Month: กุมภาพันธ์ 2022

จดจ่อที่พระเจ้า

ท่าเต้นหมุนตัวบนปลายเท้าอย่างสง่างาม ซึ่งนักบัลเล่ต์และนักเต้นร่วมสมัยต้องฝึกให้สำเร็จ ในวัยเด็กฉันรักที่จะเต้นท่านี้ในชั้นเรียนการเต้นสมัยใหม่ ฉันหมุนจนเวียนหัวและล้มลงกับพื้น เมื่อโตขึ้นฉันเรียนรู้เคล็ดลับที่จะช่วยให้ฉันรักษาและควบคุมการทรงตัว นั่นก็คือการ “กำหนดจุด” เป็นการกำหนดจุดๆหนึ่งเพื่อให้สายตาของฉันวนกลับมาหาในแต่ละรอบที่ฉันหมุน การกำหนดจุดจดจ่อเพียงจุดเดียว เป็นสิ่งจำเป็นที่ฉันต้องทำ เพื่อควบคุมท่วงท่าการหมุนตัวของฉันให้จบลงอย่างสง่างาม

เราทุกคนเผชิญความผกผันมากมายในชีวิต อย่างไรก็ตามเมื่อเราจดจ่ออยู่กับปัญหา สิ่งที่เราเผชิญจะดูเหมือนจัดการไม่ได้ ทิ้งให้เรามึนงง และมุ่งหน้าสู่ความล้มเหลว พระคัมภีร์เตือนว่าหากเรารักษาจิตใจของเราให้แน่วแน่หรือจดจ่ออยู่ที่พระเจ้า พระองค์จะทรงรักษาเราไว้ใน “ศานติภาพอันสมบูรณ์” (อสย.26:3) ศานติภาพอันสมบูรณ์หมายถึง ไม่ว่าชีวิตของเราจะพบกับความผกผันมากเพียงใดก็ตาม เราสามารถสงบนิ่งและมั่นใจว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับเราท่ามกลางปัญหาและอุปสรรคเหล่านั้น พระองค์ทรงเป็น “ศิลานิรันดร์” (ข้อ 4) คือเป็น “จุด” ที่ดีที่สุดที่เราควรจดจ่อ เพราะพระสัญญาของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ขอให้เราจดจ่อที่พระองค์ในการก้าวเดินในแต่ละวัน เข้าหาพระองค์ด้วยการอธิษฐานและศึกษาพระสัญญาของพระองค์ในพระคัมภีร์ ขอให้เราพึ่งพาพระเจ้าผู้ทรงเป็นศิลานิรันดร์ของเรา ให้ทรงช่วยเราก้าวผ่านทุกปัญหาในชีวิตอย่างสง่างาม

ยกขึ้น

ระหว่างการเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน นักบินขับไล่อธิบายว่าเครื่องบินต้องการลมที่ความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อจะบินขึ้นจากลานบินที่สั้นแบบนี้ เพื่อให้ได้แรงลมที่คงที่กัปตันจึงหันเรือให้เข้าหาทิศทางลม “ลมควรมาจากด้านหลังของเครื่องบินไม่ใช่หรือครับ” ผมถาม “ไม่ครับ” นักบินตอบ “เครื่องบินจะต้องบินเข้าหาลม นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้การยกตัวสำเร็จ”

พระเจ้าทรงเรียกโยชูวาให้นำประชากรของพระองค์เข้าไปหา “ลม” ที่รอพวกเขาอยู่ในดินแดนแห่งพันธสัญญา โยชูวาจำเป็นต้องมีสองสิ่ง จากภายในเขาจำเป็นต้อง “เข้มแข็งและกล้าหาญ” (ยชว.1:7) และภายนอกเขาต้องการการท้าทาย ซึ่งรวมถึงภารกิจประจำวันในการนำชาวอิสราเอลนับพันประจันหน้ากับเมืองที่มีกำแพง (6:1-5) รับมือกับความพ่ายแพ้ที่ทำให้เสียขวัญ (7:3-5) จัดการกับการยักยอกของอาคาน (ข้อ 16-26) และนำการรบในสงครามที่ต่อเนื่อง (บทที่ 10-11)

ลมที่พัดปะทะหน้าของโยชูวาจะยกชีวิตของเขาขึ้นตราบเท่าที่แรงขับเคลื่อนของเขามาจากการทรงนำของพระเจ้า พระเจ้าตรัสว่าเขาจะต้อง “ระวังที่จะกระทำตามธรรมบัญญัติทั้งหมด...อย่าหลีกเลี่ยงจากธรรมบัญญัตินั้นไปทางขวามือหรือทางซ้าย...จงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะกระทำตามข้อความที่เขียนไว้นั้นทุกประการ แล้วเจ้าจะมีความจำเริญและเจ้าจะสำเร็จผลเป็นอย่างดี” (ยชว.1:7-8)

คุณตั้งใจที่จะเดินตามทางของพระเจ้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ถ้าเช่นนั้นจงมองหาความท้าทาย จงบินอย่างกล้าหาญเข้าหาลมและมองดูจิตวิญญาณของคุณทะยานขึ้น

มีคนเห็น

ในบทความเกี่ยวกับการเป็นพี่เลี้ยง แฮนนาห์ เชลอธิบายว่าพี่เลี้ยงจำเป็นต้องให้การสนับสนุน ท้าทาย และสร้างแรงบันดาลใจ แต่ “สิ่งแรกและอาจจะสำคัญที่สุดคือพี่เลี้ยงที่ดีจะต้องมองเห็นคุณ... การได้รับการยอมรับเป็นความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่ในแง่ของการให้รางวัลหรือประกาศให้คนรู้แต่ในแง่ของการที่ ‘มีคนเห็น’” มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องได้รับการยอมรับ เป็นที่รู้จักและเชื่อใจ

ในพันธสัญญาใหม่ บารนาบัสซึ่งชื่อของท่านหมายถึง “บุตรแห่งการหนุนน้ำใจ” มีของประทานในการ “มองเห็น” ผู้คนที่อยู่รอบๆตัวเขา ในกิจการบทที่ 9 ท่านเต็มใจที่จะให้โอกาสแก่เซาโลเมื่อสาวกคนอื่นๆ “กลัวเขา” (ข้อ 26) เซาโล (หรือเปาโลในกจ.13:9) เคยมีประวัติที่ข่มเหงผู้เชื่อในพระเยซู (กจ.8:3) ดังนั้นพวกสาวกจึงไม่คิดว่า “เซาโลเป็นสาวก” (ข้อ 26)

ต่อมาเปาโลและบารนาบัสขัดแย้งกันเรื่องที่จะพามาระโกไปกับพวกเขาในการไป “เยี่ยมพี่น้องในทุกเมืองที่เราได้ประกาศ” (กจ.15:36) เปาโลไม่คิดว่าเป็นการฉลาดที่จะพามาระโกไปด้วยเพราะเขาเคยละทิ้งพวกท่านมาก่อน แต่น่าแปลกใจที่ต่อมาเปาโลขอความช่วยเหลือจากมาระโก “จงไปตามมาระโกและพาเขามาด้วย เพราะเขาช่วยปรนนิบัติข้าพเจ้าได้เป็นอย่างดี” (2 ทธ.4:11)

บารนาบัสใช้เวลาในการ “มองเห็น” ทั้งเปาโลและมาระโก บางครั้งเราอาจจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับบารนาบัส ในการรับรู้ถึงศักยภาพของผู้อื่น หรือรู้ตัวว่าเราจำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณ ให้เราขอพระเจ้าที่จะทรงนำเราไปหาผู้ที่เราจะสามารถหนุนน้ำใจเขา และผู้ที่จะสามารถหนุนน้ำใจเราด้วยเช่นกัน

คำแนะนำที่เปี่ยมด้วยปัญญา

เมื่อหลังคาของมหาวิหารนอทเทรอดามในปารีสเกิดไฟไหม้ในเดือนเมษายน ปี 2019 คานไม้และแผ่นตะกั่วโบราณเป็นเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดเปลวเพลิงที่ร้อนจนวิหารไม่อาจทานทนได้ หลังจากยอดของมหาวิหารหักลง ทุกคนก็หันมาสนใจหอระฆัง หากโครงไม้ของระฆังเหล็กขนาดยักษ์ถูกเผาและพังลงมา จะทำให้หอคอยทั้งสองพังทลายลงไปพร้อมกัน ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังของมหาวิหาร

นายพลกัลเล็ต ผู้บัญชาการหน่วยดับเพลิงของปารีสสั่งให้ถอนกำลังเพื่อความปลอดภัยของพนักงานดับเพลิง และครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป เรมี่พนักงานดับเพลิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความประหม่า “ด้วยความเคารพครับท่านนายพล” เขาพูด “ผมขอเสนอให้เราเอาท่อดับเพลิงขึ้นไปบนระเบียงหอคอย” เมื่อพิจารณาถึงความเปราะบางของตัวอาคารผู้บัญชาการจึงตัดความคิดนี้ออกไป แต่เรมี่ยังคงพูดต่อ ในไม่ช้านายพลกัลเล็ตก็ต้องตัดสินใจว่า จะทำตามคำแนะนำของพนักงานดับเพลิงชั้นผู้น้อยหรือปล่อยให้มหาวิหารมอดไหม้

พระคัมภีร์ได้พูดถึงการรับฟังคำแนะนำไว้มากมาย แม้ว่าบางครั้งเรื่องนี้จะอยู่ในบริบทของผู้อ่อนวัยต้องเคารพผู้อาวุโส (สภษ.6:20-23) แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นเช่นนั้น สุภาษิตกล่าวว่า “ปราชญ์ย่อมฟังคำแนะนำ” (12:15) เราชนะสงครามได้เพราะมีที่ปรึกษามาก (24:6) และมีเพียงคนโง่ที่ไม่สนใจคำแนะนำ (12:15) คนมีปัญญาฟังคำแนะนำที่ดี โดยไม่ขึ้นอยู่กับอายุหรือตำแหน่งของผู้ที่ให้คำแนะนำนั้น

นายพลกัลเล็ตยอมฟังเรมี่ หอระฆังที่กำลังไหม้ถูกฉีดน้ำดับได้ทันเวลาและมหาวิหารปลอดภัย ในวันนี้คุณมีปัญหาอะไรที่ต้องการคำแนะนำจากพระเจ้าบ้าง บางครั้งพระองค์ทรงนำผู้ที่ถ่อมใจผ่านคำพูดของผู้อ่อนวัย

เราเป็นหนึ่งเดียวกัน

ในชุมชนเกษตรกรเล็กๆนั้น ข่าวสารแพร่สะพัดได้อย่างรวดเร็ว หลายปีหลังจากธนาคารขายที่ดินที่ครอบครัวของเดวิดเคยเป็นเจ้าของมาหลายสิบปี เขาได้รู้ว่าจะมีการขายที่ผืนนั้นอีกครั้ง หลังจากทุ่มเทและเก็บออมอย่างหนัก เดวิดมาที่การประมูลร่วมกับกลุ่มเกษตรกรท้องถิ่นเกือบสองร้อยคน ราคาเสนอซื้อที่ต่ำของเดวิดจะเพียงพอหรือไม่ เขาเสนอราคาครั้งแรก หายใจแรงขณะที่นายประมูลถามหาราคาที่สูงกว่า ฝูงชนรอด้วยความเงียบจนพวกเขาได้ยินเสียงค้อน กลุ่มเกษตรกรคิดถึงความจำเป็นของเดวิดและครอบครัวก่อนความเติบโตทางการเงินของพวกเขาเอง

เรื่องราวการเสียสละด้วยความเมตตาของกลุ่มเกษตรกรนี้ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่อัครทูตเปาโลกำชับเหล่าผู้ติดตามของพระคริสต์ให้ดำเนินชีวิต เปาโลเตือนเราไม่ให้ประพฤติ “ตามอย่างคนในยุคนี้” (รม.12:2) ที่ให้ความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของเราอยู่เหนือความจำเป็นของผู้อื่น และตะเกียกตะกายเพื่อเอาตัวเองให้รอด แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราวางใจในพระเจ้าได้ว่าจะประทานสิ่งจำเป็นแก่เราเมื่อเรารับใช้ผู้อื่น เมื่อพระวิญญาณทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจเรา เราจะตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ด้วยความรักและแรงจูงใจที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า การคิดถึงผู้อื่นก่อนช่วยเราไม่ให้คิดถึงตัวเองมากเกินไป เพราะพระเจ้าทรงเตือนว่าเราเป็นส่วนของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือคริสตจักร (ข้อ 3-4)

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยผู้เชื่อให้เข้าใจและเชื่อฟังพระวจนะ พระองค์ทรงให้กำลังแก่เราที่จะให้และรักด้วยใจกว้างขวาง เพื่อพวกเราจะเติบโตเป็นหนึ่งเดียวกัน

พลังแห่งความรัก

คู่รักที่อายุราว 80 ปีคู่หนึ่งเป็นคู่ที่น่าเหลือเชื่อ คนหนึ่งมาจากเยอรมนีและอีกคนมาจากเดนมาร์ก ทั้งคู่เคยมีชีวิตสมรสที่มีความสุขมา 60 ปีก่อนจะเป็นม่าย แม้พวกเขาจะอาศัยอยู่ห่างกันเพียง 15 นาทีแต่บ้านของพวกเขาก็อยู่คนละประเทศ กระนั้นพวกเขาก็ตกหลุมรักกัน ทั้งคู่มักจะทำอาหารและใช้เวลาร่วมกันเป็นประจำ น่าเศร้าที่ในปี 2020 รัฐบาลเดนมาร์กระงับการข้ามพรมแดนเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ถึงอย่างนั้นในเวลา 15.00 น. ของทุกวัน ทั้งคู่จะมาพบกันบนถนนชนบทอันเงียบสงบที่พรมแดน นั่งปิกนิกบนฝั่งของตนโดยไม่มีใครห้ามได้ “เรามาที่นี่เพราะความรัก” ฝ่ายชายอธิบาย ความรักของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าพรมแดนและมีพลังยิ่งกว่าโรคระบาด

เพลงซาโลมอนถ่ายทอดพลังแห่งความรักอันมั่นคงได้อย่างน่าประทับใจ ซาโลมอนยืนยันว่า “ความรักนั้นเข้มแข็งอย่างความตาย” (8:6) ไม่มีใครหนีความตายพ้น มันมาพร้อมกับวาระสุดท้ายอันแข็งกล้าซึ่งเราไม่อาจทำลาย แต่ผู้เขียนบอกว่าความรักก็เข้มแข็งไม่แพ้กัน ยิ่งไปกว่านั้น ความรัก “คือประกายเพลิง คือประกายเพลิงที่แสนรุนแรง” (ข้อ 6) คุณเคยมองดูไฟที่ปะทุอย่างเกรี้ยวกราดหรือไม่ ความรักก็เป็นเหมือนไฟที่ไม่อาจยับยั้งได้ “น้ำมากหลายไม่อาจดับความรักให้มอดเสียได้” แม้แต่แม่น้ำที่เชี่ยวกรากก็ไม่อาจพัดพาความรักไปได้ (ข้อ 7)

ความรักของมนุษย์ที่จริงแท้และไม่เห็นแก่ตัวจะสะท้อนถึงคุณลักษณะเหล่านี้ แต่มีเพียงความรักของพระเจ้าเท่านั้นที่มีพลังแข็งกล้า ลึกซึ้งไม่สิ้นสุดและมั่นคงเช่นนี้ และสิ่งที่น่าทึ่งคือ พระเจ้าทรงรักเราแต่ละคนด้วยความรักที่ไม่มีวันดับสูญนี้

ไม่ถูกลืม

เมื่อเราคิดถึงมิชชันนารีรุ่นบุกเบิกในประวัติศาสตร์ ชื่อของจอร์จ ไลเอล (1750-1820) มักไม่ผ่านเข้ามาในความคิด แต่บางทีเราควรคิดถึงเขา จอร์จเกิดมาเป็นทาส เขารู้จักพระคริสต์ที่รัฐจอร์เจียและได้รับอิสรภาพก่อนสงครามปฏิวัติอเมริกา เขานำข่าวประเสริฐไปที่ประเทศจาไมก้า ทำพันธกิจกับทาสในพื้นที่เพาะปลูกที่นั่น และรับใช้เป็นศิษยาภิบาลผู้ก่อตั้งคริสตจักรสองแห่งเพื่อชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่เมืองซาวานนาห์ รัฐจอร์เจีย หนึ่งในนั้นถูกเรียกว่า “คริสตจักรแม่ของชาวแบ๊บติสต์ผิวดำ”

อาจมีคนลืมชีวิตการรับใช้พระเจ้าอันโดดเด่นของจอร์จ แต่พระเจ้าไม่เคยทรงลืมการรับใช้ในฝ่ายวิญญาณของเขา และจะไม่ทรงลืมการงานที่คุณทำเพื่อพระองค์ด้วย จดหมายถึงชาวฮีบรูหนุนใจเราด้วยถ้อยคำเหล่านี้ “เพราะว่าพระเจ้าไม่ทรงอธรรม ที่จะทรงลืมการงานซึ่งท่านได้กระทำ เพราะความรักที่ท่านมีต่อพระนามของพระองค์ คือการรับใช้ธรรมิกชนนั้น ดังที่ท่านยังรับใช้อยู่” (6:10) ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าไม่ควรถูกมองข้าม เพราะพระองค์ทรงทราบดีและทรงจดจำทุกสิ่งที่กระทำในพระนามของพระองค์ พระธรรมฮีบรูยังหนุนใจเราอีกว่า “ให้ตามเยี่ยงอย่างแห่งคนเหล่านั้นที่อาศัยความเชื่อและความเพียร จึงได้รับตามพระสัญญาเป็นมรดก” (ข้อ 12)

หากเรารับใช้อยู่เบื้องหลังในคริสตจักรหรือในชุมชน เป็นการง่ายที่เราจะรู้สึกว่าไม่ได้รับการชื่นชม อย่าท้อใจ เพราะไม่ว่าผู้คนรอบข้างจะจดจำหรือตอบแทนการงานของเราหรือไม่ แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ พระองค์จะไม่มีวันลืมเรา

ดำเนินโดยความเชื่อ

แกรี่มีปัญหาเรื่องการทรงตัวในขณะเดิน แพทย์จึงสั่งให้ทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยให้ทรงตัวดีขึ้น ระหว่างการบำบัดครั้งหนึ่ง นักกายภาพบำบัดบอกเขาว่า “คุณวางใจในสิ่งที่มองเห็นมากเกินไป แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้อง! คุณไม่ได้พึ่งพาระบบอื่นๆของคุณมากพอ ทั้งความรู้สึกใต้ฝ่าเท้าและสัญญาณจากหูชั้นใน ซึ่งมีไว้เพื่อช่วยคุณในการรักษาสมดุล”

“คุณวางใจในสิ่งที่คุณมองเห็นมากเกินไป” ทำให้ฉุกคิดถึงเรื่องของดาวิดเด็กหนุ่มผู้เลี้ยงแกะ และการเผชิญหน้ากับโกลิอัท โกลิอัทยอดทหารชาวฟีลิสเตีย “ออกมายืนท้า” อยู่สี่สิบวันให้กองทัพอิสราเอลส่งคนมาสู้กับเขา (1 ซมอ.17:16) แต่สิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจตามธรรมชาติแล้วย่อมทำให้พวกเขากลัว จนเมื่อเด็กหนุ่มดาวิดมาถึงเพราะบิดาของเขาสั่งให้เอาเสบียงมาให้พวกพี่ชาย (ข้อ 18)

ดาวิดมองสถานการณ์นี้อย่างไร โดยความเชื่อในพระเจ้าไม่ใช่ตามที่ตามองเห็น เขาเห็นยักษ์แต่เขาวางใจว่าพระเจ้าจะทรงช่วยกู้ประชากรของพระองค์ แม้จะเป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่ง แต่เขาทูลกษัตริย์ซาอูลว่า “อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไป...ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้” (ข้อ 32) ต่อมาเขาพูดกับโกลิอัทว่า “การศึกครั้งนี้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงมอบเจ้าทุกคนไว้ในมือของพวกเรา” (ข้อ 47) และพระเจ้าได้ทรงทำเช่นนั้น

การวางใจในพระลักษณะและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตที่ติดสนิทมากขึ้นโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น

พระสุรเสียงของพระบิดา

คุณพ่อของเพื่อนผมเพิ่งเสียไปไม่นาน ตอนที่ป่วยอาการของท่านทรุดลงอย่างรวดเร็วและจากไปในเวลาไม่กี่วัน เพื่อนของผมมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพ่อของเขามาตลอด แต่ก็ยังมีคำถามมากมายที่อยากถาม มีคำตอบที่ต้องค้นหา และมีบทสนทนาที่อยากพูดคุย เพื่อนของผมเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ได้รับการอบรม เขารู้ถึงภาวะขึ้นลงของความโศกเศร้า และวิธีการช่วยเหลือผู้อื่นให้หลุดพ้นจากสภาพอารมณ์เหล่านั้น ถึงกระนั้นเขาบอกกับผมว่า “บางวันผมก็แค่ต้องการได้ยินเสียงของพ่อเพื่อยืนยันถึงความรักของท่าน มันมีความหมายกับผมมากที่สุดเสมอ”

เหตุการณ์สำคัญในช่วงเริ่มต้นการทำพันธกิจในโลกของพระเยซูคือการรับบัพติศมาโดยมือของยอห์น แม้ยอห์นจะพยายามห้าม แต่พระเยซูทรงยืนกรานว่านี่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อพระองค์จะแสดงตัวว่าทรงเป็นมนุษย์ “บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ” (มธ.3:15) ยอห์นทำตามที่พระเยซูขอ จากนั้นบางสิ่งก็เกิดขึ้นเพื่อประกาศตัวตนของพระเยซูต่อยอห์นผู้ให้บัพติศมาและฝูงชน และสิ่งนี้น่าจะแตะต้องจิตใจของพระเยซูอย่างลึกซึ้งด้วย พระสุรเสียงของพระบิดาทรงรับรองพระบุตรของพระองค์ “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” (ข้อ 17)

พระสุรเสียงเดียวกันนี้ดังในจิตใจของเราเพื่อรับรองผู้เชื่อถึงความรักยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมีต่อเรา (1 ยน.3:1)

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา