“เก็บมือไว้ข้างหลัง คุณจะรู้สึกดีขึ้น” เป็นคำแนะนำด้วยความรักที่สามีของแจนบอกเธอเสมอก่อนที่เธอจะต้องพูดกับกลุ่มคน เมื่อเธอพบว่าตัวเองกำลังพยายามทำให้ผู้คนประทับใจหรือพยายามจะควบคุมสถานการณ์ เธอจะทำท่านี้เพราะมันช่วยให้จิตใจเธอกลับเข้าสู่ภาวะที่พร้อมเรียนรู้และรับฟัง เธอใช้มันเพื่อเตือนตัวเองให้รักคนที่อยู่ตรงหน้า ให้ถ่อมใจและเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์

ความเข้าใจเรื่องการถ่อมใจของแจนมาจากข้อสังเกตของกษัตริย์ดาวิดที่พบว่าทุกสิ่งล้วนมาจากพระเจ้า ดาวิดทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ นอกเหนือพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่มีดีเลย” (สดด.16:2) พระองค์เรียนรู้ที่จะวางใจและแสวงหาคำปรึกษาจากพระเจ้า “ในกลางคืนจิตใจของข้าพเจ้าเตือนสอนข้าพเจ้า” (ข้อ 7) ดาวิดรู้พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้าง พระองค์จึงไม่หวั่นไหว (ข้อ 8) ดาวิดไม่จำเป็นต้องยกย่องตัวเอง เพราะพระองค์เชื่อว่าพระเจ้า ผู้ทรงฤทธิ์ทรงรักพระองค์

เมื่อเรามองไปที่พระเจ้าในแต่ละวัน ทูลขอให้พระองค์ทรงช่วยเมื่อเรารู้สึกผิดหวัง หรือประทานถ้อยคำในยามที่เราพูดไม่ออก เราจะเห็นพระองค์ทรงทำงานในชีวิตของเรา เราจะ “ร่วมงานกับพระเจ้า” เหมือนที่แจนบอก และเราจะตระหนักว่าถ้าเราทำได้ดี นั่นเป็นเพราะพระเจ้าทรงช่วยเราให้เกิดผล

เราสามารถมองผู้อื่นด้วยความรัก มือของเราไขว้ไว้ข้างหลังด้วยท่าทีถ่อมใจ เพื่อเตือนเราว่าทุกสิ่งที่เรามีล้วนมาจากพระเจ้า