางใหม่

บางทีผมไม่น่าตอบตกลงที่จะไปร่วมวิ่งกับไบรอันตั้งแต่แรก ผมอยู่ในต่างแดน และผมไม่รู้เลยว่าเราจะวิ่งไปทางใดและไกลแค่ไหน หรือสภาพเส้นทางเป็นอย่างไร มิหนำซ้ำไบรอันยังเป็นคนที่วิ่งเร็ว ผมจะต้องวิ่งตามเขาจนขาขวิดไหมเนี่ย ผมจะทำอะไรได้นอกจากเชื่อใจไบรอันเพราะเขารู้เส้นทาง เมื่อเราเริ่มวิ่ง ผมยิ่งกังวลมากขึ้น เส้นทางวิ่งนั้นทรหดคดเคี้ยวผ่านป่าทึบและขรุขระ ยังดีที่ไบรอันคอยหันมาดูผมและเตือนผมเวลาที่เส้นทางข้างหน้ายากลำบาก

บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่หลายคนในสมัยพระคัมภีร์รู้สึกเมื่อต้องเข้าไปยังดินแดนที่ไม่คุ้นเคย เช่น อับราฮัมในคานาอัน ชนชาติอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร และสาวกของพระเยซูในการเดินทางเผยแพร่ข่าวประเสริฐ พวกเขาไม่รู้เลยว่าเส้นทางจะเป็นเช่นไร รู้แต่เพียงว่าจะต้องลำบากแน่ แต่พวกเขามีผู้ที่ทรงนำเขา ผู้ทรงรู้หนทางข้างหน้า พวกเขาจำเป็นต้องไว้วางใจว่าพระเจ้าจะประทานกำลังในการรับมือและพระองค์จะดูแลพวกเขา พวกเขาติดตามพระองค์ไปได้เพราะพระองค์ทรงรู้อย่างแน่ชัดว่ามีอะไรคอยอยู่ข้างหน้า

คำรับรองนี้ปลอบใจดาวิดขณะที่ท่านหลบหนี ทั้งที่มีความไม่แน่นอนอย่างมาก ท่านทูลพระเจ้าว่า “เมื่อใจของข้าพระองค์อ่อนระอา พระองค์ทรงทราบทางของข้าพระองค์” (สดด.142:3) จะมีบางครั้งในชีวิตที่เรารู้สึกกลัวสิ่งที่อยู่ข้างหน้า แต่เรารู้ว่า พระเจ้าของเราผู้ทรงดำเนินไปกับเราทรงรู้จักเส้นทางนั้น

ความหวังท่ามกลางความเศร้าโศก

หลุยส์เป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและขี้เล่น เธอจะสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนที่พบเธอ เมื่ออายุได้ห้าขวบเธอเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าด้วยโรคหายาก การจากไปอย่างกะทันหันของเธอสร้างความสะเทือนใจให้กับเดย์เดย์และปีเตอร์ผู้เป็นพ่อแม่ และทุกคนที่ทำงานกับพวกเขา เราต่างก็เศร้าโศกไปกับพวกเขาด้วย

กระนั้นเดย์เดย์และปีเตอร์ก็พบพลังที่จะก้าวต่อไป เมื่อผมถามเดย์เดย์ว่า พวกเขารับมือได้อย่างไร เธอบอกว่าพวกเขาได้รับพลังมาจากการมุ่งความสนใจไปยังที่ที่หลุยส์อยู่ นั่นก็คือในอ้อมแขนอันเปี่ยมไปด้วยความรักของพระเยซู “เราชื่นชมยินดีกับลูกสาวของเราผู้ซึ่งเวลาในโลกได้หมดลง เพื่อเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์” เธอกล่าว “โดยพระคุณและกำลังจากพระเจ้า เราจึงสามารถเดินผ่านความเศร้าโศกและทำในสิ่งที่พระองค์ทรงมอบหมายให้เราทำต่อไปได้”

เดย์เดย์ได้รับการชูใจจากความเชื่อมั่นที่เธอมีในพระทัยของพระเจ้าผู้ทรงสำแดงพระองค์เองผ่านทางพระเยซู ความหวังที่พระคัมภีร์พูดถึงนั้นไม่ได้เป็นแค่การมองโลกในแง่ดี แต่เป็นความแน่ใจอย่างแท้จริงในพระสัญญาของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่มีวันผิดสัญญา ในท่ามกลางความโศกเศร้าเราสามารถยึดมั่นในความจริงที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจนี้ได้ ดังที่เปาโลได้ปลอบใจผู้ที่กำลังโศกเศร้าเพราะเพื่อนที่จากไปว่า “เราเชื่อว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และทรงคืนพระชนม์แล้ว โดยพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำบรรดาคนที่ล่วงหลับไปแล้วนั้นมากับพระองค์” (1ธส.4:14) ขอให้ความหวังนี้ทำให้เราได้รับกำลังและการชูใจแม้ในท่ามกลางความเศร้าโศกในวันนี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา