Month: มิถุนายน 2023

อิสระที่จะเชื่อฟัง

สีหน้าของเด็กสาวสะท้อนความโกรธและอับอาย ก่อนเข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ความสำเร็จของเธอในฐานะนักสเก็ตลีลาไม่มีใครเทียบได้ ชัยชนะมากมายทำให้เธอเป็นตัวเต็งเหรียญทอง แต่ผลการตรวจพบว่ามีสารต้องห้ามในร่างกายของเธอ แรงกดดันแห่งความคาดหวังที่หนักและคำตำหนิที่ถาโถมใส่ ทำให้เธอพลาดล้มหลายครั้งระหว่างรายการแข่งสเก็ตอิสระและไม่ได้ไปยืนบนเวทีแห่งชัยชนะ ไม่ได้เหรียญรางวัล ก่อนเรื่องอื้อฉาวนี้ เธอเคยแสดงอิสรภาพทางศิลปะและความคิดสร้างสรรค์บนลานน้ำแข็ง แต่ตอนนี้คำกล่าวหาเรื่องผิดกติกาผูกมัดเธอไว้กับความฝันที่พังทลาย

ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของมนุษยชาติ พระเจ้าทรงเปิดเผยความสำคัญของการเชื่อฟังในขณะที่เรามีอิสระที่จะทำสิ่งต่างๆ การไม่เชื่อฟังส่งผลกระทบรุนแรงต่ออาดัม เอวา และเราทุกคน เมื่อความบาปนำความแตกแยกและความตายมาสู่โลกของเรา (ปฐก.3:6-19) มันไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้ พระเจ้าตรัสกับทั้งสองว่า “เจ้ามีอิสระที่จะกินผลจากต้นใดๆในสวนก็ได้” ยกเว้นต้นหนึ่ง (2:16-17 TNCV) พอคิดว่า “ตาของ [พวกเขา] จะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้ว [พวกเขา] จะเป็นเหมือนพระเจ้า” พวกเขาจึงกินผลไม้ต้องห้ามของ “ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว” (3:5; 2:17) ความบาป ความละอาย และความตายจึงตามมา

โดยพระเมตตาคุณพระเจ้าได้ประทานอิสรภาพและสิ่งดีมากมายเพื่อให้เราได้ชื่นชม (ยน.10:10) พระองค์ยังทรงเรียกเราด้วยความรักให้เชื่อฟังพระองค์เพื่อผลดีแก่เรา ขอพระองค์ทรงช่วยให้เราเลือกที่จะเชื่อฟังและแสวงหาชีวิตที่เต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดีและปราศจากความละอาย

สวนของพระเจ้า

สิ่งเตือนใจถึงความงดงามและช่วงเวลาแสนสั้นของชีวิตนั้นเจริญเติบโตอยู่หน้าประตูบ้านของผม ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาภรรยาผมปลูกเถาดอกชมจันทร์ ที่มีชื่อเช่นนี้เพราะมันออกดอกบานทรงกลมสีขาวขนาดใหญ่คล้ายจันทร์เต็มดวง แต่ละดอกบานแค่คืนเดียวและจะเหี่ยวเฉาไปในแสงอาทิตย์ของเช้าวันถัดไปโดยไม่บานอีกเลย แต่ต้นของมันมีดอกดกและทุกเย็นจะเผยให้เห็นขบวนแห่ของบรรดาดอกไม้ที่เพิ่งผลิบาน เราชอบมองดูมันขณะเดินเข้าออกบ้านทุกวัน และได้แต่รอดูว่าความงามใหม่ๆแบบใดที่รอต้อนรับเมื่อเรากลับมา

ดอกไม้อันแสนบอบบางเหล่านี้ทำให้นึกถึงความจริงที่สำคัญในพระคัมภีร์ อัครทูตเปโตรยกข้อความของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ที่เขียนว่า “ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากพันธุ์มตะ แต่จากพันธุ์อมตะ คือด้วยพระวจนะของพระเจ้าอันทรงชีวิตและดำรงอยู่ เพราะว่าบรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้า และบรรดาศักดิ์ศรีของเขาก็เป็นเสมือนดอกหญ้า ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป และดอกก็ร่วงโรยไป” (1ปต.1:23-24) แต่ท่านยืนยันกับเราว่าพระเจ้าจะทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์เป็นนิตย์! (ข้อ 25)

เช่นเดียวกับดอกไม้ในสวน ชีวิตของเราในโลกนี้ช่างสั้นนักเมื่อเทียบกับนิรันดร์กาล แต่พระเจ้าทรงให้มีความงดงามในช่วงชีวิตอันแสนสั้นของเรา โดยข่าวประเสริฐของพระเยซูเราจึงได้เริ่มต้นอย่างสดใหม่กับพระเจ้า และวางใจในพระสัญญาถึงชีวิตที่ไร้ข้อจำกัดภายใต้การทรงสถิตด้วยความรักของพระองค์เมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ของโลกกลายเป็นเพียงความทรงจำ เราก็จะยังคงสรรเสริญพระองค์เรื่อยไป

ก้าวแห่งความเชื่อ

ขณะเตรียมโหนสลิงจากจุดที่สูงที่สุดในเขตป่าฝนที่เซนต์ลูเซียซึ่งเป็นเกาะในทะเลแคริบเบียน ความกลัวเอ่อล้นภายในฉัน ไม่กี่วินาทีก่อนจะกระโดดจากฐาน ความคิดของฉันก็เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้น แต่ด้วยความกล้าทั้งหมดที่รวบรวมได้ (และทางเลือกอันน้อยนิดที่จะถอยกลับ) ฉันจึงทิ้งตัวลงมา ฉันร่วงลงจากยอดไม้ พุ่งตัวผ่านดงไม้เขียวชอุ่ม ลมพัดผ่านเส้นผม และความกังวลของฉันก็ค่อยๆจางหายไป ขณะเคลื่อนที่ผ่านอากาศโดยทิ้งตัวไปตามแรงโน้มถ่วง ภาพฐานถัดไปก็ชัดเจนขึ้น และการหยุดอย่างนุ่มนวลทำให้รู้ว่าฉันมาถึงอย่างปลอดภัย

ช่วงเวลาบนเชือกสลิงของฉันทำให้เห็นภาพเวลาที่พระเจ้าทรงมอบหน้าที่ใหม่อันท้าทายและยากแก่เรา พระคัมภีร์สอนให้เราวางใจในพระเจ้าและ “อย่าพึ่งพาความรอบรู้ของ[เรา]เอง” (สภษ.3:5) เมื่อเรารู้สึกสงสัยและไม่แน่ใจ เมื่อจิตใจของเราเต็มไปด้วยความกลัวและคำถาม เส้นทางของเราอาจไม่ชัดเจนและบิดเบี้ยว แต่เมื่อเราตัดสินใจก้าวออกไปด้วยความเชื่อโดยยอมมอบทางของเราไว้กับพระเจ้า “พระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของ[เรา]ราบรื่น” (ข้อ 6)

เราจะมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้ก้าวออกไปด้วยความเชื่อ โดยการเรียนรู้จักพระเจ้าผ่านการใช้เวลาอธิษฐานและอ่านพระวจนะเราสามารถค้นพบอิสรภาพและความสงบสุขแม้ในความท้าทายของชีวิต เมื่อเรายึดมั่นในพระเจ้าและยอมให้พระองค์ทรงนำเราผ่านการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเรา

ที่ปลอดภัยของเรา

ครูวัยเกษียณ เด็บบี้ สตีเฟนส์ บราวเดอร์กำลังทำภารกิจในการโน้มน้าวผู้คนให้ปลูกต้นไม้ให้ได้มากที่สุด สาเหตุก็คือความร้อน อากาศที่ร้อนจัดในสหรัฐอเมริกาเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตมากเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาการเสียชีวิตที่เกิดจากสภาพอากาศ ด้วยเหตุนี้เธอจึงบอกว่า “ฉันจะเริ่มจากต้นไม้” หลังคาป้องกันความร้อนที่ต้นไม้มอบให้คือหนึ่งในวิธีการสำคัญในการปกป้องชุมชน “นี่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงามของชุมชน”

ข้อเท็จจริงที่ร่มเงาไม่เพียงให้ความร่มรื่นแต่ยังสามารถช่วยชีวิตได้ เป็นสิ่งที่ผู้เขียนสดุดี 121 ทราบดี เพราะในตะวันออกกลางนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นลมแดด ความจริงนี้ยิ่งสนับสนุนคำบรรยายอันชัดเจนของผู้เขียนสดุดีว่าพระเจ้าทรงเป็นที่กำบังอันปลอดภัยของเรา พระองค์ผู้ทรงห่วงใยว่า “ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตี [เรา] ในเวลากลางวัน หรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน” (ข้อ 6)

