ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Leslie Koh

กิจวัตรประจำอันเป็นพระพร

เมื่อมองดูฝูงชนในยามเช้าหลั่งไหลเข้ามาในรถไฟ ผมรู้สึกได้ถึงความเคร่งเครียดของวันจันทร์ที่จู่โจมเข้ามา จากใบหน้าที่ง่วงเหงาและไม่พอใจของผู้คนในตู้โดยสารที่แออัด ผมบอกได้เลยว่าไม่มีใครตั้งตารอคอยที่จะได้ไปทำงาน สีหน้าบึ้งตึงขึ้นเมื่อคนแย่งพื้นที่และพยายามเบียดเสียดเข้ามา วันปกติธรรมดาอีกวันที่เรากลับสู่การทำงานกันอีกครั้ง

แล้วผมก็นึกได้ว่าเมื่อปีก่อน รถไฟคงจะว่างเปล่าเพราะการล็อกดาวน์จากโควิด 19 การล็อกดาวน์ทำให้กิจวัตรประจำของเรายุ่งเหยิง แม้แต่จะออกไปทานอาหารก็ไม่อาจทำได้ และบางคนก็คิดถึงการไปทำงานที่ออฟฟิศจริงๆ แต่ตอนนี้เราเกือบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว และหลายคนก็กลับไปทำงานตามปกติ ผมจึงตระหนักว่า “กิจวัตรประจำ” นั้นเป็นข่าวดี และเรื่อง “น่าเบื่อ” ก็เป็นพระพร!

กษัตริย์ซาโลมอนได้ข้อสรุปที่คล้ายคลึงกัน หลังจากทรงไตร่ตรองถึงความไร้จุดหมายในการตรากตรำทุกวัน (ปญจ.2:17-23) บางครั้งมันดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด “อนิจจัง” และไร้ซึ่งรางวัลตอบแทน (ข้อ 21) แต่แล้วพระองค์ก็ตระหนักว่าการได้กิน ดื่ม และทำงานในแต่ละวันก็เป็นพระพรจากพระเจ้า (ข้อ 24)

เมื่อเราต้องสูญเสียกิจวัตรประจำไป เราจึงเห็นได้ว่ากิจกรรมง่ายๆเหล่านี้คือความเพลิดเพลิน ให้เราขอบคุณพระเจ้าว่านี่เป็นของประทานจากพระเจ้าแก่มนุษย์ ที่จะให้มนุษย์ได้กินดื่มและเพลิดเพลินในบรรดาการงานของเขา (3:13)

บากบั่นในพระเยซู

ขณะที่วิ่งอยู่ในป่า ผมพยายามหาทางลัดและใช้เส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ด้วยความสงสัยว่าตัวเองหลงทางหรือเปล่า ผมจึงถามคนที่กำลังวิ่งมาจากอีกทางหนึ่งว่าผมมาถูกทางแล้วใช่ไหม

“ใช่” เขาตอบอย่างมั่นใจ เมื่อเห็นใบหน้าไม่มั่นใจของผม เขารีบพูดต่อว่า “ไม่ต้องกังวลหรอก ผมลองทางที่ผิดมาหมดแล้ว! แต่ไม่เป็นไร ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการวิ่ง”

ช่างเป็นคำอธิบายที่ตรงกับการเดินทางฝ่ายวิญญาณของผมเสียเหลือเกิน! กี่ครั้งแล้วที่ผมหลงไปจากพระเจ้า พ่ายแพ้การทดลอง และหันความสนใจไปยังสิ่งต่างๆในชีวิต แต่พระเจ้าก็ทรงยกโทษให้ผมทุกครั้งและช่วยผมให้ก้าวต่อไป ทั้งๆที่ทรงรู้ว่าผมจะต้องล้มลงอีกแน่ พระเจ้าทรงทราบว่าเรามีแนวโน้มที่จะหลงไปในทางที่ผิด แต่พระองค์ทรงพร้อมเสมอที่จะให้อภัยครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเราสารภาพบาปของเราและยอมให้พระวิญญาณของพระองค์เปลี่ยนแปลงเรา

เปาโลเองก็รู้ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางฝ่ายวิญญาณ ท่านตระหนักดีถึงบาปในอดีตและความอ่อนแอของท่านในเวลานั้น และรู้ด้วยว่าท่านยังขาดความสมบูรณ์อย่างพระคริสต์ที่ท่านปรารถนาจะได้รับ (ฟป.3:12) “แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง” ท่านกล่าว “คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป” (ข้อ 13-14) การสะดุดล้มเป็นส่วนหนึ่งของการเดินกับพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงขัดเกลาเราผ่านความผิดพลาดของเรา พระคุณของพระองค์ทำให้เราสามารถบากบั่นมุ่งไปได้ในฐานะลูกที่ได้รับการอภัยแล้ว

ไม่เคยอยู่ไกลเกินไป

ราจเชื่อวางใจในพระเยซูให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขาในช่วงวัยรุ่น แต่ไม่นานเขาก็ละทิ้งความเชื่อและดำเนินชีวิตห่างจากพระเจ้า วันหนึ่งเขาตัดสินใจรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระเยซูและกลับไปโบสถ์อีกครั้ง เขากลับถูกต่อว่าโดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ตำหนิเรื่องที่เขาหายไปจากโบสถ์หลายปี คำต่อว่าได้เพิ่มความรู้สึกผิดและละอายใจให้กับราจ ผมหมดหวังแล้วใช่ไหม เขาสงสัยแล้วเขาก็ระลึกถึงการที่พระคริสต์ทรงให้โอกาสซีโมนเปโตรใหม่อีกครั้ง (ยน.21:15-17) แม้ว่าท่านจะเคยปฏิเสธพระองค์ (ลก.22:34, 60-61)

ไม่ว่าจะมีคำตำหนิใดก็ตามที่เปโตรคาดว่าจะต้องเจอ สิ่งที่ท่านได้รับกลับเป็นการให้อภัยและให้โอกาสแก้ไข พระเยซูไม่แม้แต่จะพูดถึงการที่เปโตรปฏิเสธพระองค์ แต่กลับให้โอกาสท่านยืนยันถึงความรักที่มีต่อพระคริสต์และดูแลบรรดาผู้ติดตามพระองค์ (ยน.21:15-17) คำตรัสของพระเยซูก่อนที่เปโตรจะปฏิเสธพระองค์ได้ถูกทำให้สำเร็จ “เมื่อท่านได้หันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน” (ลก.22:32)

ราจทูลขอการอภัยและโอกาสใหม่ในแบบเดียวกันจากพระเจ้า และวันนี้เขาไม่เพียงเดินใกล้ชิดพระเยซู แต่ร่วมรับใช้ในคริสตจักร และสนับสนุนผู้เชื่อคนอื่นๆด้วย ไม่ว่าเราจะหลงหายจากพระเจ้าไปไกลเท่าไร พระองค์ไม่เพียงพร้อมที่จะให้อภัยเราและยินดีต้อนรับเรากลับมาเท่านั้น แต่ทรงพร้อมที่จะให้โอกาสเราใหม่เสมอ เพื่อเราจะสามารถรัก รับใช้ และถวายเกียรติแด่พระองค์ เราไม่เคยอยู่ไกลจากพระเจ้าเกินไป อ้อมแขนแห่งความรักของพระองค์ยังคงเปิดกว้างสำหรับเรา

นี่เป็นหมายสำคัญหรือเปล่า

ข้อเสนอฟังดูดีและตรงกับความต้องการของปีเตอร์ หลังจากถูกเลิกจ้างผู้หาเลี้ยงครอบครัวเล็กๆเพียงคนเดียวนี้ก็อธิษฐานของานอย่างสิ้นหวัง “นี่ต้องเป็นการตอบคำอธิษฐานจากพระเจ้าอย่างแน่นอน” เพื่อนของเขาออกความเห็น

แต่เมื่อได้อ่านเกี่ยวกับนายจ้างใหม่ ปีเตอร์กลับรู้สึกกังวล บริษัทนี้เคยลงทุนในธุรกิจน่าสงสัยและเคยถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริต ในที่สุดปีเตอร์ก็ปฏิเสธข้อเสนอแม้จะรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องทำเช่นนั้น “ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงต้องการให้ผมทำสิ่งที่ถูกต้อง” เขาบอกกับผม “เพียงแต่ผมต้องวางใจว่าพระองค์จะทรงจัดเตรียมเพื่อผม”

เรื่องของปีเตอร์ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ดาวิดพบกับซาอูลในถ้ำ ดูเหมือนท่านจะได้รับโอกาสอันยอดเยี่ยมในการฆ่าชายที่ไล่ล่าท่าน แต่ดาวิดปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า “พระเจ้าทรงห้ามไม่ให้ข้าพเจ้ากระทำสิ่งนี้ต่อ...ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้” (1 ซมอ.24:6) ดาวิดระมัดระวังในการแยกแยะระหว่างการตีความสถานการณ์ด้วยตนเอง กับพระบัญชาของพระเจ้าที่ให้เชื่อฟังพระดำรัสของพระองค์และทำสิ่งที่ถูกต้อง

แทนที่จะพยายามมองหา “หมายสำคัญ” ในสถานการณ์ใดๆอยู่เสมอ ขอให้มองไปที่พระเจ้าและความจริงของพระองค์ เพื่อจะมีสติปัญญาและคำชี้แนะในการแยกแยะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรา พระองค์จะทรงช่วยเราให้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระองค์

ส่วนของคุณและส่วนของพระเจ้า

เมื่อจานีสเพื่อนของฉันถูกทาบทามให้บริหารงานในแผนกของเธอหลังทำงานได้เพียงไม่กี่ปี เธอรู้สึกว่าทำไม่ได้ หลังจากอธิษฐานเรื่องนี้ เธอรู้สึกว่าพระเจ้าอยากให้เธอรับตำแหน่ง แต่เธอยังกลัวว่าจะไม่สามารถรับผิดชอบได้ “ข้าพระองค์จะนำด้วยประสบการณ์แค่เล็กน้อยได้อย่างไร” เธอถามพระเจ้า “ทำไมพระองค์วางข้าพระองค์ไว้ที่นี่ถ้าข้าพระองค์จะล้มเหลว”

หลังจากนั้น จานีสได้อ่านเรื่องการทรงเรียกของอับรามในปฐมกาล 12 และสังเกตว่าส่วนของท่านคือ “ออกจากเมือง...ไปยังดินแดนที่ (พระเจ้า)จะบอกให้เจ้ารู้...ฝ่ายอับรามก็ไป” (ข้อ 1,4) นี่เป็นการกระทำที่สุดโต่ง เพราะไม่มีใครอาจหาญแบบนี้ในสมัยโบราณ แต่พระเจ้าทรงเรียกให้ท่านวางใจในพระองค์โดยการทิ้งทุกอย่างที่ท่านรู้ไว้ข้างหลัง และพระองค์จะทรงทำส่วนที่เหลือ แล้วจะมีอัตลักษณ์เช่นไร เจ้าจะเป็นชนชาติใหญ่ การจัดเตรียมล่ะ เราจะอวยพรเจ้า ชื่อเสียงล่ะ ชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือ แล้วเพื่อจุดมุ่งหมายใด บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า ท่านทำผิดครั้งใหญ่บ้างในระหว่างทาง แต่ “อับราฮัมมีความเชื่อ...ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน” (ฮบ.11:8)

ความเข้าใจนี้ได้เอาความหนักใจออกไปจากจานีส “ฉันไม่ต้องกังวลเรื่อง ‘ความสำเร็จ’ ในงานของฉัน” เธอบอกฉันหลังจากนั้น “ฉันแค่ต้องจดจ่ออยู่ที่การวางใจในพระเจ้าที่จะทรงช่วยให้ฉันสามารถทำงานได้” เมื่อพระเจ้าทรงจัดเตรียมความเชื่อที่เราจำเป็นต้องมีแล้ว ขอให้เราวางใจในพระองค์ด้วยสิ้นสุด
ชีวิตของเรา

วิ่งหนี

บทเรียนเบื้องต้นของไอคิโด ซึ่งเป็นศิลปะป้องกันตัวดั้งเดิมของญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่ให้ความเข้าใจมาก เซ็นเซ หรือครูฝึกบอกเราว่า เมื่อเผชิญหน้ากับผู้โจมตี การตอบสนองแรกของเราควรเป็นการ “วิ่งหนี” “ยกเว้นวิ่งหนีไม่ได้ คุณถึงจะต่อสู้” เขากล่าวอย่างจริงจัง

วิ่งหนีหรือ ผมแปลกใจ ทำไมครูฝึกทักษะการป้องกันตัวขั้นสูงจึงบอกเราให้วิ่งหนีการต่อสู้ มันดูขัดกับสัญชาตญาณ จนกระทั่งเขาอธิบายว่ารูปแบบการป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงการต่อสู้ตั้งแต่แรก จริงด้วย!

เมื่อคนกลุ่มหนึ่งมาจับพระเยซู เปโตรตอบสนองเหมือนอย่างที่เราบางคนจะทำ คือชักดาบออกมาต่อสู้หนึ่งในคนเหล่านั้น (มธ.26:51; ดู ยน.18:10) แต่พระเยซูทรงบอกให้เปโตรเก็บดาบแล้วตรัสว่า “แต่ถ้าเช่นนั้นพระคัมภีร์ที่ว่า จำจะต้องเป็นอย่างนี้ จะสำเร็จได้อย่างไร” (มธ.26:54)

แม้การตระหนักถึงความยุติธรรมจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็สำคัญเช่นกันที่จะเข้าใจพระประสงค์และอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งเป็น อาณาจักรที่ “ตรงกันข้าม” ที่เรียกร้องให้เรารักศัตรูและตอบแทนความชั่วด้วยความดี (5:44) นี่เป็นการตอบสนองที่แตกต่างจากโลกอย่างสิ้นเชิง แต่กระนั้นก็เป็นการตอบสนองที่พระเจ้าทรงพยายามบ่มเพาะในตัวเรา

ลูกา 22:51 ยังบรรยายถึงการที่พระเยซูทรงรักษาหูของชายที่ถูกเปโตรฟัน ขอให้เราเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากเหมือนที่พระองค์ทำ โดยแสวงหาสันติสุขและการคืนดีอยู่เสมอ ในขณะที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้แก่เรา

การโต้เถียงที่ลานจอดรถ

ฉากในลานจอดรถอาจจะดูน่าขบขันถ้าเรื่องราวไม่น่าเศร้าใจขนาดนั้น คนขับสองคนโต้เถียงกันเสียงดังเรื่องรถของคนหนึ่งที่ขวางทางรถของอีกคนหนึ่ง และมีการโต้ตอบกันด้วยคำพูดที่รุนแรง

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าเจ็บปวดเป็นพิเศษเมื่อมองดูก็คือ นี่เป็นการทะเลาะวิวาทกันที่บริเวณลานจอดรถของคริสตจักร ชายสองคนอาจเพิ่งฟังคำเทศนาเรื่องความรัก ความอดทน หรือการให้อภัย แต่ทุกอย่างก็ถูกลืมในเวลาที่ฉุนเฉียว

ผมเดินผ่านไปพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นผมก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าผมก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขา กี่ครั้งแล้วที่ผมอ่านพระคัมภีร์แล้วก็ตกลงไปสู่ความบาปในเวลาต่อมาด้วยความคิดที่ปราศจากความเมตตา กี่ครั้งแล้วที่ผมประพฤติตนเหมือนคนที่ “ดูหน้าของตัวในกระจกเงา เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร” (ยก.1:23-24)

ยากอบเรียกร้องให้ผู้อ่านไม่เพียงอ่านและไตร่ตรองถึงคำสั่งสอนของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังให้ทำตามพระวจนะนั้นด้วย (ข้อ 22) ท่านกล่าวว่าความเชื่อที่สมบูรณ์หมายถึงทั้งการรู้พระคัมภีร์และการนำไปปฏิบัติ

สถานการณ์ของชีวิตอาจทำให้การปฏิบัติตามพระคัมภีร์เป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเราทูลขอพระบิดา พระองค์จะทรงช่วยเราในการเชื่อฟังพระวจนะและให้การกระทำของเราเป็นที่พอพระทัยของพระองค์อย่างแน่นอน

การเริ่มต้นที่สดใหม่

ในเทศกาลตรุษจีนนั้นครอบครัวชาวจีนในทุกหนแห่งจะมาฉลองร่วมกัน วันตรุษจีนจะถูกกำหนดตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งมักจะอยู่ในช่วงปลายมกราคมถึงกลางกุมภาพันธ์ การที่ครอบครัวกลับมาเจอกันนี้มีธรรมเนียมปฏิบัติมากมาย บางอย่างก็มีความหมายอย่างยิ่ง ทั้งการซื้อและสวมเสื้อผ้าใหม่ การทำความสะอาดบ้าน และจ่ายหนี้ที่ยังค้างอยู่ ซึ่งเตือนให้เราทิ้งอดีตไว้ข้างหลังและเริ่มต้นปีอย่างขาวสะอาด

ธรรมเนียมเหล่านี้ยังเตือนผมถึงชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ไม่ว่าเราจะเคยเป็นเช่นไรหรือเคยทำสิ่งใด เราสามารถทิ้งมันไว้ข้างหลัง เราสามารถหยุดลงโทษตัวเองเพราะอดีตและละทิ้งความรู้สึกผิด โดยรู้ว่าเราได้รับการอภัยอย่างสมบูรณ์โดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนกางเขน และเราเริ่มต้นอย่างสดใหม่ได้ โดยรู้ว่าเราสามารถพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเราให้เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นทุกวัน

นี่เป็นเหตุให้เปาโลเตือนผู้เชื่อว่า “สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 คร.5:17) เราก็พูดเช่นนี้ได้เพราะความจริงที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้ คือพระเจ้าทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์ และมิได้ทรงถือโทษในการผิดของเราอีก (ข้อ 19)

ผู้คนรอบตัวอาจไม่เต็มใจที่จะลืมความผิดในอดีตของเรา แต่เรามีกำลังใจได้ว่าในสายพระเนตรของพระเจ้าเราไม่ถูกลงโทษอีกต่อไป (รม.8:1) เช่นที่เปาโลบอกว่า “ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา” (ข้อ 31) ขอให้เรายินดีในการเริ่มต้นใหม่นี้ที่พระเจ้าได้ประทานแก่เราผ่านทางพระเยซู

การรอคอยที่คุ้มค่า

เมื่อต้องจมอยู่กับงานเครียดๆหลายชั่วโมงและหัวหน้าที่ไร้เหตุผล เจมส์หวังว่าเขาจะลาออกได้ แต่เขายังมีบ้านที่ต้องผ่อน มีภรรยาและลูกเล็กที่ต้องเลี้ยงดู เขาอยากจะลาออกไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แต่ภรรยาเตือนเขาว่า “รออีกหน่อยแล้วดูว่าพระเจ้าจะประทานอะไรให้เรา”

หลายเดือนต่อมา คำอธิษฐานของพวกเขาได้รับคำตอบ เจมส์ได้งานที่ชอบและได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น เขาบอกกับผมว่า “ช่วงหลายเดือนนั้นช่างยาวนาน แต่ผมดีใจที่ผมรอคอยให้แผนการของพระเจ้าเปิดเผยในเวลาของพระองค์”

การรอคอยความช่วยเหลือจากพระเจ้าในท่ามกลางปัญหาเป็นเรื่องยาก เราอาจถูกล่อลวงให้หาทางออกด้วยตัวเองก่อน อิสราเอลทำเช่นนั้น ด้วยคำขู่จากศัตรู พวกเขาจึงแสวงหาการช่วยเหลือจากอียิปต์แทนที่จะหันมาหาพระเจ้า (อสย.30:2) แต่พระเจ้าตรัสกับพวกเขาว่า หากพวกเขากลับใจและวางใจในพระองค์ พวกเขาจะได้รับกำลังและความรอด (ข้อ 15) พระองค์ตรัสอีกว่า “พระเจ้าทรงคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย” (ข้อ 18)

การรอคอยพระเจ้านั้นอาศัยความเชื่อและความอดทน แต่เมื่อเราได้เห็นคำตอบของพระองค์ในท้ายที่สุดแล้ว เราจะตระหนักว่าการรอคอยนั้นคุ้มค่า “ผู้ที่คอยท่าพระองค์จะได้รับพระพร” (ข้อ 18) และที่ดียอดเยี่ยมไปกว่านั้นคือ พระเจ้าทรงรอคอยให้เราเข้ามาหาพระองค์!

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา