ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย James Banks

รักกว้างใหญ่เกินขอบเขต

“พระเจ้าทรงดีต่อเรามาก! ฉันอยากขอบคุณพระองค์สำหรับวันครบรอบแต่งงานของเรา” เทอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและน้ำตาที่คลอเบ้าซึ่งแสดงถึงความจริงใจของเธอ พี่น้องในกลุ่มย่อยของเรารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เรารู้ว่าเทอร์รี่และสามีต้องเจออะไรบ้างในช่วงหลายปีมานี้ แม้จะเป็นผู้เชื่อ แต่โรเบิร์ตต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการป่วยรุนแรงทางจิตอย่างกะทันหันและได้คร่าชีวิตลูกสาววัยสี่ขวบของตัวเอง เขาถูกควบคุมตัวในสถานบำบัดเป็นเวลาหลายสิบปี แต่เทอร์รี่ไปเยี่ยมเขา และพระเจ้าทรงเยียวยาบาดแผลและช่วยให้เธอสามารถยกโทษให้เขาได้ แม้พวกเขาจะปวดร้าวใจอย่างมาก แต่ความรักที่พวกเขามีให้กันนั้นยิ่งทวีมากขึ้น

ความรักและการให้อภัยเช่นนี้มาจากแหล่งเดียวเท่านั้น ดาวิดเขียนถึงพระเจ้าไว้ว่า “พระองค์มิได้ทรงกระทำต่อเราตามเรื่องบาปของเรา…ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ทรงปลดการละเมิดของเราจากเราไปไกลเท่านั้น” (สดด.103:10, 12)

พระเมตตาที่พระเจ้าสำแดงต่อเรานั้นมาจากความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ “เพราะว่าฟ้าสวรรค์สูงเหนือแผ่นดินเท่าใด ความรักมั่นคงของพระองค์...ก็ใหญ่ยิ่งเท่านั้น” สำหรับเรา (ข้อ 11) ความรักนี้ลึกซึ้งจนทำให้พระองค์ยอมไปที่ไม้กางเขนและลงไปยังแดนมรณาเพื่อกำจัดบาปของเราให้หมดสิ้น และเพื่อพระองค์จะสามารถนำทุกคนที่ “ต้อนรับพระองค์” (ยน.1:12) กลับมาหาพระองค์

เทอร์รี่พูดถูก “พระเจ้าทรงดีต่อเรามาก!” ความรักและการให้อภัยของพระองค์แผ่ขยายไปไกลเกินขอบเขตที่เราจะจินตนาการได้ และเป็นความรักที่ให้ชีวิตนิรันดร์แก่เรา

เมื่อการเชื่อคือการมองเห็น

“ฉันไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ฉันเห็นเลย!” คาริภรรยาของผมเรียกผมไปที่หน้าต่างและชี้ให้ดูกวางสาวตัวหนึ่งในป่านอกรั้วบ้านของเราที่กำลังกระโดดจากสนามหญ้าฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง ที่รั้วด้านในพวกสุนัขตัวโตของเราก็กำลังวิ่งตามไปข้างๆโดยไม่ได้เห่า พวกมันกระโดดไปมาแบบนั้นอยู่เกือบชั่วโมง เมื่อกวางหยุดและหันหน้ามามองเจ้าสุนัข พวกมันก็หยุดด้วย นี่ไม่ใช่พฤติกรรมของผู้ล่าและเหยื่อเลย ทั้งกวางและสุนัขกำลังเล่นด้วยกัน พวกมันสนุกที่ได้อยู่ด้วยกัน!

สำหรับคาริและผมแล้ว การวิ่งเล่นตอนเช้าของพวกมันทำให้เราเห็นภาพอาณาจักรของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึง ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ประกาศพระสัญญาของพระเจ้าเรื่องอาณาจักรของพระองค์ว่า “ดูเถิด เราจะสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่” (อสย.65:17) และท่านกล่าวว่า “สุนัขป่าและลูกแกะจะหากินอยู่ด้วยกัน สิงห์จะกินฟางเหมือนวัว” (ข้อ 25) ไม่มีผู้ล่า ไม่มีเหยื่อ มีแต่มิตรสหาย

ดูเหมือนถ้อยคำของอิสยาห์จะแสดงให้เราเห็นว่าจะมีบรรดาสัตว์ในอาณาจักรนิรันดร์ของพระเจ้า และชี้ให้เราเห็นถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมต่อสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง โดยเฉพาะ “สำหรับคนที่รักพระองค์” (1 คร.2:9) ช่างเป็นสถานที่อันงดงามจริงๆ! เมื่อเราวางใจในพระองค์ด้วยความเชื่อ พระเจ้าจะทรงเปิดดวงตาของเราสู่ความเป็นจริงที่กำลังจะมาถึง ซึ่งก็คือความปลอดภัยและสันติสุขในการทรงสถิตของพระองค์ตลอดไป!

ถูกตัดสินว่าผิดและได้รับการปลดปล่อย

“ผมไม่ได้ทำ!” นั่นเป็นคำโกหก และผมเกือบจะรอดไปได้จนกระทั่งพระเจ้าทรงหยุดผม ตอนผมอยู่มัธยมต้น ผมเป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่พ่นลูกปืนกระดาษอัดเข้าใส่ด้านหลังวงดนตรีของเราในระหว่างการแสดง ผู้อำนวยการของเราเป็นอดีตนาวิกโยธินและขึ้นชื่อในเรื่องการทำโทษ และผมก็กลัวเขามาก ดัง​นั้นเมื่อ​เพื่อนที่ร่วมทำผิดฟ้องว่าผมมีส่วน ผมจึง​โกหก​เขา​เรื่อง​นี้ จากนั้นผมก็โกหกพ่อด้วยเช่นกัน

แต่พระเจ้าไม่ทรงยอมให้เรื่องโกหกดำเนินต่อไป พระองค์ทรงทำให้ผมรู้สึกผิดมากในเรื่องนี้ หลังจากทนอยู่หลายสัปดาห์ ผมก็ยอมจำนน ผมขอการยกโทษจากพระเจ้าและจากพ่อ ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ไปบ้านผู้อำนวยการและสารภาพทั้งน้ำตา ผมรู้สึกขอบคุณที่เขากรุณาและและยกโทษให้

ผมจะไม่มีวันลืมความรู้สึกที่ดีจริงๆ เมื่อภาระนั้นถูกยกออกไป ผมเป็นอิสระจากการแบกความรู้สึกผิดเอาไว้้ และมีความสุขเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ ดาวิดเองก็บรรยายถึงช่วงเวลาแห่งการลงโทษและการสารภาพบาปผิดในชีวิตของท่านด้วยเช่นกัน ท่านทูลพระเจ้าว่า “เมื่อข้าพระองค์ไม่แจ้งบาปของข้าพระองค์ ร่างกายของข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไป...พระหัตถ์ของพระองค์หนักอยู่บนข้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน” และกล่าวต่อไปว่า “ข้าพระองค์สารภาพบาปของข้าพระองค์ต่อพระองค์” (สดด.32:3-5)

การดำเนินชีวิตในความจริงสำคัญต่อพระเจ้า พระองค์ต้องการให้เราสารภาพบาปต่อพระองค์ และขอการยกโทษจากผู้ที่เรากระทำผิดต่อเขาด้วย “แล้วพระองค์ทรงยกโทษบาปของข้าพระองค์” ดาวิดประกาศ (ข้อ 5) เป็นการดีสักเพียงใดที่ได้รู้จักกับเสรีภาพแห่งการยกโทษจากพระเจ้า!

จงอุทิศตัวในการอธิษฐาน

“ฉันอธิษฐานเผื่อคุณมาเป็นเวลาห้าสิบปีแล้ว” หญิงชรากล่าว ลูเพื่อนของผมมองตาเธอด้วยความซาบซึ้งใจอย่างที่สุด เขาไปเยี่ยมหมู่บ้านในบัลแกเรียที่พ่อของเขาเติบโตมาและจากไปตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น หญิงคนนี้เป็นผู้เชื่อในพระเยซู บ้านของเธออยู่ติดกับบ้านคุณปู่คุณย่าของเขา เธอเริ่มอธิษฐานเผื่อลูทันทีที่รู้ข่าวการเกิดของเขาในอีกทวีปหนึ่ง เวลาผ่านไปกว่าครึ่งศตวรรษ ลูเดินทางไปทำธุรกิจและแวะไปเยี่ยมหมู่บ้านแห่งนี้ ขณะที่อยู่ที่นั่นเขาได้พูดคุยกับคนกลุ่มหนึ่งในเรื่องความเชื่อของเขา ลูไม่ได้เชื่อในพระเยซูจนกระทั่งเขาอายุเกือบสามสิบ และเมื่อผู้หญิงคนนี้เข้ามาหาหลังจากที่เขาพูดจบ เขารู้สึกประหลาดใจที่คำอธิษฐานที่ไม่หยุดหย่อนของเธอส่งผลให้เขามาเชื่อในพระเยซู

เราไม่มีวันรู้ถึงผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการอธิษฐานในฟากนี้ของสวรรค์คือบนโลกนี้ แต่พระคัมภีร์ให้คำแนะนำแก่เราว่า “จงขะมักเขม้นอธิษฐาน จงเฝ้าระวังอยู่ในการนั้นด้วยขอบพระคุณ” (คส.4:2) เมื่อเปาโลเขียนข้อความเหล่านั้นถึงผู้เชื่อในเมืองเล็กๆอย่างโคโลสี ท่านยังขอให้อธิษฐานเผื่อตัวท่านเองด้วยเพื่อพระเจ้าจะ “เปิดประตู” ให้กับคำสอนของท่านในทุกที่ที่ท่านไป (ข้อ 3)

บางครั้งเราอาจคิดว่า ฉันไม่มีของประทานฝ่ายวิญญาณด้านการอธิษฐาน แต่ในบรรดาของประทานฝ่ายวิญญาณที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ ไม่มีเรื่องการอธิษฐานรวมอยู่ด้วย บางทีอาจเป็นเพราะพระเจ้าทรงปรารถนาให้เราแต่ละคนอธิษฐานอย่างสัตย์ซื่อ เพื่อเราจะได้เห็นในสิ่งที่พระองค์เท่านั้นสามารถทำได้

ให้และแบ่งปันด้วยใจกว้างขวาง

เมื่อผมกับคาริภรรยาสำเร็จการศึกษานั้นเรามีหนี้หลายพันดอลล่าร์ที่ต้องเอามารวมเป็นก้อนเดียวเพื่อจะผ่อนชำระด้วยดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เราจึงสมัครขอสินเชื่อกับธนาคารแห่งหนึ่ง แต่ถูกปฏิเสธเพราะเราไม่ได้อาศัยหรือทำงานในเมืองนั้นนานพอ ไม่กี่วันหลังจากนั้นผมได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมิงเพื่อนของผมซึ่งเป็นผู้ปกครองในคริสตจักรของเราฟัง “ผมขอพูดเรื่องนี้กับภรรยาของผมนะครับ” หมิงบอกผมขณะที่เดินออกประตูไป

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หมิงโทรบอกว่า “ผมกับแอนอยากจะให้คุณยืมเงินที่คุณต้องใช้นั้นโดยไม่คิดดอกเบี้ย” ผมไม่รู้จะตอบอย่างไรดี จึงตอบไปว่า “ผมคงขอให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” หมิงตอบกลับอย่างอารมณ์ดีว่า “คุณไม่ได้ขอสักหน่อย!” หมิงและภรรยาได้ให้เรายืมเงินด้วยความกรุณา แล้วผมกับคาริก็จ่ายคืนให้พวกเขาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผมเชื่อว่าหมิงและภรรยามีใจกว้างขวางเพราะความรักที่พวกเขามีต่อพระเจ้า ดังที่พระคัมภีร์บอกเราว่า “คนที่แสดงความเมตตาคุณและให้ยืม ก็อยู่เย็นเป็นสุข คือผู้ที่ดำเนินการของเขาด้วยความยุติธรรม” (สดด.112:5) คนเหล่านั้นที่วางใจในพระเจ้าจะมีใจที่ “ยึดแน่น” และ “แน่วแน่” (ข้อ 7-8) เพราะพวกเขารู้ว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งที่มาของสิ่งดีๆทุกอย่างในชีวิตของพวกเขา

พระเจ้าทรงมีพระทัยกว้างขวางกับเรา โดยประทานชีวิตและการอภัยแก่เรา ดังนั้นให้เรามีใจกว้างขวางในการแบ่งปันความรักของพระองค์และสิ่งของที่เรามีให้กับผู้ที่ขัดสน

สิทธิอำนาจของพระเยซู

แม้พระเยซูปลดปล่อยเจฟฟ์ลูกชายผมเป็นอิสระจากการใช้สารเสพติดมา เป็นเวลาหลายปีแล้ว ผมก็ยังกังวลอยู่ เราผ่านอะไรด้วยกันมามาก และบางครั้งผมจดจ่ออยู่กับอดีตที่มีปัญหาของเขาแทนที่จะเป็นอนาคตซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้เขา พ่อแม่ของผู้ติดยามักกังวลเรื่องการกลับไปใช้ยา แล้ววันหนึ่งที่งานรวมญาติ ผมดึงเจฟฟ์ออกมา “จำไว้นะ...เรามีศัตรู และมันมีอำนาจมาก” ผมบอกลูก “ผมรู้พ่อ” เขาตอบ “มันมีอำนาจ แต่มันไม่มีสิทธิอำนาจเหนือทุกอย่าง”

ในเวลานั้น ผมนึกถึงสิทธิอำนาจอันหาที่เปรียบไม่ได้ของพระเยซูในการช่วยกู้เราจากบาป และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเมื่อเราพึ่งพาพระองค์ ทันใดนั้นผมก็นึกถึงพระวจนะที่พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวก ก่อนที่จะเสด็จกลับไปหาพระบิดาในสวรรค์ “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไป...” (มธ.28:18-19)

พระเยซูผู้ถูกตรึงและทรงเป็นขึ้นได้เปิดทางให้เรามาหาพระองค์ไม่ว่าอดีตของเราจะเป็นอย่างไร พระองค์ทรงถือรักษาทั้งอดีตและอนาคตของเราไว้ เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเราเสมอ (ข้อ 20) เราจึงมั่นใจได้ว่าพระองค์จะทรงทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ และชีวิตของเราอยู่ในพระหัตถ์ที่ไม่เคยผิดพลาดของพระองค์ พระเยซูประทานความหวังอันหาที่เปรียบไม่ได้แก่เรา เป็นความหวังอันประเสริฐจนเราไม่อาจเก็บไว้คนเดียวได้ มารร้ายและโลกนี้อาจมีอำนาจบางส่วนในชั่วขณะหนึ่ง แต่ “สิทธิอำนาจทั้งสิ้น” เป็นของพระเยซูตลอดไปเป็นนิตย์

หุบเขาแห่งการสรรเสริญ

นักกวีชื่อวิลเลียม คูว์เปอร์ได้ต่อสู้กับภาวะซึมเศร้ามาเกือบทั้งชีวิต หลังจากการพยายามฆ่าตัวตาย เขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลจิตเวช แต่ด้วยการดูแลของแพทย์คริสเตียนที่นั่นทำให้คูว์เปอร์มีความเชื่อในพระเยซูซึ่งทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและมีความสำคัญสำหรับชีวิตของเขา หลังจากนั้นไม่นานคูว์เปอร์ได้รู้จักกับศิษยาภิบาลและนักเขียนเพลงนมัสการชื่อ จอห์น นิวตัน ผู้สนับสนุนให้เขามาร่วมกันแต่งเพลงนมัสการสำหรับคริสตจักรของพวกเขา หนึ่งในเพลงนมัสการที่คูว์เปอร์แต่งคือ “พระเจ้าทรงเคลื่อนไหวอย่างลึกลับ” ซึ่งมีถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากบททดสอบที่เขาเคยผ่านมาว่า “ท่านวิสุทธิชนผู้หวาดกลัว จงมีใจกล้าขึ้นอีกครั้ง เมฆนั้นที่ท่านเกรงกลัว ยิ่งใหญ่ด้วยพระกรุณา และจะตกลงมาเป็นพระพรบนศีรษะของท่าน”

ประชาชนยูดาห์ก็ได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าโดยไม่คาดคิดเช่นเดียวกับคูว์เปอร์ เมื่อกองทัพของศัตรูรุกรานประเทศของพวกเขา กษัตริย์เยโฮชาฟัททรงเรียกประชาชนให้มารวมกันเพื่อทูลอ้อนวอน ขณะที่กองทัพของยูดาห์ยกทัพออกไป บรรดาคนที่อยู่ด้านหน้าก็สรรเสริญพระเจ้า (2พศด.20:21) กองทัพผู้รุกรานก็ฆ่าฟันกันเอง และ “ไม่มีสักคนเดียวที่รอดไปได้...เขาเก็บของที่ริบได้เหล่านั้นสามวัน เพราะมากเหลือเกิน” (ข้อ 24-25)

ในวันที่สี่ สถานที่ที่กองทัพปรปักษ์ผู้รุกรานใช้เป็นที่รวมพลต่อสู้ประชากรของพระเจ้าได้ถูกเรียกว่าหุบเขาเบราคาห์ (ข้อ 26) แปลตามตัวอักษรคือ “หุบเขาแห่งการสรรเสริญ” หรือ “การอวยพร” นี่เป็นการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พระเมตตาของพระเจ้านั้นสามารถเปลี่ยนกระทั่งหุบเขาที่ยากลำบากที่สุดของเรา ให้เป็นสถานที่แห่งการสรรเสริญเมื่อเรามอบถวายมันแด่พระองค์

เป็นเจ้าของหรือผู้อารักขา

“ผมเป็นเจ้าของหรือผู้อารักขากันแน่” ซีอีโอของบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลล่าร์ถามตัวเองในขณะที่เขาชั่งน้ำหนักว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของเขา เขากังวลถึงการล่อลวงที่อาจมาพร้อมกับความมั่งคั่งและไม่อยากให้ทายาทของเขาต้องเผชิญกับความท้าทายนั้น ดังนั้น เขาจึงยอมสละความเป็นเจ้าของในบริษัทของตัวเองและมอบหุ้นที่เขามีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมดให้บริษัทซื้อขายหลักทรัพย์ดูแล การตระหนักว่าทุกสิ่งที่เขาครอบครองเป็นของพระเจ้าช่วยให้เขาตัดสินใจที่จะให้ครอบครัวของเขาทำงานหาเลี้ยงชีพ ในขณะเดียวกันก็ถวายผลกำไรจากหุ้นที่จะได้รับให้กับพันธกิจของคริสเตียน

ในสดุดี 50:10 พระเจ้าตรัสกับประชากรของพระองค์ว่า “สัตว์ทุกตัวในป่าเป็นของเรา ทั้งสัตว์เลี้ยงบนภูเขาตั้งพันยอด” ในฐานะพระผู้สร้างทุกสิ่ง พระเจ้าไม่ได้เป็นหนี้อะไรเราและไม่ต้องการอะไรจากเรา พระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่รับวัวผู้จากเรือนของเจ้า หรือแพะผู้จากคอกของเจ้า” (ข้อ 9) พระองค์ทรงประทานทุกสิ่งที่เรามีและใช้อยู่นั้นด้วยพระทัยอันกว้างขวาง ตลอดจนประทานกำลังความสามารถในการหาเลี้ยงชีพให้กับเรา ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงสมควรได้รับการนมัสการจากใจของเรา ดังที่เราเห็นในบทเพลงสดุดี

พระเจ้าเป็นเจ้าของทุกสิ่ง แต่เพราะความดีของพระองค์ พระองค์จึงเลือกที่จะมอบพระองค์เอง เข้าสู่ความสัมพันธ์กับใครก็ตามที่หันกลับมาหาพระองค์ พระเยซู “มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก” (มก.10:45) เมื่อเราให้คุณค่ากับพระองค์ผู้ทรงประทานให้มากกว่าสิ่งของที่ได้รับมาและใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อรับใช้พระองค์ เราจะได้รับพรให้มีความชื่นชมยินดีในพระองค์ตลอดไป

เดินในรองเท้าของพระเยซู

การได้เดินในรองเท้าของกษัตริย์จะรู้สึกอย่างไรน่ะหรือ แองเจล่า เคลลี่ซึ่งเป็นพยาบาลและเป็นลูกสาวของคนงานท่าเรือ เธอยังเป็นพนักงานฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธผู้ล่วงลับในช่วงสองทศวรรษสุดท้ายของพระองค์ ความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของเธอคือการสวมใส่รองเท้าคู่ใหม่ของพระราชินีผู้ชราแล้ว และเดินไปรอบๆบริเวณพระราชวัง เหตุผลในเรื่องนี้คือการมีใจเมตตาต่อพระราชินีที่ทรงชราแล้ว ซึ่งบางครั้งต้องยืนเป็นเวลานานในงานพระราชพิธี เพราะทั้งสองสวมรองเท้าขนาดเดียวกัน เคลลี่จึงช่วยพระองค์ได้บ้างจากความไม่สะดวกสบายเหล่านั้น

ความรู้สึกส่วนตัวของเคลลี่ในการดูแลพระราชินีทำให้ผมนึกถึงการหนุนใจอันอบอุ่นของเปาโลต่อคริสตจักรในเมืองโคโลสี (ปัจจุบันอยู่ในประเทศตุรกี) “จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน” (คส.3:12) เมื่อชีวิตของเรา “ก่อร่างสร้างขึ้นใน” พระเยซู (2:7) เราก็จะเป็น “พวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก” (3:12) พระองค์ทรงช่วยเรา “ปลดวิสัยมนุษย์เก่า” และ “สวมวิสัยมนุษย์ใหม่” (ข้อ 9-10) คือที่จะดำเนินชีวิตตามอัตลักษณ์ของคนที่มีความรักและยกโทษให้ผู้อื่น เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงรักและยกโทษให้กับเรา (ข้อ 13-14)

รอบตัวเราคือผู้ที่ต้องการให้เรามอบความใส่ใจโดย “เดินในรองเท้าของพวกเขา” และมีใจเมตตาต่อพวกเขาในความท้าทายแต่ละวันของชีวิต เมื่อเราทำเช่นนั้น เราก็ได้สวมรองเท้าขององค์กษัตริย์ คือพระเยซูผู้ทรงมีพระเมตตาเราเสมอ

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา