Month: มีนาคม 2023

วิ่งเพื่อสิ่งที่มีค่า

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ร้องไห้กับข่าวคราวสถานการณ์ของไอร่าเพื่อนของฉัน ซึ่งเธอโพสต์ไว้ในปี 2022 ไม่กี่วันหลังเธอหนีออกจากกรุงเคียฟ เมืองหลวงที่ถูกปิดล้อมของประเทศยูเครน เธอลงรูปภาพเก่าที่เธอชูธงชาติประเทศของเธอภายหลังเสร็จสิ้นการวิ่งแข่งขัน เธอเขียนว่า “เราทุกคนต่างวิ่งอย่างสุดกำลังในการแข่งมาราธอนที่เรียกว่าชีวิต ในเวลานี้ขอให้เราวิ่งให้ดีกว่าเดิม พร้อมกับสิ่งที่ไม่มีวันตายในหัวใจของเรา” หลายวันต่อมา ฉันเห็นเพื่อนคนนี้ยังคงวิ่งแข่งในหลากหลายรูปแบบ ด้วยการส่งข่าวความคืบหน้าให้เราอธิษฐานและช่วยเหลือผู้ที่กำลังทนทุกข์ในประเทศของเธอ

คำพูดของไอร่าทำให้เกิดการทรงเรียกรูปแบบใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในพระธรรมฮีบรูบทที่ 12 ที่ให้ผู้เชื่อ “วิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม” (ข้อ 1) การทรงเรียกนั้นสืบเนื่องจากเรื่องราวของวีรบุรุษแห่งความเชื่อในบทที่ 11 ซึ่งเป็น “พยานที่พรั่งพร้อมอยู่รอบข้าง” (12:1) เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตด้วยความกล้าหาญ และยึดมั่นในความเชื่อแม้ต้องเสี่ยงด้วยชีวิต (11:33-38) แม้ว่าพวกเขาเพียงแค่ “ได้เห็น...และเตรียมรับ [พระสัญญา] ไว้ตั้งแต่ไกล” (ข้อ 13) คนเหล่านั้นมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งที่เป็นนิรันดร์ เพื่อสิ่งที่ไม่มีวันตาย

ผู้เชื่อในพระเยซูทุกคนถูกเรียกให้ดำเนินชีวิตในแบบเดียวกัน เพราะสันติภาพ ซึ่งก็คือความเจริญรุ่งเรืองและสันติสุขแห่งแผ่นดินของพระเจ้านั้นควรค่าแก่การที่เราจะยอมถวายทั้งหมดของชีวิตเรา เพราะนั่นคือแบบอย่างและฤทธานุภาพของพระคริสต์ที่ค้ำจุนเราอยู่ (12:2-3)

มิตรและศัตรู

นักวิชาการเคนเน็ธ อี. เบลีย์ กล่าวถึงผู้นำของชาติแอฟริกาคนหนึ่งที่เรียนรู้การรักษาท่าทีที่ไม่ธรรมดาระหว่างประชาคมโลก เขาได้วางรากฐานความสัมพันธ์อันดีกับอิสราเอลและประเทศโดยรอบ เมื่อมีคนถามว่าเขารักษาสมดุลของความสัมพันธ์ที่เปราะบางนี้ไว้ได้อย่างไร เขาตอบว่า “เราเลือกเพื่อนของเรา เราไม่สนับสนุนให้เพื่อนของเรามากำหนดว่าใครจะเป็นศัตรูของเรา”

นั่นเป็นเรื่องที่ฉลาดและปฏิบัติได้จริง สิ่งที่ชาติในแอฟริกาแห่งนั้นได้วางแบบอย่างในระดับสากล คือสิ่งที่เปาโลหนุนใจให้ผู้อ่านจดหมายของท่านทำในระดับบุคคล ในบรรดาคำอธิบายที่ยืดยาวเกี่ยวกับคุณลักษณะของชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระคริสต์ ท่านเขียนว่า “ถ้าเป็นได้ คือเท่าที่เรื่องขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน” (รม.12:18) ท่านยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเตือนเราว่าแม้แต่วิธีที่เราปฏิบัติตัวต่อศัตรู(ข้อ 20-21) ก็สะท้อนถึงความไว้วางใจและการพึ่งพิงในพระเจ้า และการทรงดูแลของพระองค์

การอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคนอาจไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้เสมอไป (จริงๆแล้ว เปาโลได้กล่าวว่า “ถ้า”) แต่ความรับผิดชอบของเราในฐานะผู้เชื่อในพระเยซูคือ การยอมให้พระปัญญาของพระเจ้าทรงนำการดำเนินชีวิตของเรา (ยก.3:17-18) เพื่อให้เราอยู่ร่วมกับคนรอบข้างในฐานะผู้สร้างสันติ (มธ.5:9) จะมีวิธีอื่นใดที่ดีไปกว่านี้ในการถวายเกียรติแด่องค์สันติราช

ดนตรีบำบัด

เมื่อเบลล่าวัยห้าขวบต้องเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลในรัฐนอร์ทดาโกต้า เธอได้รับการบำบัดด้วยดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา หลายคนเคยได้สัมผัสถึงผลลัพธ์อันทรงพลังของดนตรีที่มีต่ออารมณ์แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด แต่เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยหลายคนได้ทำการบันทึกข้อมูลทางคลีนิคถึงผลดีในการรักษา ในขณะนี้ดนตรีได้ถูกกำหนดให้ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเหมือนกับเบลล่า และผู้ป่วยอื่นๆที่กำลังทนทุกข์จากโรคพาร์กินสัน ภาวะสมองเสื่อม และผู้บอบช้ำทางจิตใจ

กษัตริย์ซาอูลทรงเข้าหาดนตรีบำบัดเมื่อพระองค์ทุกข์ทรมาน มหาดเล็กเห็นความทรมานของพระองค์และแนะนำให้หาคนที่สามารถดีดพิณถวาย โดยหวังจะทำให้พระองค์ “หายดี” (1ซมอ.16:16) พวกเขานำเสนอดาวิดบุตรชายของเจสซี และซาอูลทรงพอพระทัยในตัวดาวิดและขอให้ดาวิด “อยู่รับราชการ [กับพระองค์]” (ข้อ 22) ดาวิดดีดพิณถวายซาอูลเมื่อพระองค์ขาดความสงบสุข ทำให้พระองค์ผ่อนคลายจากความปวดร้าว

เราอาจเพิ่งค้นพบทางวิทยาศาสตร์ถึงผลลัพธ์ของดนตรีที่มีต่อเราซึ่งพระเจ้าทรงทราบมาตั้งแต่แรก ในฐานะพระผู้สร้างทั้งร่างกายของเราและดนตรีนั้น พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมยาเพื่อสุขภาพที่พร้อมให้เราทุกคนเข้าถึงได้ไว้แล้วไม่ว่าเราจะอยู่ในยุคสมัยใด หรือการไปพบแพทย์จะเป็นเรื่องยากง่ายเพียงไรแม้กระทั่งในเวลาที่ไม่มีหนทางให้เราได้สดับฟัง เราก็ยังสามารถร้องเพลงถวายพระเจ้าในท่ามกลางความสุขและในยามทุกข์ของเรา (สดด.59:16; กจ.16:25)

น้ำแห่งกำลังใจ

ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่ง “ทีละน้อยเพื่อความเขียวชอุ่ม” มันเกิดขึ้นทุกฤดูใบไม้ผลิมานานกว่าสิบห้าปีแล้ว หลังจากฤดูหนาวนานหลายเดือน หญ้าในสนามของเราจะแห้งกรอบเป็นสีน้ำตาล ผู้คนที่เดินผ่านไปมาอาจคิดว่ามันตายแล้ว ที่รัฐโคโลราโดนั้นจะมีหิมะบนภูเขา แต่ภูมิอากาศบนที่ราบของ “เทือกเขาฟรอนท์เรนจ์” นั้นจะแห้งและร้อนเป็นเวลาหลายเดือนซึ่งมาพร้อมกับคำเตือนเรื่องความแห้งแล้ง แต่ทุกปีช่วงปลายเดือนพฤษภาคมผมจะเปิดน้ำรดสนามหญ้า โดยให้น้ำทีละน้อยแต่สม่ำเสมอ เพียงประมาณสองสัปดาห์ สนามหญ้าที่แห้งกรอบเป็นสีน้ำตาลก็เปลี่ยนเป็นเขียวชอุ่ม

หญ้าที่เขียวชอุ่มเตือนผมถึงความสำคัญของการให้กำลังใจ หากปราศจากกำลังใจชีวิตและความเชื่อของเราอาจคล้ายกับบางสิ่งที่ใกล้จะตาย แต่ช่างน่าอัศจรรย์ที่การให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอสามารถส่งผลต่อจิตใจ ความคิดและจิตวิญญาณของเรา จดหมายฉบับแรกที่เปาโลเขียนถึงชาวเธสะโลนิกาเน้นย้ำความจริงนี้ ผู้คนกำลังต่อสู้กับความหวาดวิตกและความกลัว เปาโลเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างความเชื่อของพวกเขา ท่านหนุนใจพวกเขาให้รักษาสิ่งดีๆที่พวกเขาทำ ซึ่งก็คือการให้กำลังใจและเสริมสร้างซึ่งกันและกัน (1ธส.5:11) ท่านรู้ว่าหากปราศจากสิ่งที่ทำให้จิตใจชุ่มชื่นเหล่านั้น ความเชื่อของพวกเขาคงถดถอยลง เปาโลได้สัมผัสถึงสิ่งนี้ด้วยตัวท่านเอง เมื่อผู้เชื่อชาวเธสะโลนิกาได้เคยหนุนใจและเสริมกำลังท่าน คุณและผมต่างมีโอกาสที่จะให้กำลังใจผู้อื่นเช่นกัน เพื่อช่วยเราแต่ละคนให้เติบโตและเกิดผล

คำปลอบโยนบนเสาประตู

ขณะที่ฉันกวาดตาดูข่าวในสื่อสังคมออนไลน์หลังเหตุการณ์น้ำท่วมทางตอนใต้ของรัฐหลุยส์เซียน่าในปี 2016 ฉันได้เห็นข้อความที่เพื่อนคนหนึ่งลงเอาไว้ หลังจากรู้ว่าบ้านของเธอต้องถูกรื้อแล้วสร้างใหม่ แม่ของเธอหนุนใจให้เธอแสวงหาพระเจ้าแม้ในยามที่เจ็บปวดใจกับการทำความสะอาด ต่อมาเพื่อนฉันได้ลงรูปภาพข้อพระคัมภีร์ที่เธอพบบนเสาประตูที่ถูกเขียนไว้ตั้งแต่ตอนสร้างบ้าน การได้อ่านข้อพระคัมภีร์บนแผ่นไม้นั้นช่วยปลอบโยนเธอ

ประเพณีในการเขียนข้อพระคัมภีร์บนประตูอาจมาจากคำสั่งของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอล พระเจ้าทรงสั่งให้คนอิสราเอลเขียนพระบัญญัติของพระองค์ไว้ที่เสาประตู เพื่อช่วยให้พวกเขาระลึกว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด โดยการเขียนพระบัญญัติของพระองค์ไว้ในใจ (ฉธบ.6:6) สอนพระบัญญัติแก่ลูกหลาน (ข้อ 7) ทำสัญลักษณ์หรือทุกๆวิธีเพื่อระลึกถึงพระบัญญัติของพระเจ้า (ข้อ 8) และเขียนไว้ที่เสาประตูและทางเข้า (ข้อ 9) คนอิสราเอลมีเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงพระคำของพระเจ้าเสมอ พวกเขาได้รับการหนุนใจให้ไม่มีวันลืมสิ่งที่พระเจ้าตรัสและไม่ลืมพันธสัญญาที่พวกเขามีกับพระเจ้า

การติดพระคำของพระเจ้าไว้ในบ้านร่วมกับการปลูกฝังความหมายของพระคำไว้ในใจเรา สามารถช่วยเราสร้างรากฐานของชีวิตซึ่งพึ่งพาในความสัตย์ซื่อของพระเจ้าตามที่เปิดเผยไว้ในพระคัมภีร์ พระองค์ทรงใช้พระคำเหล่านั้นเพื่อปลอบโยนเราแม้ในท่ามกลางความโศกเศร้าหรือเจ็บปวดใจจากความสูญเสียได้

การสถิตที่ทรงพลานุภาพของพระเจ้า

ในปี 2020 การเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปีของการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่สิบเก้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งให้สิทธิแก่สตรีในการออกเสียงลงคะแนนภาพถ่ายเก่าๆแสดงให้เห็นผู้เดินขบวนพร้อมป้ายที่ประดับด้วยถ้อยคำจากพระธรรมสดุดี 68:11 “องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระวจนะ พวกผู้หญิงที่นำข่าวดีก็เป็นพวกใหญ่โต”

ในพระธรรมสดุดี 68 กษัตริย์ดาวิดพรรณนาถึงการที่พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่นำผู้ถูกกดขี่ออกจากการเป็นเชลย (ข้อ 6) ทรงช่วยผู้คนของพระองค์ที่อ่อนล้าให้สดชื่นและได้รับการฟื้นฟูจากความมั่งคั่งอันอุดมของพระองค์ (ข้อ 9-10) ในพระธรรมสามสิบห้าข้อของสดุดีบทนี้ กษัตริย์ดาวิดทรงกล่าวถึงพระเจ้าสี่สิบสองครั้ง โดยเปิดเผยให้เห็นว่าพระองค์ทรงอยู่กับพวกเขาตลอดเวลาอย่างไร ทรงกระทำการเพื่อช่วยพวกเขาให้พ้นจากความอยุติธรรมและความทุกข์ยากลำบาก และสตรีจำนวนมากประกาศความจริงนี้ (ข้อ 11)

ไม่ว่าผู้หญิงที่เดินขบวนเพื่อสิทธิในการออกเสียงจะเข้าใจทุกสิ่งที่สดุดีบทที่ 68 ป่าวประกาศหรือไม่ ป้ายของพวกเธอก็ได้ประกาศความจริงที่อยู่เหนือกาลเวลาว่า พระเจ้า “ทรงเป็นพระบิดาของลูกกำพร้า” และ “ทรงเป็นผู้ป้องกันหญิงม่าย” (ข้อ 5) เสด็จนำหน้าประชากรของพระองค์ไปยังแผ่นดินแห่งพระพร ความสดชื่น และความปีติยินดี

ขอให้เราได้รับการหนุนใจ โดยระลึกว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับประชากรของพระองค์เสมอ และทรงสถิตกับคนอ่อนแอและคนที่ทุกข์ยากเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับในอดีต พระเจ้ายังคงสถิตอยู่กับเราอย่างทรงพลานุภาพในวันนี้ผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์

ไม่เคยอยู่ไกลเกินไป

ราจเชื่อวางใจในพระเยซูให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขาในช่วงวัยรุ่น แต่ไม่นานเขาก็ละทิ้งความเชื่อและดำเนินชีวิตห่างจากพระเจ้า วันหนึ่งเขาตัดสินใจรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระเยซูและกลับไปโบสถ์อีกครั้ง เขากลับถูกต่อว่าโดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ตำหนิเรื่องที่เขาหายไปจากโบสถ์หลายปี คำต่อว่าได้เพิ่มความรู้สึกผิดและละอายใจให้กับราจ ผมหมดหวังแล้วใช่ไหม เขาสงสัยแล้วเขาก็ระลึกถึงการที่พระคริสต์ทรงให้โอกาสซีโมนเปโตรใหม่อีกครั้ง (ยน.21:15-17) แม้ว่าท่านจะเคยปฏิเสธพระองค์ (ลก.22:34, 60-61)

ไม่ว่าจะมีคำตำหนิใดก็ตามที่เปโตรคาดว่าจะต้องเจอ สิ่งที่ท่านได้รับกลับเป็นการให้อภัยและให้โอกาสแก้ไข พระเยซูไม่แม้แต่จะพูดถึงการที่เปโตรปฏิเสธพระองค์ แต่กลับให้โอกาสท่านยืนยันถึงความรักที่มีต่อพระคริสต์และดูแลบรรดาผู้ติดตามพระองค์ (ยน.21:15-17) คำตรัสของพระเยซูก่อนที่เปโตรจะปฏิเสธพระองค์ได้ถูกทำให้สำเร็จ “เมื่อท่านได้หันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน” (ลก.22:32)

ราจทูลขอการอภัยและโอกาสใหม่ในแบบเดียวกันจากพระเจ้า และวันนี้เขาไม่เพียงเดินใกล้ชิดพระเยซู แต่ร่วมรับใช้ในคริสตจักร และสนับสนุนผู้เชื่อคนอื่นๆด้วย ไม่ว่าเราจะหลงหายจากพระเจ้าไปไกลเท่าไร พระองค์ไม่เพียงพร้อมที่จะให้อภัยเราและยินดีต้อนรับเรากลับมาเท่านั้น แต่ทรงพร้อมที่จะให้โอกาสเราใหม่เสมอ เพื่อเราจะสามารถรัก รับใช้ และถวายเกียรติแด่พระองค์ เราไม่เคยอยู่ไกลจากพระเจ้าเกินไป อ้อมแขนแห่งความรักของพระองค์ยังคงเปิดกว้างสำหรับเรา

อ้างว้างเพียงลำพังหรือ

ครอบครัวของซูได้พังทลายลงตรงหน้า สามีของเธอจู่ๆก็ออกจากบ้านไปทิ้งให้เธอและลูกๆรู้สึกสับสนและโกรธเคือง เธอเคยชวนสามีไปพบกับผู้ให้คำปรึกษาเรื่องครอบครัว แต่เขาปฏิเสธโดยอ้างว่าปัญหาทั้งหมดมาจากเธอ ความหวาดกลัวและสิ้นหวังประดังเข้ามาเมื่อเธอตระหนักว่าเขาคงไม่กลับมาอีกแล้ว เธอจะดูแลตัวเองและลูกๆตามลำพังได้ไหม

ฮาการ์คนรับใช้ของอับราฮัมและซาราห์ต้องเผชิญกับความคิดแบบเดียวกันนี้ พวกเขาหมดความอดทนที่จะรอคอยพระเจ้าให้ประทานลูกชายตามพระสัญญา (ปฐก.12, 15) ซาราห์จึงยกฮาการ์ให้อับราฮัม และฮาการ์ได้ให้กำเนิดอิชมาเอล (ปฐก.16:1-4, 15) อย่างไรก็ตาม เมื่อพระเจ้าทรงทำตามพระสัญญาของพระองค์และซาราห์ให้กำเนิดอิสอัค ความตึงเครียดในครอบครัวปะทุขึ้นจนอับราฮัมต้องขับไล่ฮาการ์และอิชมาเอลลูกชายของพวกเขา โดยให้เพียงน้ำและอาหารติดตัวไป (ปฐก.21:8-21) คุณจินตนาการถึงความสิ้นหวังของเธอได้ไหม ไม่นานอาหารและน้ำก็หมดเมื่ออยู่ในทะเลทราย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรและไม่อยากเห็นลูกชายตายต่อหน้า ฮาการ์วางลูกไว้ใต้พุ่มไม้และเดินห่างออกไปทั้งสองคนเริ่มร้องไห้ แต่ “พระเจ้าทรงสดับเสียงของเด็ก” (ข้อ 17) พระองค์ทรงได้ยินเสียงร้องไห้ของพวกเขา จึงได้ทรงประทานสิ่งจำเป็นและสถิตกับพวกเขา

ในเวลาที่สิ้นหวังเมื่อเรารู้สึกอ้างว้างนั่นเป็นเหตุให้เราร้องเรียกหาพระเจ้า ช่างเป็นความอุ่นใจที่ได้รู้ว่าในห้วงเวลาเหล่านั้นและในตลอดชีวิตของเรา พระเจ้าทรงได้ยินเสียงของเรา ทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็น และสถิตอยู่ใกล้ๆเรา

พระเจ้าทรงรู้จักเรา

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เห็นภาพถ่ายของประติมากรรมรูป โมเสส โดยไมเคิลแองเจโล เมื่อดูภาพระยะใกล้จะเห็นกล้ามเนื้อนูนออกมาบนแขนขวาของโมเสส กล้ามเนื้อนี้คือกล้ามเนื้อที่ยึดข้อต่อสองข้อ และการหดตัวจะปรากฏให้เห็นเมื่อกระดกนิ้วก้อยเท่านั้น ไมเคิลแองเจโลเป็นยอดในเรื่องรายละเอียดที่ซับซ้อน เขาใส่ใจในรายละเอียดของร่างกายมนุษย์ที่เขาแกะสลัก และเพิ่มเติมลักษณะเฉพาะที่คนส่วนใหญ่มองข้าม ไมเคิลแองเจโลรู้จักร่างกายของมนุษย์ในแบบที่ประติมากรน้อยคนจะรู้ แต่รายละเอียดที่เขาแกะสลักลงบนก้อนหินนั้นเป็นความตั้งใจของเขาที่จะเปิดเผยถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้ง นั่นคือจิตวิญญาณซึ่งเป็นชีวิตที่อยู่ภายในมนุษย์ และแน่นอนไมเคิลแองเจโลไม่เคยทำได้สำเร็จ

มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้จักความเป็นจริงที่อยู่ลึกที่สุดในหัวใจของมนุษย์สิ่งใดก็ตามที่เราเห็นในตัวของกันและกัน ไม่ว่าจะพินิจดูด้วยความตั้งใจหรือใส่ใจเพียงใด ก็เป็นเพียงเงาอันเลือนลางของความจริง แต่พระเจ้าทรงมองเห็นได้ลึกกว่าเงานั้น “พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์” ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าว “พระองค์ทรงเห็นข้าพระองค์” (ยรม.12:3) ความรู้ที่พระเจ้ามีเกี่ยวกับตัวเรานั้นไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎีหรือความรู้ในสมอง พระองค์ไม่ได้เฝ้าดูเราจากระยะไกล แต่ทรงเพ่งดูความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่ในตัวตนของเรา พระเจ้าทรงรู้จักความล้ำลึกของชีวิตภายในตัวเรา แม้ในสิ่งที่ตัวเราเองก็ยังไม่เข้าใจ

ไม่ว่าเราจะมีปัญหาอะไร หรือมีเรื่องใดอยู่ในใจ พระเจ้าทรงเห็นและทรงรู้จักเราอย่างแท้จริง

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา