Tag  |  ความกังวล

ในพระคุณ

เมื่อถึงวันที่ 8 มกราคม 1964 แรนดี้ การ์ดเนอร์วัย 17 ปีก็หลับผล็อยไปในที่สุด หลังจากไม่ได้นอนเลยเป็นเวลา 11 วัน กับ 25 นาที เขาอยากทำลายสถิติคนอดนอนของหนังสือกินเนสส์ซึ่งบันทึกสถิติโลก เขาฝืนการนอนหลับได้ถึงหนึ่งสัปดาห์ครึ่งด้วยการดื่มน้ำอัดลม เล่นบาสเกตบอล และโยนโบว์ลิ่งก่อนที่เขาจะล้มพับไป ประสาทสัมผัส การรับรส การดมกลิ่น และการได้ยินของเขาสับสนไปหมด หลายสิบปีต่อมา การ์ดเนอร์ป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับอย่างรุนแรง เขาทั้งสร้างสถิติได้ และได้ยืนยันชัดเจนว่า การนอนหลับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

แทนที่ความกังวล

ชายที่ซื่อตรงและเคารพกฎหมายคนหนึ่งได้รับข้อความเสียงว่า “นี่คือเจ้าหน้าที่_จากกรมตำรวจ กรุณาโทรหาผมที่เบอร์นี้” เขาเริ่มวิตกทันทีว่าเคยทำผิดอะไรไว้ที่ไหนหรือไม่ เขาไม่กล้าโทรกลับและนอนไม่หลับไปหลายคืนเพราะคาดเดาเหตุการณ์ไปต่างๆนานา กังวลว่าตัวเขาต้องเจอปัญหาบางอย่างตำรวจไม่เคยโทรมาอีก แต่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะหายกังวล

เรียนรู้ที่จะวางใจ

ตอนเป็นวัยรุ่น บางครั้งผมท้าทายแม่ เวลาที่ท่านพยายามหนุนใจให้ผมมีความเชื่อ แม่จะบอกว่า “วางใจพระเจ้านะ พระองค์จะดูแลลูก” แต่ผมเถียงกลับว่า “ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกแม่! พระเจ้าช่วยคนที่ช่วยตัวเอง!”

สมอเรือในยามหวาดกลัว

คุณเป็นคนมักกังวลหรือไม่ ผมเป็น ผมต่อสู้กับความกังวลใจเกือบทุกวัน ผมกังวลเรื่องใหญ่ๆ ผมกังวลเรื่องเล็กๆ บางครั้งดูเหมือนผมกังวลไปเสียทุกเรื่อง ครั้งหนึ่งตอนเป็นวัยรุ่นผมโทรแจ้งตำรวจเมื่อพ่อแม่กลับบ้านช้าไปสี่ชั่วโมง

จะไม่หัก

ในฐานะชาวแคลิฟอร์เนียโดยกำเนิดที่รักการออกแดด ฉันมักหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่หนาว แต่ฉันก็ชอบรูปหิมะสวยๆ ฉันจึงอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเพื่อนจากอิลินอยส์ให้ดูภาพต้นไม้ต้นเล็กข้างหน้าต่างในช่วงฤดูหนาว แต่การชื่นชมเปลี่ยนเป็นความเศร้าเมื่อเห็นว่ากิ่งที่หงิกงอโน้มต่ำลงด้วยน้ำหนักของน้ำแข็งที่เกาะอยู่

มองเห็นไปถึงพรุ่งนี้

ผมชอบมองดูท้องฟ้าสีครามไร้เมฆ ท้องฟ้าเป็นส่วนหนึ่งอันงดงามในผลงานชิ้นเอกของพระผู้สร้างองค์ใหญ่ยิ่งของเรา เพื่อให้เราชื่นชม ลองคิดดูว่านักบินจะรักมุมมองจากบนฟ้ามากแค่ไหน พวกเขามีคำศัพท์ทางการบินมากมายเพื่อบรรยายถึงท้องฟ้าที่เหมาะสำหรับการขึ้นบิน คำที่ผมชอบคือ “มองเห็นไปถึงพรุ่งนี้”

วางภาระลง

ชายคนหนึ่งขับรถกระบะอยู่บนถนนในชนบท เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแบกของหนักอยู่ เขาจึงจอดรถและชวนเธอโดยสารไปด้วย หญิงคนนั้นกล่าวขอบคุณและปีนขึ้นหลังรถ

"เพราะเจ้าอธิษฐาน"

คุณทำอย่างไรเวลากังวล คุณเก็บความกังวลไว้ภายในใจ หรือมอบไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเบื้องบน

เมื่อพระราชาอัสซีเรียที่เหี้ยมโหดกำลังเตรียมจะทำลายเยรูซาเล็ม ทรงส่งสารมาถึงกษัตริย์เฮเซคียาห์ข่มขู่ว่า ยูดาห์ก็ไม่ต่างกับเมืองอื่นที่เคยยึดครองมา เฮเซคียาห์นำความนี้ไปยังนิเวศในกรุงเยรูซาเล็มและ “ทรงคลี่จดหมายนั้นออกต่อพระพักตร์พระเจ้า” (อิสยาห์ 37:14) ท่านอธิษฐานทูลขอให้พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทรงช่วยเหลือ

จากนั้นไม่นาน ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บอกสิ่งที่พระเจ้าตรัสต่อเฮเซคียาห์ว่า “เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรีย” (อิสยาห์ 37:21-22) พระคัมภีร์ระบุว่า พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเฮเซคียาห์ในคืนนั้น โดยการอัศจรรย์ ทำให้กองทัพของข้าศึกที่อยู่นอกประตูเมืองพ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ทันได้ “ยิงลูกธนู” (อิสยาห์ 37:33) เซนนาเคอริบไปจากเยรูซาเล็มโดยไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย

คำสามคำที่พระเจ้าตรัสกับเฮเซคียาห์ก็คือ “เพราะเจ้าอธิษฐาน” เหตุการณ์นี้สอนวิธีที่ดีที่สุดแก่เราในการจัดการกับความกังวล เพราะเฮเซคียาห์หันหาพระเจ้า พระองค์จึงทรงช่วยกู้ท่านและประชาชนของท่าน ดังนั้นเมื่อเราเปลี่ยนความกังวลของเราเป็นการอธิษฐาน เราจะค้นพบว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง

หลุดพันจากความกลัว

ความกลัวแอบเข้ามาในใจฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต มันสร้างมโนภาพว่าฉันหมดหนทางและสิ้นหวัง ทั้งยังขโมยเอาสันติสุขและสมาธิไป ฉันกลัวอะไร ฉันกังวัลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว สุขภาพของคนที่ฉันรัก ฉันตระหนกกับการตกงานหรือความสัมพันธ์ที่จบลง ความกลัวทำให้ฉันสนใจแต่ตัวเองและเปิดเผยให้เห็นหัวใจที่ขาดความเชื่อวางใจ

เมื่อความกลัวและความกังวลปะทุขึ้น ให้เราอ่านคำอธิษฐานของดาวิดใน สดุดี 34 ที่ว่า “ข้าพเจ้าได้แสวงพระเจ้าและพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้า และทรงช่วยกู้ข้าพเจ้าจากความกลัวทั้งสิ้นของข้าพเจ้า” (สดุดี 34:4) แล้วพระเจ้าทรงช่วยเราพ้นจากความกลัวอย่างไร เมื่อเรา “เพ่งดูพระองค์” (สดุดี 34:5) เมื่อเราจดจ่ออยู่ที่พระองค์ ความกลัวจะเลือนหายไป เราเชื่อว่าพระองค์ทรงควบคุมอยู่ แล้วดาวิดก็ได้พูดถึงความกลัวอีกประเภทหนึ่ง ไม่ใช่ความกลัวที่ฉุดรั้งเรา แต่เป็นความเคารพยำเกรงอย่างสุดใจที่เรามีต่อพระองค์ผู้ทรงล้อมเราไว้และช่วยเราให้รอด (สดุดี 34:7) เราสามารถลี้ภัยอยู่ในพระองค์ได้เพราะพระองค์ประเสริฐ (สดุดี 34:8)

ความยำเกรงในความประเสริฐของพระเจ้า ทำให้เรามองความกลัวอย่างถูกต้อง เมื่อเราระลึกว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ใด และทรงรักเรามากแค่ไหน เราสามารถคลายความกังวลและเข้าสู่สันติสุขของพระองค์ ดาวิดสรุปว่า “เพราะผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดแคลน” (สดุดี34:9) เราค้นพบว่าในความยำเกรงพระเจ้า เราจะได้รับการปลดปล่อยจากความกลัว

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา