สร้างใจขอบพระคุณ
คุณอยากสร้างนิสัยรู้จักซาบซึ้งในบุญคุณหรือไม่ ในบทกวีที่ชื่อว่า “สำนึกในพระคุณ” จอร์จ เฮอร์เบิร์ตกวีชาวอังกฤษหนุนใจผู้อ่านให้มีเป้าหมายเช่นนั้น “พระองค์ผู้ที่ได้มอบสิ่งมากมายแก่ข้า ขอทรงมอบอีกสิ่งหนึ่ง นั่นคือใจที่ขอบพระคุณ”
เฮอร์เบิร์ตตระหนักว่า สิ่งเดียวที่เขาต้องการเพื่อจะมีใจขอบพระคุณ คือการตระหนักถึงพระพรที่พระเจ้าประทานแก่เขาแล้ว
พระคัมภีร์เปิดเผยในโรม 11:36 ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นแหล่งพระพรทั้งปวง “เพราะสิ่งสารพัดมาจากพระองค์ โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์” “สิ่งสารพัด” นี้รวมถึงของฟุ่มเฟือยทางโลกซึ่งประทานแก่เราทุกวัน ทุกสิ่งที่เราได้รับในชีวิต ล้วนส่งตรงมาจากพระบิดาบนสวรรค์ (ยก.1:17) และพระองค์ประทานสิ่งเหล่านั้นด้วยเต็มพระทัย จากความรักที่ทรงมีต่อเรา
ฉันอยากจะตระหนักถึงพระพรในชีวิตมากยิ่งขึ้น ฉันจึงฝึกใจให้ตระหนักถึงความชื่นชมยินดีที่ฉันสัมผัสในแต่ละวัน โดยเฉพาะสิ่งที่ฉันมักมองข้าม เช่นวันนี้เป็นเช้าอันสดใสสำหรับการวิ่ง การรอคอยที่จะได้ใช้เวลากับเพื่อนในตอนเย็น วัตถุดิบในตู้เพื่อจะใช้ทำเฟรนช์โทสกับลูกสาว ความงดงามของโลกภายนอกหน้าต่าง และกลิ่นหอมสดชื่นของกาแฟต้ม
อะไรคือ “สิ่งมากมาย” ที่พระเจ้าได้ประทานแก่คุณแล้ว การเปิดตามองให้เห็นพระพรเหล่านั้นจะช่วยให้เราพัฒนาหัวใจที่รู้จักขอบพระคุณ
คิดก่อนพูด
ชุงหัวเสียที่ภรรยาไม่ได้ตรวจสอบเส้นทางไปร้านอาหารชื่อดังไว้ก่อน ทั้งที่ครอบครัวได้วางแผนว่าจะลงเอยการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นด้วยอาหารมื้อพิเศษก่อนบินกลับ ตอนนี้เขาล่าช้ามากแล้วและคงต้องพลาดอาหารมื้อนั้น เขาบ่นภรรยาอย่างหงุดหงิดที่ไม่วางแผนให้ดี
เขียนจดหมาย
แม่กับพี่น้องของแม่ ทำสิ่งที่ดูจะกลายเป็นศิลปะที่สูญหายไป นั่นคือการเขียนจดหมาย ทุกสัปดาห์พวกท่านจะเขียนหากันและกันไม่เคยขาด จนบุรุษไปรษณีย์ถึงขั้นเป็นกังวลเมื่อไม่มีจดหมายให้ส่ง! จดหมายเหล่านี้เต็มไปด้วยเรื่องราวชีวิต ความสุข ความทุกข์ใจ รวมถึงเรื่องของเพื่อนและครอบครัวที่เกิดขึ้นแต่ละวัน
ความเมตตา
เมื่อฉันบ่นว่าการตัดสินใจของเพื่อนคนหนึ่งทำให้เธอถลำลึกลงในบาปและการกระทำของเธอส่งผลต่อฉัน สุภาพสตรีคนหนึ่งที่อธิษฐานกับฉันทุกอาทิตย์วางมือลงบนมือของฉันและพูดว่า “ให้เราอธิษฐานเพื่อเราทุกคน”
ฉันขมวดคิ้ว “เราทุกคน!” “ใช่” เธอตอบ “คุณที่มักจะบอกว่าพระเยซูทรงตั้งมาตรฐานความบริสุทธิ์ของเรา ดังนั้นเราก็ไม่ควรเอาบาปของคนอื่นมาเปรียบเทียบกับบาปของเรา”
“ความจริงนี้แทงใจดำฉัน” ฉันบอก “แต่ก็ถูกของคุณ การตัดสินผู้อื่นและความยโสฝ่ายวิญญาณของฉันไม่ได้ดีหรือเลวไปกว่าความบาปของเพื่อนเลย” “และการพูดถึงเพื่อน คือการนินทา เพราะฉะนั้น...” “...เรากำลังทำบาป” ฉันก้มศีรษะลง “โปรดอธิษฐานเพื่อเรา”
ในลูกา 18 พระเยซูเล่าคำอุปมาเรื่องชายสองคนที่กำลังไปพระวิหาร เพื่ออธิษฐานด้วยท่าทีที่แตกต่างกัน (ลก.18:9-14) เราอาจเหมือนฟาริสีที่ตกอยู่ในกับดักของการเปรียบเทียบ เราอาจอวดตัวเอง (ลก.18:11-12) และใช้ชีวิตราวกับมีสิทธิ์ที่จะตัดสิน หรือมีหน้าที่หรืออำนาจในการเปลี่ยนแปลงผู้อื่น
เมื่อเราให้พระเยซูเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ และได้สัมผัสว่าพระองค์ทรงแสนดี เหมือนคนเก็บภาษีเราจะยิ่งต้องการพระคุณพระเจ้า (ลก.18:13) เมื่อเรามีประสบการณ์กับพระเมตตาและการให้อภัยด้วยความรักของพระเจ้า เราจะเปลี่ยนไปและมีกำลังที่จะมีความหวัง มีเมตตาและไม่ตัดสินผู้อื่น
อยู่กับสิงโต
เมื่อฉันไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในชิคาโก ฉันได้เห็นสิงโตยุรยาตรแห่งบาบิโลนของจริง เป็นจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่รูปสิงโตมีปีกท่าทางดุร้าย อันเป็นสัญลักษณ์ของอิชทาร์เทพีแห่งความรักและสงครามของบาบิโลน สิงโตนี้เป็นตัวอย่างของงานศิลปะคล้ายกัน 120 ชิ้นที่เรียงรายอยู่ตามทางเดินในกรุงบาบิโลน ในช่วง 604-562 ปีก่อนคริสตกาล
คำถามถามพระเจ้า
คุณจะทำอย่างไรถ้าพระเจ้ามาบอกคุณขณะที่คุณทำงานอยู่ เช่นที่เกิดขึ้นกับกิเดโอนชาวอิสราเอล “ทูตของพระเจ้าปรากฏแก่กิเดโอนพูดกับเขาว่า ‘เจ้าบุรุษผู้กล้าหาญเอ๋ย พระเจ้าทรงสถิตกับเจ้า’ กิเดโอนน่าจะนิ่งฟัง แต่เขากลับตอบว่า “ถ้าพระเจ้าทรงสถิตกับพวกเราแล้ว ไฉนเหตุเหล่านี้จึงเกิดขึ้นแก่เราเล่า” (วนฉ.6:12-13) เขาอยากรู้ว่าทำไมจึงดูเหมือนพระเจ้าละทิ้งประชากรของพระองค์
กลิ่นอันหอมหวาน
ริต้า สโนว์เดนเขียนเรื่องน่าสนุกเกี่ยวกับการไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในโดเวอร์ ประเทศอังกฤษ บ่ายวันหนึ่งระหว่างนั่งจิบชานอกร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เธอได้กลิ่นหอมโชยมา ริต้าถามบริกรว่ากลิ่นมาจากไหนเขาตอบว่ามาจากผู้คนที่สัญจรไปมา ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำงานที่โรงงานน้ำหอมใกล้ๆ กลิ่นหอมที่ติดเสื้อผ้าจึงฟุ้งไปทั่วท้องถนนขณะเดินกลับบ้าน
ช่างเป็นภาพเปรียบเทียบชีวิตคริสเตียนที่งดงาม! ตามที่อัครทูตเปาโลกล่าว เราเป็นกลิ่นหอมของพระคริสต์ที่ฟุ้งกระจายไปทั่วทุกแห่ง (2 โครินธ์ 2:15) เปาโลใช้ภาพพระราชาที่กลับมาจากสงคราม ซึ่งติดตามด้วยขบวนทหารและเชลย มีกลิ่นเครื่องหอมแห่งการฉลองชัยฟุ้งไปทั่วเพื่อประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของพระราชา (2 โครินธ์ 2:14)
เปาโลกล่าวว่าเราแพร่กระจายกลิ่นหอมของพระคริสต์ได้สองทาง หนึ่งคือผ่านทางคำพูด โดยการบอกผู้อื่นเรื่องพระองค์ผู้ทรงงดงาม สองคือผ่านทางชีวิต โดยการกระทำที่เสียสละเหมือนอย่างพระคริสต์ (เอเฟซัส 5:1-2) แม้ไม่ใช่ทุกคนที่จะชื่นชมกลิ่นหอมของพระเจ้าที่เราแบ่งปัน แต่กลิ่นหอมนั้นก็นำชีวิตมาสู่อีกหลายคน
ริต้า สโนว์เดนได้กลิ่นหอมและถามหาที่มา เมื่อเราติดตามพระคริสต์ เราก็อบอวลด้วยกลิ่นหอมของพระองค์ ฟุ้งไปทั่วท้องถนนด้วยคำพูดและการกระทำของเรา
ถนนคนชอบธรรม
ผมกับแครอลิน ภรรยาของผมกำลังเดินไปในเมืองลอนดอนและพบถนนเส้นหนึ่งชื่อ ถนนคนชอบธรรม (Godliman Street) มีคนเล่าให้เราฟังว่าชายคนหนึ่งที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นมีชีวิตที่ชอบธรรม จนถนนเส้นที่เขาอาศัยอยู่นี้เป็นที่รู้จักว่า “ถนนของชายผู้ชอบธรรมคนนั้น” เรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงเรื่องราวในพันธสัญญาเดิม
เปลวไฟเล็กน้อย
วันอาทิตย์เดือนกันยายน คืนนั้นขณะที่ผู้คนกำลังหลับ เกิดเปลวไฟเล็กน้อยที่ร้านขนมปังของโธมัส ฟาร์ริเนอร์ ในซอยพุดดิ้ง ไม่ช้าเปลวไฟลุกลามไปติดบ้านหลังอื่นๆ จนกลายเป็นอัคคีภัยครั้งใหญ่ที่สุดในกรุงลอนดอนในปี 1666 กว่า 70,000 คนสูญเสียบ้านเพราะเพลิงไหม้ซึ่งกินเนื้อที่ถึงสี่ส่วนห้าของเมือง เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่จากเปลวไฟเล็กน้อย