พระธรรมข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้เชื่อในพระเยซูมีภูมิคุ้มกันต่อความเจ็บปวดหรือการสูญเสียในชีวิตนี้ (หรือความร้อนนั้นไม่มีอันตราย!) แต่พระคริสต์ทรงบอกเราว่า “ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก” (ยน.16:33) แต่การเปรียบเปรยว่าพระเจ้าทรงเป็นที่กำบังของเราทำให้เรามั่นใจอย่างยิ่งว่า ไม่ว่าเราจะพบเจอสิ่งใด ชีวิตของเราจะอยู่ในการเฝ้าดูด้วยความห่วงใยของพระองค์ (สดด.121:7-8) เราจึงสามารถพักสงบโดยการไว้วางใจในพระองค์ และรู้ว่าไม่มีสิ่งใดสามารถแยกเราจากความรักของพระองค์ได้ (ยน.10:28; รม.8:39)

เข้มแข็งขึ้นผ่านการทดลอง

ความทรงจำหวนคืนกลับมาเมื่อฉันได้ยินเสียงกรอบแกรบผ่านพวกซองจดหมายและเหลือบไปเห็นสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความว่า “ฉันเคยทดสอบสายตา” ในห้วงความคิดฉันเห็นลูกชายวัยสี่ขวบติดสติ๊กเกอร์อย่างภาคภูมิใจหลังอดทนต่อการระคายเคืองจากยาหยอดตา เนื่องจากกล้ามเนื้อตาที่อ่อนแรงทำให้เขาต้องใส่ที่ปิดตาบนตาข้างที่ปกติเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน เพื่อทำให้ตาข้างที่อ่อนแอมีการพัฒนาและยังต้องรับการผ่าตัดด้วย เขาเผชิญความท้าทายเหล่านี้ไปทีละขั้น โดยมองมาที่เราซึ่งเป็นพ่อแม่เพื่อแสวงหาการปลอบโยนและพึ่งพาพระเจ้าด้วยความเชื่อแบบเด็กๆ ความท้าทายเหล่านี้ทำให้เขามีความสามารถในการฟื้นตัวได้เร็ว

คนที่อดทนต่อการทดลองและความทุกข์ยากมักถูกเปลี่ยนแปลงผ่านประสบการณ์เหล่านั้น แต่อัครทูตเปาโลกล่าวถึงสิ่งที่ยิ่งกว่านั้นคือการ “ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยาก” เพราะมันทำให้เกิดความอดทน และความอดทนทำให้เราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และนั่นทำให้เกิดความหวังใจ (รม.5:3-4) เปาโลรู้จักการทดลองเป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่เรือแตกแต่ถูกจำคุกเพราะความเชื่อด้วย กระนั้นท่านยังเขียนถึงผู้เชื่อในโรมว่า “ความหวังใจมิได้ทำให้เกิดความเสียใจเพราะผิดหวัง เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์” (ข้อ 5) อัครทูตระลึกว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทำให้เรายังคงมีความหวังใจในพระเยซูเมื่อเราวางใจในพระองค์

ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับความยากลำบากใด ขอให้รู้ว่าพระเจ้าจะทรงเทพระคุณและพระเมตตาของพระองค์มาเหนือคุณ พระองค์ทรงรักคุณ

เตือนด้วยความรัก

ในปี 2010 คลื่นสึนามิถล่มเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย คร่าชีวิตผู้คนไปกว่าสี่ร้อยคน แต่การสูญเสียนี้สามารถป้องกันหรือลดจำนวนลงได้หากระบบเตือนภัยสึนามิทำงานอย่างที่ควรจะเป็น ระบบเฝ้าระวังสึนามิ (ทุ่นลอยน้ำ) หลุดออกจากตำแหน่งและถูกพัดหายไป

พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่าพวกเขามีหน้าที่เตือนเพื่อนสาวกถึงสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณ รวมถึงบาปที่ยังไม่กลับใจ พระองค์อธิบายขั้นตอนว่าหากมีคนทำผิดบาปต่อผู้เชื่อ เขาสามารถ “แจ้ง” ความผิดต่อผู้ที่ทำผิดนั้นด้วยท่าทีถ่อมใจ เป็นการส่วนตัว และด้วยใจอธิษฐาน (มธ.18:15) หากคนผู้นั้นกลับใจ ความขัดแย้งก็จะคลี่คลายและความสัมพันธ์ก็ได้รับการรื้อฟื้น หากผู้เชื่อคนนั้นไม่ยอมกลับใจ “คนหนึ่งหรือสองคน” อาจช่วยแก้ไขความขัดแย้งได้ (ข้อ 16) ถ้าผู้ทำความผิดคนนั้นยังไม่กลับใจ ก็ให้นำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อ “คริสตจักร” (ข้อ 17) ถ้าเขายังคงไม่ยอมกลับใจ ก็ให้ถอดเขาออกจากกลุ่มผู้เชื่อ แต่ก็ยังสามารถอธิษฐานเผื่อและสำแดงความรักของพระคริสต์แก่เขาได้อยู่

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู ให้เราอธิษฐานขอสติปัญญาและความกล้าที่เราจะห่วงใยมากพอที่จะเตือนซึ่งกันและกันด้วยความรักถึงอันตรายของความบาปที่ไม่ยอมกลับใจ และถึงความชื่นชมยินดีของการคืนดีกับพระบิดาในสวรรค์และผู้เชื่อคนอื่นๆ แล้วพระเยซูจะทรงอยู่ “ท่ามกลาง[เรา]ที่นั่น” (ข้อ 20)

พื้นที่ในใจ

นี่คือคำแนะนำบางประการสำหรับวันหยุด ครั้งต่อไปที่คุณเดินทางผ่านเมืองมิดเดิลตัน รัฐวิสคอนซิน คุณอาจอยากไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มัสตาร์ดแห่งชาติ สำหรับผู้ที่รู้สึกว่ามัสตาร์ดแค่แบบเดียวก็เพียงพอแล้ว สถานที่อันน่าตื่นตาตื่นใจนี้เก็บรวบรวมมัสตาร์ด 6,090 ชนิดจากทั่วโลก ที่เมืองแมคลีน รัฐเท็กซัส คุณอาจประหลาดใจที่เจอพิพิธภัณฑ์ลวดหนาม หรือแปลกใจมากขึ้นไปอีกที่มีคนหลงใหลใน... การฟันดาบ

เรื่องนี้กำลังบอกถึงสิ่งที่เราเลือกให้ความสำคัญ นักเขียนท่านหนึ่งบอกว่า คุณอาจทำสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าการใช้เวลาช่วงบ่ายที่พิพิธภัณฑ์กล้วย (แม้เราจะขอทำอย่างอื่นแทน)

เราหัวเราะด้วยความขบขัน แต่ก็ต้องยอมรับโดยดีว่าเราต่างมีพิพิธภัณฑ์ของตัวเอง คือพื้นที่ในใจที่เรายกย่องรูปเคารพบางอย่างที่เราสร้างขึ้นมาเอง พระเจ้าตรัสสั่งเราว่า “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา” (อพย.20:3) และ “อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น” (ข้อ 5) แต่เราก็ยังทำอยู่ เราสร้างพระต่างๆขึ้นมา อาจเป็นพระแห่งความมั่งคั่ง ความลุ่มหลง หรือความสำเร็จ หรือมี “ทรัพย์สมบัติ” เพื่อความพึงพอใจบางอย่างที่เราเทิดทูนไว้ลับๆ

เป็นเรื่องง่ายที่จะพลาดประเด็นสำคัญเมื่ออ่านพระธรรมตอนนี้ ใช่แล้ว พระเจ้าทรงถือว่าเราต้องรับผิดชอบต่อพิพิธภัณฑ์แห่งความบาปที่เราสร้างขึ้น แต่พระองค์ยังตรัสถึงการ “แสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รัก[พระองค์]...จนถึงพันชั่วอายุคน” (ข้อ 6) พระองค์ทรงทราบว่า “พิพิธภัณฑ์” ของเราไร้สาระเพียงใด พระองค์ทรงทราบว่าความพึงพอใจที่แท้จริงของเราอยู่ในความรักที่เรามีต่อพระองค์เท่านั้น

ฤดูกาล

ไม่นานนี้ผมอ่านเจอคำที่นำมาใช้ได้อย่างดี คือ การพักในฤดูหนาว ฤดูหนาวเป็นช่วงที่โลกธรรมชาติส่วนใหญ่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า นักเขียนแคทเธอรีน เมย์ ใช้คำนี้บรรยายถึงความจำเป็นที่เราต้องพักผ่อนและพักฟื้นในช่วงฤดู “หนาว” ของชีวิต ผมพบว่าคำเปรียบเปรยนี้ช่วยได้มากหลังจากสูญเสียคุณพ่อไปด้วยโรคมะเร็งซึ่งบั่นทอนกำลังผมไปหลายเดือน การอยู่ในภาวะที่ถูกบีบให้ชะลอตัวทำให้ขุ่นเคืองใจ ผมต่อสู้กับฤดูหนาวของตัวเอง อธิษฐานให้ฤดูร้อนของชีวิตหวนกลับมา แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้

ถ้อยคำซึ่งเป็นที่รู้จักในปัญญาจารย์บอกว่ามี “วาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์” มีวาระปลูกและวาระถอน วาระร้องไห้และวาระหัวเราะวาระไว้ทุกข์และวาระเต้นรำ (3:1-4) ผมอ่านข้อพระคัมภีร์เหล่านี้มาหลายปีแต่เพิ่งเริ่มเข้าใจเมื่อพบกับฤดูหนาวของตัวเอง แม้เราจะควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้เพียงเล็กน้อย แต่ทุกฤดูมีจุดสิ้นสุดและจะผ่านพ้นไปเมื่อมันทำหน้าที่เสร็จสิ้น และขณะที่เราไม่อาจเข้าใจมันได้ทุกครั้ง แต่พระเจ้าทรงกำลังทำบางสิ่งที่สำคัญในเราผ่านฤดูเหล่านั้น (ข้อ 11) วาระไว้ทุกข์ของผมยังไม่จบ แต่เมื่อจบแล้ว วาระเต้นรำก็จะกลับมา เช่นที่พืชและสัตว์ไม่ต่อสู้กับฤดูหนาว ผมจำเป็นต้องพักและปล่อยให้มันฟื้นฟูชีวิตของผม

“องค์พระผู้เป็นเจ้า” เพื่อนคนหนึ่งอธิษฐาน “ขอพระองค์ทรงกระทำกิจอันดีในชีวิตของเชอริแดน(ผู้เขียน)ในฤดูแห่งความทุกข์โศกนี้” นี่เป็นคำอธิษฐานที่ดีกว่าของผม เพราะในพระหัตถ์พระเจ้า ฤดูกาลก็มีวัตถุประสงค์ของมัน ขอให้เรายอมจำนนต่อการฟื้นฟูของพระองค์ในทุกฤดูกาล

กล้ายืนหยัดเพื่อพระเยซู

ในค.ศ.155 โพลิคาร์ปบิดาแห่งคริสตจักรยุคแรกถูกข่มขู่ว่าจะถูกเผาให้ตายเพราะความเชื่อในพระคริสต์ ท่านตอบว่า “แปดสิบหกปีที่ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์นั้น พระองค์ไม่เคยทำสิ่งใดผิดต่อข้าพเจ้าเลย แล้วข้าพเจ้าจะหมิ่นพระเกียรติกษัตริย์ผู้ทรงช่วยกู้ข้าพเจ้าได้อย่างไร” การตอบสนองของโพลิคาร์ปสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราเมื่อต้องเผชิญการทดลองที่หนักหน่วงเพราะความเชื่อในพระเยซู กษัตริย์ของเรา

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนพระเยซูจะสิ้นพระชนม์ เปโตรให้คำมั่นอย่างกล้าหาญว่าจะจงรักภักดีต่อพระคริสต์ “ข้าพระองค์จะสละชีวิตเพื่อพระองค์” (ยน.13:37) พระเยซูผู้ทรงรู้จักเปโตรดีกว่าที่เปโตรรู้จักตัวเอง ตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” (ข้อ 38) อย่างไรก็ตามหลังการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู คนๆเดิมที่ปฏิเสธพระองค์ได้เริ่มต้นรับใช้พระองค์อย่างกล้าหาญ และในที่สุดได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยการตายของท่านเอง (ดู 21:16-19)

คุณเป็นโพลิคาร์ปหรือเปโตร หากยอมรับอย่างซื่อตรงพวกเราส่วนใหญ่มัก “ขาดความกล้า” เหมือนเปโตร คือล้มเหลวในการพูดหรือแสดงออกอย่างมีเกียรติในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะในห้องเรียน ห้องประชุมหรือห้องพัก ไม่ใช่สิ่งที่นิยามตัวตนของเราอย่างถาวร เมื่อความล้มเหลวเหล่านั้นเกิดขึ้น เราต้องสารภาพบาปด้วยใจอธิษฐานและหันกลับมาหาพระเยซู ผู้ทรงสิ้นพระชนม์และทรงพระชนม์อยู่เพื่อเรา พระองค์จะทรงช่วยให้เราสัตย์ซื่อต่อพระองค์และดำเนินชีวิตอย่างกล้าหาญเพื่อพระองค์ทุกวันในสถานการณ์อันยากลำบาก

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา