ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Kenneth Petersen

ประตูชัย

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2023 คริสเตียน อัตซูยิงประตูแห่งชัยชนะให้กับทีมของเขาในการแข่งขันฟุตบอลที่ประเทศตุรกี ผู้เล่นที่โด่งดังระดับนานาชาติคนนี้เรียนรู้การเล่นกีฬาชนิดนี้ขณะยังเป็นเด็กวิ่งเท้าเปล่าอยู่ในประเทศกาน่าบ้านเกิด อัตซูเป็นผู้เชื่อในพระคริสต์ เขาบอกว่า “พระเยซูคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของผม” อัตซูแบ่งปันข้อพระคัมภีร์ในโซเชียลมีเดีย เปิดเผยความเชื่อของตน และถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำโดยให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่โรงเรียนสอนเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง

หนึ่งวันหลังจากยิงประตูชัย ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ถล่มเมืองอันทักยา ซึ่งในสมัยพระคัมภีร์คือเมืองอันทิโอก ตึกอพาร์ตเม้นต์ของคริสเตียน อัตซูถล่มลงมา และเขาได้ไปอยู่กับพระผู้ช่วยให้รอดของเขา

สองพันปีที่แล้วเมืองอันทิโอกเป็นต้นกำเนิดของคริสตจักรยุคแรก “ในเมืองอันทิโอกนั่นเอง พวกสาวกได้ชื่อว่าคริสเตียนเป็นครั้งแรก” (กจ.11:26) อัครสาวกคนหนึ่งชื่อบารนานัส ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “คนดี ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” (ข้อ 24) เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการนำผู้คนมาหาพระคริสต์ “คนเป็นอันมากก็เพิ่มเข้ากับคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (ข้อ 24)

เราไม่ได้มองไปที่ชีวิตของคริสเตียน อัตซูเพื่อยกย่องเขา แต่มองถึงโอกาสในชีวิตของเขา ไม่ว่าสถานการณ์ในชีวิตของเราจะเป็นเช่นไร เราไม่รู้ว่าเมื่อใดที่พระเจ้าจะทรงรับเราไปอยู่กับพระองค์ เราจึงควรถามตัวเองให้ดีว่า เราจะเป็นอย่างบารนาบัสหรือคริสเตียน อัตซู ในการสำแดงความรักของพระคริสต์แก่ผู้อื่นได้อย่างไร และนี่คือประตูชัยที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด

ยำเกรงพระเจ้า

โรคโฟเบียหรือภาวะกลัว หมายถึง “ความกลัวอย่างไม่มีเหตุผล” ในสิ่งของหรือสถานการณ์บางอย่าง เช่น โรคกลัวแมงมุม (แม้บางคนอาจแย้งว่าการกลัวแมงมุมเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด) นอกจากนั้นยังมีโรคกลัวลูกโป่ง โรคกลัวช็อกโกแลต และโรคกลัวอีกประมาณสี่ร้อยชนิดที่มีอยู่จริงและมีการบันทึกข้อมูลไว้ ดูเหมือนว่าคนเราจะกลัวอะไรได้เกือบทุกอย่าง

พระคัมภีร์พูดถึงความกลัวของชนชาติอิสราเอลหลังจากได้รับพระบัญญัติสิบประการว่า “คน​ทั้ง​หลาย​เมื่อ​ได้​ยินได้​เห็น​ฟ้า​ร้อง ฟ้า​แลบ...ต่าง​ก็​ยืน​ตัว​สั่น​อยู่​แต่​ไกล” (อพย.20:18) โมเสสปลอบใจพวกเขาโดยกล่าวถ้อยคำที่น่าสนใจที่สุดว่า “อย่า​กลัว​เลย เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​เสด็จ​มา​เพื่อ​ลอง​ใจ​ท่าน​ทั้ง​หลาย เพื่อ​พวก​ท่าน​จะ​ได้​ยำเกรง​พระ​องค์” (ข้อ 20) ดูเหมือนโมเสสจะย้อนแย้งในตัวเอง “อย่ากลัวเลย แต่จงเกรงกลัว” อันที่จริง คำภาษาฮีบรูที่แปลว่า “ความกลัว” มีความหมายอย่างน้อยสองประการ คือ ความหวาดกลัวจนตัวสั่นต่อบางสิ่งบางอย่าง หรือความยำเกรงอย่างสูงต่อพระเจ้า

เราอาจหัวเราะเมื่อรู้ว่ามีโรคกลัวลูกโป่งและโรคกลัวช็อกโกแลต แต่สาระสำคัญที่สุดเกี่ยวกับโรคกลัวเหล่านี้คือ เราสามารถกลัวอะไรได้ทุกอย่าง ความกลัวคืบคลานเข้ามาในชีวิตเราเหมือนแมงมุม และโลกอาจเป็นสถานที่ที่น่ากลัว ขณะที่เราต่อสู้กับโรคกลัวนี้และความหวาดกลัวต่างๆ ขอให้เราระลึกเสมอว่าพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าที่น่ายำเกรง และพระองค์ประทานการปลอบประโลมแก่เราในเวลานี้ในท่ามกลางความมืดมิด

พระหัตถกิจของพระเจ้า

วันที่ 12 กรกฎาคม 2022 นักวิทยาศาสตร์เฝ้ารอภาพแรกของอวกาศห้วงลึกจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ กล้องโทรทรรศน์ล้ำสมัยนี้สามารถมองเข้าไปในจักรวาลได้ไกลกว่าที่มนุษย์เคยมองมาก่อน ทันใดนั้นภาพที่น่าทึ่งก็ปรากฏขึ้น เป็นภาพสีอวกาศเต็มรูปแบบของกลุ่มก๊าซเนบิวลากระดูกงูเรือที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในลักษณะนี้ นักดาราศาสตร์นาซ่าคนหนึ่งอ้างคำกล่าวของคาร์ล เซแกน ผู้ซึ่งไม่เชื่อในพระเจ้าว่า “ที่ไหนสักแห่ง มีบางสิ่งที่เหลือเชื่อรออยู่”

บางครั้งผู้คนอาจมองตรงไปที่พระเจ้าแต่ไม่เห็นพระองค์ แต่ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสดุดีมองไปในท้องฟ้าและรู้ว่ากำลังเห็นอะไร “พระองค์ทรงตั้งเกียรติสิริของพระองค์เหนือฟ้าสวรรค์” (สดด.8:1 TNCV) เซแกนพูดถูกว่า “มีบางสิ่งที่เหลือเชื่อรออยู่” แต่เขาไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่ดาวิดรับรู้ได้อย่างชัดเจน “เมื่อข้าพระองค์มองดูฟ้าสวรรค์อันเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ดวงจันทร์และดวงดาวซึ่งพระองค์ได้ทรงสถาปนาไว้ มนุษย์เป็นผู้ใดเล่าซึ่งพระองค์ทรงระลึกถึงเขา”
(ข้อ 3-4)

เมื่อเราเห็นภาพของห้วงอวกาศที่ลึกที่สุด เรารู้สึกอัศจรรย์ใจและก็ไม่ใช่เพราะเทคโนโลยี แต่เพราะเราได้เห็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า เรารู้สึกพิศวงเพราะในความยิ่งใหญ่ไพศาลแห่งการทรงสร้าง พระเจ้าทรงมอบอำนาจให้เรา “ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์” (ข้อ 6) ใช่แล้วที่มี “บางสิ่งที่เหลือเชื่อรออยู่” พระเจ้าทรงรอคอยที่จะนำผู้เชื่อในพระเยซูมาหาพระองค์เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา นั่นเป็นภาพที่น่าทึ่งที่สุดในบรรดาภาพทั้งปวง

พร้อมลุยเพื่อพระเจ้า

หนังสือเรื่องทีมเงาอัจฉริยะ (Hidden Figures) เล่าถึงการเตรียมตัวของจอห์น เกล็นในการบินสู่อวกาศ ในปีค.ศ. 1962 คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ซึ่งอาจยังมีข้อบกพร่องอยู่ เกล็นไม่ไว้ใจพวกมันและกังวลเกี่ยวกับการคำนวณตัวเลขสำหรับการปล่อยยาน เขารู้จักผู้หญิงอัจฉริยะคนหนึ่งในห้องด้านหลังที่สามารถคำนวณตัวเลขเหล่านั้นได้ เขาเชื่อใจเธอ “ถ้าเธอบอกว่าตัวเลขถูกต้อง” เกล็นกล่าว “ผมก็พร้อมลุย”

แคทเธอรีน จอห์นสันเป็นครูและคุณแม่ลูกสาม เธอรักพระเยซูและรับใช้ในคริสตจักรของเธอ พระเจ้าทรงอวยพรให้แคทเธอรีนมีสมองที่พิเศษ นาซ่าได้ทาบทามเธอให้มาช่วยในโครงการอวกาศในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 เธอคือ “ผู้หญิงฉลาด” หนึ่งใน “มนุษย์สมองกล” ที่่พวกเขาว่าจ้างในเวลานั้น

เราอาจไม่ได้ถูกเรียกให้เป็นนักคำนวณที่ฉลาดหลักแหลม แต่พระเจ้าทรงเรียกเราทั้งหลายเพื่อสิ่งอื่น “พระคุณนั้นทรงโปรดประทานแก่เราทุกๆคนตามขนาดที่พระคริสต์ประทานให้” (อฟ.4:7) เราต้อง “ดำเนินชีวิตสมกับพันธกิจอันเนื่องจากการทรงเรียกท่านนั้น” (ข้อ 1) เราเป็นอวัยวะของร่างกายที่ “ทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสม” (ข้อ 16)

การคำนวณของแคทเธอรีนยืนยันแนววิถีโคจร การทะยานสู่วงโคจรของเกล็นประสบความสำเร็จอย่างงดงามชนิดที่เรียกได้ว่า “เข้าเป้า” แต่นี่เป็นเพียงการทรงเรียกหนึ่งในหลายๆอย่างของแคทเธอรีน เธอยังถูกเรียกให้เป็นแม่ ครู และผู้รับใช้ในคริสตจักรด้วย เราอาจต้องถามตัวเองว่าพระเจ้าทรงเรียกเราให้ทำอะไรไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยหรือใหญ่โต เรา “พร้อมลุย” โดยใช้ของประทานแห่งพระคุณที่ทรงมอบให้ และ “ดำเนินชีวิตสมกับพันธกิจอันเนื่องจากการทรงเรียกท่านนั้น” (ข้อ 1) หรือไม่

“เราเป็น”

แจ็คเป็นศาสตราจารย์ด้านปรัชญาและวรรณคดีที่ฉลาดปราดเปรื่อง เขาประกาศตัวว่าเป็นผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าตอนอายุสิบห้าปี และในวัยผู้ใหญ่ก็ยังยืนกรานที่จะปกป้อง “ความเชื่อว่าไม่มีพระเจ้า” ของเขา เพื่อนคริสเตียนหลายคนพยายามโน้มน้าวเขา แต่แจ็คบอกว่า “ทุกคนและทุกสิ่งล้วนเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” แต่เขาต้องยอมรับว่าพระคัมภีร์แตกต่างจากวรรณกรรมและเทพนิยายอื่นๆ เขาเขียนถึงพระกิตติคุณว่า “หากว่าเทพนิยายกลายเป็นความจริง เกิดขึ้นจริงๆก็คงจะเป็นเช่นนี้”

อพยพ 3 ได้กลายเป็นพระคัมภีร์บทที่มีอิทธิพลต่อแจ็คมากที่สุด พระเจ้าเรียกโมเสสให้นำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ โมเสสถามพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า จึงจะไปเฝ้าฟาโรห์” (ข้อ 11) พระเจ้าตรัสว่า “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น” (ข้อ 14) พระธรรมตอนนี้เป็นการเล่นคำและชื่อที่ซับซ้อน แต่สะท้อนถึงการทรงสถิตอยู่นิรันดร์ของพระเจ้าตั้งแต่ปฐมกาล น่าสนใจที่ต่อมาพระเยซูก็ทรงสะท้อนสิ่งเดียวกัน เมื่อพระองค์ตรัสว่า “เรา [เป็น]อยู่ก่อนอับราฮัมเกิด”(ยน.8:58)

พระธรรมตอนนี้ส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อแจ็ค หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม ซี.เอส.- ลูอิส นี่คือทั้งหมดที่พระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียวทรงจำเป็นต้องบอก คือบอกว่าพระองค์เป็น “ผู้ซึ่งเราเป็น” ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตนั้น ลูอิส “ยอมจำนนและยอมรับว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า” นี่คือจุดเริ่มต้นการเดินทางของลูอิสไปสู่การต้อนรับพระเยซู

บางทีเราอาจสงสัยในความเชื่อเหมือนลูอิส หรืออาจมีความเชื่อแบบอุ่นๆ ไม่เย็นไม่ร้อน เราคงต้องถามตัวเองว่าพระเจ้าทรงเป็น “ผู้ซึ่งเราเป็น” จริงๆในชีวิตของเราหรือไม่

โลหิตพระเยซู

สีแดงไม่ใช่สีที่จะปรากฏขึ้นเองตามธรรมชาติทุกครั้งบนสิ่งของที่เราทำขึ้น คุณจะใส่สีสันที่สดใสของแอปเปิ้ลลงบนเสื้อยืดหรือลิปสติกได้อย่างไร ในยุคแรกเม็ดสีของสีแดงนั้นทำจากดินหรือหินสีแดง ในช่วงทศวรรษที่ 1400 ชนเผ่าแอซเท็กได้คิดค้นวิธีการใช้แมลงโคชินีลทำสีย้อมแดง ในปัจจุบันแมลงตัวเล็กๆชนิดเดียวกันนี้ยังคงเป็นแหล่งที่ให้สีแดงกับโลกของเรา

ในพระคัมภีร์นั้นสีแดงหมายถึงตำแหน่งกษัตริย์ และยังหมายถึงบาปและความละอาย นอกจากนี้ยังเป็นสีของเลือดอีกด้วย เมื่อทหาร “เปลื้องฉลองพระองค์ [พระเยซู]ออก เอาเสื้อสีแดงเข้มมาสวมพระองค์” (มธ.27:28) สัญลักษณ์ทั้งสามนี้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวในภาพของสีแดงแห่งความโศกสลดคือ พระเยซูทรงถูกเยาะเย้ยในฐานะผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ พระองค์สวมความอับอายและทรงถูกสวมด้วยเสื้อคลุมสีเลือดซึ่งพระโลหิตของพระองค์จะทรงหลั่งออกในไม่ช้า แต่ถ้อยคำของอิสยาห์ได้พยากรณ์ล่วงหน้าถึงพระสัญญาที่พระเยซูผู้ทรงถูกปกคลุมด้วยสีแดงเข้มนี้จะทรงช่วยเราให้พ้นจากสีแดงแห่งมลทินบาป “ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ” (1:18)

คือแมลงโคชินีลที่ใช้ทำสีย้อมแดงนั้นมีสีภายนอกที่ขาวคล้ายน้ำนม แต่เมื่อถูกบดขยี้พวกมันก็จะปลดปล่อยเลือดสีแดงออกมา ข้อเท็จจริงเล็กน้อยนี้สะท้อนคำพูดของอิสยาห์ว่า “ [พระเยซู] ฟกช้ำเพราะความบาปผิดของเรา” (อสย.53:5)

พระเยซูผู้ไม่มีบาปทรงอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยเราที่เต็มไปด้วยความบาปเหมือนสีแดงเข้มให้ได้รับความรอด คุณเห็นไหมว่าในการสิ้นพระชนม์อย่างฟกช้ำของพระองค์ พระเยซูทรงทนทุกข์กับสีแดงเข้มทุกประการเพื่อคุณจะขาวอย่างหิมะ

มอบถวายแด่พระเจ้า

จั๊ดสัน แวน ดีเวนเทอร์เกิดในฟาร์มแห่งหนึ่ง เขาเรียนวาดรูป ศึกษาศิลปะและกลายมาเป็นครูสอนศิลปะ แต่พระเจ้ามีแผนการสำหรับเขาที่ต่างออกไป เพื่อนๆเห็นคุณค่าของงานที่เขาทำในคริสตจักรและหนุนใจให้เขาออกไปประกาศ จั๊ดสันรู้สึกถึงการทรงเรียกของพระเจ้าเช่นกัน แต่เป็นเรื่องยากที่เขาจะทิ้งความรักในการสอนศิลปะ เขาปล้ำสู้กับพระเจ้า แต่ “ในที่สุด” เขาบันทึกว่า “ชั่วโมงที่สำคัญยิ่งในชีวิตมาถึงแล้ว และข้าพเจ้าขอมอบถวายทุกสิ่ง”

เราไม่อาจจิตนาการได้ถึงหัวใจที่แตกสลายของอับราฮัมเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้เสียสละอิสอัคบุตรชาย เมื่อเริ่มเข้าใจคำบัญชาของพระเจ้าที่ให้ “ถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา” (ปฐก.22:2) เราถามตัวเองว่าพระเจ้าทรงเรียกเราให้ถวายสิ่งมีค่าใดเป็นเครื่องบูชา ในท้ายที่สุดเรารู้ว่าพระองค์ทรงไว้ชีวิตอิสอัค (ข้อ 12) แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คืออับราฮัมเต็มใจมอบถวายสิ่งที่มีค่าที่สุดของตน ท่านไว้วางใจพระเจ้าที่จะทรงจัดเตรียมในท่ามกลางการทรงเรียกที่ยากที่สุด

เราบอกว่าเรารักพระเจ้า แต่เราเต็มใจที่จะสละสิ่งที่เรารักที่สุดไหม จั๊ดสันทำตามการทรงเรียกของพระเจ้าเข้าสู่งานประกาศข่าวประเสริฐ และต่อมาได้ประพันธ์บทเพลงนมัสการอันทรงคุณค่า “ข้าฯมอบทุกสิ่งแด่พระเยซู” ในเวลาไม่นานนักพระเจ้า​ได้ทรง​เรียกให้เขากลับสู่งาน​สอน นักเรียนคนหนึ่งของเขาคือชายหนุ่มที่ชื่อบิลลี่ เกรแฮม

แผนการของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรานั้นมีจุดมุ่งหมายที่เราคาดไม่ถึง พระองค์ทรงรอคอยที่เราจะยอมสละสิ่งที่เรารักที่สุด ซึ่งดูเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราพอจะทำได้ เพราะในท้ายที่สุดพระองค์ได้ทรงสละพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อเรา

ให้อภัยและไม่จดจำ

จิลล์ ไพรซ์เกิดมาพร้อมกับโรคไฮเปอร์ธีมีเซียหรือโรคความจำดี คือการสามารถจดจำรายละเอียดทั้งหมดทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเธอได้ เธอสามารถย้อนนึกถึงเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอได้

ภาพยนตร์ทีวีเรื่อง สายสืบความทรงจำมรณะ (Unforgettable) มีเนื้อหาเกี่ยวกับตำรวจหญิงที่มีโรคความจำดี ซึ่งทำให้เธอได้เปรียบมากในเกมโชว์ตอบคำถามและการแก้ปัญหาอาชญากรรม อย่างไรก็ตามสำหรับจิลล์ ไพรซ์สภาวะนี้ไม่สนุกเท่าไหร่นัก เธอไม่สามารถลืมช่วงเวลาในชีวิตที่เธอถูกวิจารณ์ ประสบการณ์การสูญเสีย หรือการทำบางสิ่งที่เธอเสียใจอย่างสุดซึ้ง ภาพเหล่านั้นฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของเธอ

พระเจ้าของเราทรงมีความจำดีเลิศ พระองค์ทรงรอบรู้ทุกอย่าง พระคัมภีร์บอกเราว่าความรู้ความเข้าใจของพระองค์ไม่มีขีดจำกัด แต่กระนั้นเราพบสิ่งที่ทำให้อุ่นใจที่สุดในพระธรรมอิสยาห์ “เรา เราคือพระองค์นั้นผู้ลบล้างความทรยศของเจ้า...และเราจะไม่จดจำบรรดาบาปของเจ้าไว้” (43:25) พระธรรมฮีบรูเสริมเรื่องนี้ว่า “เราทั้งหลายได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์โดย...พระเยซูคริสต์...และ [พระเจ้า]จะไม่จดจำบาปกับการอธรรมของ[เรา]ทั้งหลายอีกต่อไป” (ฮบ.10:10,17)

เมื่อเราสารภาพบาปต่อพระเจ้า เราก็หยุดฉายภาพบาปนั้นซ้ำไปซ้ำมาในความคิดของเราได้ เราต้องปล่อยมันไปเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงทำ “อย่าจดจำสิ่งล่วงแล้วนั้น อย่าพิเคราะห์สิ่งเก่าก่อน” (อสย.43:18) ในความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระเจ้าทรงเลือกที่จะไม่จดจำในเรื่องบาปของเราเพื่อต่อต้านเรา ขอให้เราจดจำความจริงในข้อนี้

ความงามแทนขี้เถ้า

ภายหลังเหตุไฟป่าที่ทำลายล้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐโคโลราโด หน่วยงานแห่งหนึ่งได้เสนอการให้ความช่วยเหลือแก่บรรดาครอบครัวในการค้นหาสิ่งของมีค่าจากเถ้าถ่าน สมาชิกครอบครัวได้พูดถึงสิ่งของมีค่าที่พวกเขาหวังว่าจะยังคงปลอดภัย แต่น้อยมากที่ยังคงอยู่ ชายคนหนึ่งพูดถึงแหวนแต่งงานของเขาอย่างทะนุถนอม เขาวางไว้บนตู้เสื้อผ้าในห้องนอนชั้นบน เวลานี้ตัวบ้านไม่เหลือแล้ว สิ่งที่อยู่ในนั้นไหม้เกรียมเป็นเศษซากหรือละลายทับถมกันเป็นชิ้นเดียวอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ผู้ทำการค้นหามองหาแหวนในมุมเดิมที่เคยเป็นห้องนอน แต่ไม่พบ

ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เขียนถึงการทำลายกรุงเยรูซาเล็มที่กำลังจะมาถึงอย่างโศกสลด ที่ซึ่งจะถูกทำให้ราบเป็นหน้ากลอง ในทำนองเดียวกันมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่าชีวิตที่เราสร้างมานั้นถูกทำให้เหลือแต่เถ้าถ่าน เรารู้สึกว่าไม่เหลืออะไรแล้ว ทั้งในด้านความรู้สึกและในฝ่ายวิญญาณ แต่อิสยาห์ให้ความหวังว่า “พระองค์ [พระเจ้า] ทรงใช้ข้าพเจ้ามาให้เล้าโลมคนที่ชอกช้ำระกำใจ...เพื่อเล้าโลมบรรดาคนที่ไว้ทุกข์” (อสย.61:1-2) พระเจ้าทรงเปลี่ยนโศกนาฏกรรมของเราให้เป็นสง่าราศี “[พระองค์จะ]ประทานมาลัยแทนขี้เถ้าให้เขา” (ข้อ 3) พระองค์ทรงสัญญาว่า “เขาทั้งหลายจะสร้างสิ่งปรักหักพังโบราณขึ้นใหม่ เขาจะเสริมที่ทิ้งร้างแต่เก่าก่อนขึ้น” (ข้อ 4)

บริเวณสถานที่ประสบเหตุไฟไหม้นั้น สตรีคนหนึ่งค้นหาเถ้าถ่านที่ฝั่งตรงข้าม ที่นั่นเธอพบแหวนแต่งงานของสามีซึ่งยังคงอยู่ในกล่องเล็กๆ ในความสิ้นหวังของคุณนั้น พระเจ้าทรงเข้าถึงกองขี้เถ้าของคุณและดึงสิ่งหนึ่งที่มีค่าอย่างแท้จริงออกมา นั่นก็คือตัวคุณ

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา