ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Marvin Williams

พระเยซูผู้เป็นตัวแทนของเรา

เศรษฐีวัยยี่สิบปีขับรถพุ่งชนคนเดินเท้าเสียชีวิตขณะแข่งรถทางตรงกับเพื่อนๆ แม้ชายหนุ่มจะได้รับโทษจำคุกสามปี แต่มีบางคนเชื่อว่าชายที่ปรากฏตัวในศาล (และถูกจำคุกในเวลาต่อมา) เป็นคนที่ถูกจ้างมาเป็นตัวแทนคนขับรถที่ก่อเหตุ เป็นที่รู้กันว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในบางประเทศที่มีการจ้างคนที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันเพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษที่ตนเองก่อ

นี่อาจฟังดูเป็นเรื่องอุกอาจและน่าอดสู แต่เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว พระเยซูก็ได้ทรงเป็นตัวแทนของเราและ “สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะความผิดบาป[ของเรา]คือพระองค์ผู้ชอบธรรมเพื่อผู้ไม่ชอบธรรม” (1 ปต.3:18) พระคริสต์ผู้ทรงเป็นเครื่องบูชาที่ปราศจากบาปของพระเจ้า ได้ทรงทนทุกข์และสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียวเพื่อคนทั้งปวง (ฮบ.10:10) คือทุกคนที่เชื่อในพระองค์ ทรงรับโทษบาปทั้งหมดของเราไว้ในพระกายของพระองค์บนไม้กางเขน ต่างจากคนในสมัยนี้ที่เลือกจะเป็นตัวแทนของอาชญากรเพื่อแลกกับเงิน แต่การที่พระคริสต์สิ้นพระชนม์แทนเราบนกางเขนนำ “ความหวัง” มาให้เรา เพราะพระองค์เต็มพระทัยสละพระชนม์เพื่อเรา (1 ปต.3:15, 18; ยน.10:15) พระองค์ทรงทำเช่นนี้เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเรากับพระเจ้า

ขอให้เราชื่นชมยินดีและพบกับความสบายใจและมั่นใจในความจริงอันลึกซึ้งนี้ที่ว่า โดยการที่พระเยซูสิ้นพระชนม์แทนเราเท่านั้น ที่ทำให้เราซึ่งเป็นคนบาป สามารถกลับสู่ความสัมพันธ์และเข้าสนิทฝ่ายวิญญาณอย่างสมบูรณ์กับพระเจ้าผู้ทรงรักเรา

พระเจ้าผู้เดียวที่สามารถเติมเต็ม

อาหารราคาหนึ่งพันดอลล่าร์ ซึ่งได้แก่ กุ้งขนาดใหญ่, ชาวาร์ม่า(คล้ายเคบับ), สลัด และอื่นๆอีกมากมาย ถูกจัดส่งไปที่บ้านหลังหนึ่ง แต่ชายที่เป็นเจ้าของบ้านไม่ได้มีงานเลี้ยง ที่จริงเขาไม่ได้เป็นคนสั่งชุดบุฟเฟ่ต์นี้มา แต่เป็นลูกชายวัยหกขวบของเขา เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้เป็นพ่อปล่อยให้ลูกชายเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน และเด็กชายได้ใช้โทรศัพท์เพื่อสั่งซื้ออาหารสุดหรูจากร้านอาหารหลายแห่ง “ลูกทำแบบนี้ทำไม” พ่อถามลูกชายซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มของเขา ลูกชายวัยหกขวบตอบว่า “ผมหิวครับ” ความอยากอาหารและความเป็นเด็กนำไปสู่ผลลัพธ์ที่มีราคาแพง

ความอยากอาหารของเอซาวทำให้เขาเสียเงินมากกว่าหนึ่งพันดอลล่าร์ ในปฐมกาลบทที่ 25 บอกว่าเอซาวเหน็ดเหนื่อยและหิวจัด เขาพูดกับน้องชายว่า “ขอให้ข้ากินของแดงนั้น ของแดงนั้นน่ะ เพราะเราหิวจัด” (ข้อ 30) ยาโคบตอบสนองโดยขอสิทธิบุตรหัวปีของเอซาว (ข้อ 31) สิทธิบุตรหัวปีนี้รวมถึงสถานะที่พิเศษของเอซาวในฐานะบุตรชายคนโต พระพรตามพระสัญญาของพระเจ้า มรดกที่มากถึงสองเท่า และสิทธิพิเศษของการเป็นผู้นำฝ่ายวิญญาณของครอบครัว แต่เอซาวเลือกที่จะ “กินและดื่ม” และ “ดูหมิ่นสิทธิบุตรหัวปีของตน” (ข้อ 34)

เมื่อเราถูกล่อลวงและปรารถนาบางสิ่ง แทนที่จะปล่อยให้ความอยากนำเราไปสู่ความผิดพลาดและความบาปที่มีราคาแพง ให้เรายื่นมือออกไปหาพระบิดาในสวรรค์ พระองค์ผู้เดียวคือผู้ที่เติมเต็มจิตวิญญาณที่หิวกระหาย “ด้วยของดี” (สดด.107:9) แก่เราได้

ไม่ใช่โชค แต่พระคริสต์

นิตยสาร ดิสคัพเวอร์ เสนอว่าในจักรวาลมีดาวเคราะห์ประมาณ 700 ล้านล้านล้านดวง (7 ตามด้วยศูนย์ 20 ตัว) แต่มีดวงเดียวที่เป็นแบบโลกมนุษย์ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์อีริค แซคคริสสันกล่าวว่า หนึ่งในคุณสมบัติของดาวเคราะห์ที่เกื้อหนุนการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต คือ การโคจรในเขตที่ “เอื้อต่อการอยู่อาศัย” ซึ่งมีอุณหภูมิเหมาะสมและมีแหล่งน้ำ จากดาวเคราะห์กว่า 700 ล้านล้านล้านดวง โลกดูเหมือนจะเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสภาวะที่เหมาะสม แซคคริสสันสรุปว่าโดยทางใดทางหนึ่งนั้น โลกได้รับการจัดการแบบ “ค่อนข้างมีโชค”

เปาโลยืนยันกับผู้เชื่อชาวโคโลสีว่า จักรวาลดำรงอยู่ได้ไม่ใช่เพราะเทพีแห่งโชค แต่เป็นเพราะราชกิจของพระเยซู อัครทูตนำเสนอพระคริสต์ในฐานะผู้สร้างโลก “เพราะว่าในพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น” (คส.1:16) พระเยซูไม่เพียงเป็นผู้สร้างโลกที่กอปรด้วยฤทธิ์อำนาจ แต่เปาโลกล่าวว่า “สรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์” (ข้อ 17) คือโลกที่ไม่ร้อนเกินไปและไม่เย็นเกินไป แต่เป็นโลกที่พอเหมาะพอดีสำหรับมนุษย์ในการดำรงชีพ สิ่งใดที่พระเยซูทรงสร้าง พระองค์ทรงค้ำจุนไว้ด้วยพระปัญญาอันสมบูรณ์และฤทธานุภาพที่ไม่สิ้นสุดของพระองค์

ขณะที่เรามีส่วนและเพลิดเพลินกับความงดงามของสรรพสิ่งที่ทรงสร้างนั้น ขอให้เราตั้งใจที่จะไม่บอกว่านี่เป็นเหตุบังเอิญหรือเพราะเทพีแห่งโชค แต่เป็นเพราะพระองค์ผู้นั้นผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยวัตถุประสงค์ ทรงปกครองเหนือทุกสิ่ง ทรงฤทธานุภาพและกอปรด้วยความรัก ผู้ทรงเปี่ยมไปด้วย “ความบริบูรณ์ทั้งสิ้น[ของพระเจ้า]” (ข้อ 19 TNCV)

ทำให้ต่ำลง

เมื่อความเย่อหยิ่งนำหน้าก็มักจะนำไปสู่ความอัปยศอดสู นี่เป็นประสบกาณ์ของชายคนหนึ่งในประเทศนอร์เวย์ บุคคลผู้นี้ไม่แม้แต่จะสวมชุดสำหรับวิ่ง เขาท้าทายด้วยความหยิ่งผยองที่จะแข่งขันกับคาร์สเตน วาร์โฮล์ม ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติโลกในการวิ่งข้ามรั้ว 400 เมตร วาร์โฮล์มที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ในสนามฝึกสาธารณะในร่มรับคำท้านั้นโดยทิ้งผู้ท้าทายแบบไม่เห็นฝุ่น และที่เส้นชัยแชมป์โลก 2 สมัยผู้นี้ยิ้มเมื่อชายคนนั้นยืนกรานว่าตนออกสตาร์ทได้ไม่ดีและต้องการจะแข่งขันอีกครั้ง!

ในพระธรรมสุภาษิต 29:23 กล่าวว่า “ความเย่อหยิ่งของคนนำให้เขาต่ำลง แต่คนที่มีใจถ่อมจะได้รับเกียรติ” การที่พระเจ้าทรงจัดการกับคนเย่อหยิ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ซาโลมอนโปรดปรานในพระธรรมเล่มนี้ (11:2; 16:18; 18:12) คำว่า เย่อหยิ่ง ในข้อเหล่านี้หมายถึง “โอ้อวด” หรือ “ยกตัวขึ้น” โดยรับเกียรติในสิ่งที่เป็นของพระเจ้าโดยชอบธรรม เมื่อเราเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เราจะคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าที่ควร ครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสว่า “ผู้ใดจะยกตัวขึ้นผู้นั้นจะต้องถูกเหยียดลง ผู้ใดถ่อมตัวลง ผู้นั้นจะได้รับการยกขึ้น” (มธ.23:12) ทั้งพระเยซูและซาโลมอนแนะนำให้เราใช้ชีวิตอย่างถ่อมตัวและด้วยใจถ่อม นี่ไม่ใช่ความถ่อมตนอย่างผิดๆ แต่เป็นการมองเห็นตนเองในขอบเขตที่ถูกต้องและยอมรับว่าทุกสิ่งที่เราได้รับนั้นมาจากพระเจ้า ซึ่งเป็นการฉลาดที่จะไม่ “ปากไว” ในการพูดสิ่งใดอย่างหยิ่งผยอง (สภษ.29:20)

ให้เราทูลขอพระเจ้าที่จะประทานจิตใจและสติปัญญาในการถ่อมตัวลงเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์และหลีกเลี่ยงจากความอัปยศอดสู

ไม่มีอคติอีกต่อไป

เมื่อหลายปีก่อน จูลี่ แลนส์แมนเข้ารับการทดสอบเพื่อคัดเลือกสำหรับตำแหน่งหัวหน้าผู้เล่นแตรเฟรนช์ฮอร์นของวงเมโทรโพลิแทนโอเปร่าออเคสตร้าแห่งนิวยอร์ค โดยทางวงได้จัดการทดสอบไว้ด้านหลังของฉากกั้นเพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียงจากผู้ตัดสิน แลนส์แมนทำได้ดีในการทดสอบและจบลงด้วยการชนะการแข่งขัน แต่เมื่อเธอก้าวออกมาจากหลังฉาก กรรมการผู้ตัดสินซึ่งเป็นชายล้วนบางคนได้เดินไปหลังห้องแล้วหันหลังใส่เธอ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมองหาคนอื่น

เมื่อคนอิสราเอลทูลขอกษัตริย์ พระเจ้าได้ทรงทำตามคำขอนั้นและมอบชายคนหนึ่งให้พวกเขา เป็นคนที่มีรูปกายน่าประทับใจเหมือนอย่างที่ชนชาติอื่นมี (1ซมอ.8:5; 9:2) แต่เป็นเพราะในช่วงปีแรกๆที่ซาอูลเป็นกษัตริย์ พระองค์แสดงให้เห็นถึงการขาดความเชื่อและไม่เชื่อฟังพระเจ้า พระเจ้าจึงส่งซามูเอลไปยังเมืองเบธเลเฮมเพื่อเจิมตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ (16:1-13) เมื่อซามูเอลเห็นเอลีอับผู้เป็นบุตรชายคนโต ท่านก็คิดว่าพระเจ้าได้เลือกคนนี้ให้เป็นกษัตริย์เพราะรูปร่างที่น่าประทับใจของเขา แต่พระเจ้าทรงท้าทายความคิดของซามูเอล โดยตรัสว่า “มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ” (ข้อ 7) พระเจ้าทรงเลือกดาวิดให้เป็นผู้นำประชากรของพระองค์ (ข้อ 12)

เมื่อพระเจ้าต้องประเมินความสามารถและความเหมาะสมของมนุษย์ที่จะทำตามพระประสงค์ของพระองค์นั้น พระองค์ทรงดูที่คุณลักษณะนิสัย ความตั้งใจและแรงจูงใจของคนนั้น พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้มองโลกและมนุษย์เหมือนอย่างที่พระองค์มอง คือมุ่งมองดูที่จิตใจ ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกหรือคุณสมบัติที่มี

เรียนรู้จากความผิดพลาด

ห้องสมุดแห่งความผิดพลาดได้ถูกก่อตั้งขึ้นที่เมืองเอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์ เพื่อช่วยไม่ให้เกิดความผิดพลาดทางการเงินเหมือนในปีค.ศ. 1929 และ 2008 ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ห้องสมุดนี้มีหนังสือมากกว่าสองพันเล่มที่ช่วยให้ความรู้แก่นักเศรษฐศาสตร์รุ่นหลัง และยังทำหน้าที่เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบตามคำกล่าวของเหล่าผู้ดูแลของห้องสมุดที่ว่า “คนฉลาดมักทำเรื่องโง่ๆอยู่เสมอ” บรรดาผู้ดูแลเชื่อว่าวิธีการเดียวที่จะสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งได้คือการเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เปาโลเตือนชาวเมืองโครินธ์ว่า หนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการพ่ายแพ้ต่อการทดลองและมีชีวิตฝ่ายวิญญาณที่เข้มแข็ง คือการเรียนรู้ความผิดพลาดจากคนของพระเจ้าในอดีต ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ถือดีในสิทธิพิเศษฝ่ายวิญญาณของพวกเขา เปาโลจึงได้ใช้ความผิดพลาดของชนชาติอิสราเอลในอดีตเป็นตัวอย่างเพื่อเรียนรู้ ชนชาติอิสราเอลสาละวนอยู่กับการนับถือรูปเคารพ เลือกที่จะ “ล่วงประเวณี” บ่นเรื่องแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า และกบฏต่อผู้นำที่พระเจ้าตั้งไว้ เพราะความบาปของพวกเขาทำให้พวกเขาต้องพบกับการตีสอนของพระเจ้า (1 คร.10:7-10 THSV11) เปาโลยกเอา “ตัวอย่าง” ในประวัติศาสตร์เหล่านี้มาจากพระคัมภีร์เพื่อช่วยให้ผู้เชื่อในพระเยซูหลีกเลี่ยงการทำผิดซ้ำกับชนชาติอิสราเอล (ข้อ 11)

ในขณะที่พระเจ้าทรงช่วยเรานั้น ขอให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดของเราและของผู้อื่น เพื่อที่เราจะได้มีจิตใจที่เชื่อฟังพระองค์

มงกุฎแห่งชีวิต

ลีเอเดียเนส ร็อดริเกซ-เอสพาดาวัย 12 ปี กังวลว่าเธอจะไปวิ่ง 5 กิโลเมตรสาย ความกระวนกระวายทำให้เธอออกตัวพร้อมกับกลุ่มนักวิ่งก่อนเวลาเริ่มต้นสิบห้านาที คือออกวิ่งพร้อมกับผู้เข้าร่วมแข่งฮาล์ฟมาราธอน (ประมาณ 21 กิโลเมตร) ลีเอเดียเนสก้าวทันนักวิ่งคนอื่นและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 4 เธอยังมองไม่เห็นเส้นชัย เธอจึงรู้ตัวว่าอยู่ในการแข่งขันซึ่งมีระยะไกลกว่าและยากกว่า แต่แทนที่จะออกจากสนาม เธอกลับวิ่งต่อไป นักวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโดยบังเอิญคนนี้วิ่งจนจบระยะทาง 21 กิโลเมตร และอยู่ในอันดับที่ 1,885 จากผู้เข้าเส้นชัย 2,111 คน และนั่นคือความอดทน!

ในระหว่างที่ถูกข่มเหงนั้น มีผู้เชื่อในพระเยซูจำนวนมากในศตวรรษแรกต้องการออกจากการแข่งขันเพื่อพระคริสต์ แต่ยากอบหนุนใจให้พวกเขาวิ่งต่อไป หากพวกเขาอดทนต่อการทดลอง พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานรางวัลสองประการ (ยก.1:4,12) ประการแรก ความอดทนนานนั้นจะ “บรรลุผลอันสมบูรณ์” เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ “ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย” (ข้อ 4) ประการที่สอง พระเจ้าจะประทาน “มงกุฎแห่งชีวิต” คือชีวิตในพระเยซูบนโลกนี้ และพระสัญญาว่าพวกเขาจะได้อยู่ในการทรงสถิตของพระองค์ในชีวิตหน้าที่จะมาถึง (ข้อ 12)

ในบางวัน การวิ่งแข่งในชีวิตคริสเตียนอาจไม่ได้เป็นไปในแบบที่เราลงสมัคร หรือคิดไว้ คือเป็นการแข่งที่ยาวนานและยากกว่าที่เราคาด แต่เนื่องจากพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นไว้ให้เรา เราจึงอดทนบากบั่นและวิ่งต่อไปได้

การช่วยกู้ของพระเจ้า

อาสาสมัครผู้มีใจเมตตาได้รับฉายา “ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์” จากความพยายามอันกล้าหาญของเขา เจค มานนากำลังติดตั้งแผงโซล่าอยู่ในพื้นที่งาน เมื่อเขาเข้าร่วมการค้นหาเร่งด่วนเพื่อตามหาเด็กหญิงวัยห้าขวบที่หายตัวไป ขณะที่เพื่อนบ้านค้นหาตามโรงรถและสนามหญ้า มานนาใช้เส้นทางที่นำไปสู่ป่าในบริเวณใกล้เคียงที่ซึ่งเขาเห็นเด็กหญิงอยู่ในเลนตมลึกประมาณสะโพก เขาลุยไปในโคลนเหนียวอย่างระมัดระวังเพื่อจะดึงเธอออกจากที่นั่น และพาเธอที่แม้จะเปียกโชกแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆกลับบ้านไปหาแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ

เช่นเดียวกับเด็กหญิงคนนั้น ดาวิดก็มีประสบการณ์ในการช่วยกู้เช่นกัน ท่าน “เพียรรอคอย” ให้พระเจ้าตอบสนองต่อการร้องขอความเมตตาด้วยสุดใจของท่าน (สดด.40:1) และพระองค์ทรงตอบ พระเจ้าทรงโน้มพระองค์ลงมาสดับฟังเสียงร้องของท่านและตอบสนองด้วยการช่วยกู้ท่านจากสภาวะ “เลนตม” (ข้อ 2) โดยกระทำให้ย่างเท้าแห่งชีวิตของดาวิดมั่นคง การช่วยกู้จากเลนตมแห่งชีวิตในอดีตยิ่งผลักดันให้ท่านต้องการที่จะร้องเพลงสรรเสริญ เพื่อให้พระเจ้าเป็นความไว้วางใจในเหตุการณ์ในอนาคตของท่าน และเพื่อแบ่งปันเรื่องราวของท่านต่อคนอื่น (ข้อ 3-4)

เมื่อเราเจออุปสรรคในชีวิต เช่น ความลำบากด้านการเงิน ปัญหาในชีวิตแต่งงาน และความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ให้เราร้องทูลต่อพระเจ้าและเพียรรอคอยให้พระองค์ทรงตอบ (ข้อ 1) พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น ทรงพร้อมจะช่วยเราในเวลาที่เราต้องการและประทานที่อันมั่นคงซึ่งเราจะยืนหยัดอยู่ได้

ยอมจำนนต่อพระเจ้า

พระเจ้าไม่ช่วยคนที่ช่วยตัวเอง แต่พระองค์ช่วยผู้ที่วางใจและพึ่งพาพระองค์ ในเดือนพฤษภาคมปี 2018 โจนาธาน รูมี่รู้ดีในเรื่องนี้ เขาเป็นนักแสดงที่รับบทเป็นพระเยซูในซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จเรื่อง ผู้ถูกเลือกสรร (The Chosen) ซึ่งสร้างจากหนังสือพระกิตติคุณ รูมี่ซึ่งอาศัยอยู่ในลอสแองเจลิสมาแปดปีเกือบจะหมดตัว มีอาหารแค่พอในแต่ละวันและไม่มีงานทำ เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร นักแสดงผู้นี้เทใจและมอบงานอาชีพของเขาไว้กับพระเจ้า “ผมพูด(อธิษฐาน)ว่า ‘ผมยอมจำนน ผมยอมจำนน’” หลังจากวันนั้นเขาได้รับเช็คสี่ฉบับทางไปรษณีย์ และสามเดือนต่อมา เขาได้รับเลือกให้รับแสดงบทพระเยซูในหนังเรื่องนี้ รูมี่พบว่าพระเจ้าจะทรงช่วยผู้ที่วางใจในพระองค์

แทนที่จะอิจฉาและเดือดร้อนใจเพราะเหตุ “คนที่กระทำชั่ว” (สดด.37:1) ผู้ประพันธ์สดุดีเชื้อเชิญให้เรายอมจำนนทุกสิ่งแด่พระเจ้า เมื่อเราให้พระองค์เป็นศูนย์กลางในชีวิตโดย “วางใจใน [พระองค์]และกระทำความดี...ปีติยินดีใน [พระองค์]” (ข้อ 3-4) และมอบความปรารถนา ปัญหา ความวิตกกังวลทั้งสิ้นและเหตุการณ์แต่ละวันในชีวิตของเราไว้กับพระองค์ พระเจ้าจะทรงนำชีวิตของเราและประทานสันติสุขแก่เรา (ข้อ 5-6) เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่เราในฐานะผู้เชื่อในพระเยซูจะให้พระองค์กำหนดว่าชีวิตของเราควรจะเป็นอย่างไร

ให้เรายอมจำนนและวางใจในพระเจ้า เมื่อเราทำเช่นนั้นพระองค์จะทรงกระทำกิจและทำสิ่งที่จำเป็นและดีที่สุด

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา