Month: ธันวาคม 2022

โน้มลงมา

คุณแม่ยังสาวเดินตามลูกสาวที่กำลังปั่นจักรยานคันเล็กของเธอด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่ขาเล็กๆของเธอจะทำได้ แต่เพราะใช้ความเร็วมากเกินไป เด็กน้อยจึงพลัดตกลงมาและส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่ข้อเท้า แม่ของเธอค่อยๆคุกเข่าและโน้มตัวลงจูบที่ข้อเท้าของเด็กน้อยเพื่อ “ให้ความเจ็บปวดนั้นหายไป” และมันได้ผล! เด็กน้อยลุกขึ้นและปีนกลับขึ้นไปบนจักรยานแล้วไปต่อ คุณไม่อยากให้ความเจ็บปวดของเราหายไปง่ายๆอย่างนั้นบ้างหรือ!

อัครทูตเปาโลได้รับการปลอบประโลมจากพระเจ้าท่ามกลางการต่อสู้ที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ในพระธรรม 2 โครินธ์ 11:23-29 ท่านได้พูดถึงบททดสอบมากมายที่ท่านต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการถูกเฆี่ยน ถูกโบยตี ถูกเอาก้อนหินขว้าง ต้องอดหลับอดนอน ต้องทนหิว และความห่วงใยที่มีต่อคริสตจักรทั้งปวง ท่านเรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงเป็น “พระบิดาผู้ทรงความเมตตา พระเจ้าแห่งความชูใจทุกอย่าง” (1:3) หรือที่อีกฉบับหนึ่งแปลว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบิดาผู้ประทานความรักอันอ่อนโยน” (ฉบับ NIRV) เช่นเดียวกับแม่ที่ปลอบโยนลูกของเธอ พระเจ้าก็ทรงโน้มพระองค์ลงมาเพื่อดูแลเราด้วยความอ่อนโยนในยามที่เราเจ็บปวด

พระเจ้ามีวิธีการมากมายและหลากหลายในการปลอบโยนเราด้วยความรัก พระองค์อาจประทานข้อพระคัมภีร์หนุนใจเราให้ก้าวเดินต่อไป หรือให้มีคนส่งข้อความพิเศษมาให้ หรือให้เพื่อนโทรมาหาเราและพูดในสิ่งที่แตะต้องใจ แม้ว่าการต่อสู้จะยังคงอยู่ แต่เพราะพระเจ้าทรงโน้มลงมาช่วยเรา เราจึงสามารถลุกขึ้นและไปต่อได้

คำอธิษฐานที่ล้ำค่า

นกคลาร์ก นัทแคร็กเกอร์เป็นนกมหัศจรรย์ ทุกปีมันจะเตรียมการสำหรับฤดูหนาวโดยการซ่อนเมล็ดสนเปลือกขาวขนาดเล็กสี่หรือห้าเมล็ด เป็นจำนวนมากถึงห้าร้อยเมล็ดต่อชั่วโมง หลายเดือนหลังจากนั้นมันจะกลับมาขุดเมล็ดพืชที่ซ่อนไว้ขึ้นมาแม้จะอยู่ใต้ชั้นหิมะลึกลงไป นกคลาร์ก นัทแคร็กเกอร์ อาจจดจำจุดที่มันซ่อนเมล็ดพืชไว้ได้มากถึงหนึ่งหมื่นแห่ง ซึ่งเป็นความสามารถที่น่าทึ่ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงขีดจำกัดของมนุษย์ในการจดจำตำแหน่งที่เราวางกุญแจรถหรือแว่นตาไว้)

แต่ความสามารถในการจดจำที่เหลือเชื่อนี้ไม่อาจเทียบได้กับพระปรีชาสามารถของพระเจ้าในการจดจำคำอธิษฐานของเรา พระองค์ทรงเก็บรายละเอียดของทุกคำอธิษฐานที่ออกจากใจ ทรงจดจำและตอบคำอธิษฐานเหล่านั้นแม้ในอีกหลายปีต่อมา ในพระธรรมวิวรณ์อัครทูตยอห์นบรรยายถึง “สัตว์ทั้งสี่” และ“ผู้อาวุโสยี่สิบสี่คน” ที่นมัสการพระเจ้าในสวรรค์ แต่ละคน “ถือขันทองคำบรรจุเครื่องหอม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งปวง” (5:8)

เช่นเดียวกับที่เครื่องหอมเป็นสิ่งมีค่าในสมัยโบราณ คำอธิษฐานของเราก็มีค่าสำหรับพระเจ้าจนพระองค์ทรงเก็บมันไว้ในขันทองคำจำเพาะพระพักตร์พระองค์ตลอดเวลา! คำอธิษฐานของเรามีความหมายต่อพระเจ้าเพราะเราสำคัญสำหรับพระองค์ และพระองค์ทรงยอมให้เราเข้ามาใกล้โดยไม่ถูกขัดขวางผ่านพระเมตตาที่เราไม่สมควรได้รับในพระเยซู (ฮบ.4:14-16) ดังนั้นจงอธิษฐานด้วยใจกล้าหาญ! และจงรู้เถิดว่า เพราะความรักอันอัศจรรย์ของพระเจ้า จะไม่มีคำอธิษฐานใดที่ถูกลืมหรืออยู่ผิดที่ผิดเวลา

ไม่มีคำแช่งสาป

วิลเลี่ยม เชคสเปียร์เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการประชดประชัน ซึ่งเป็น “คุณสมบัติ” ที่แบรี่ คราฟท์นักแสดงได้นำมาใช้อย่างช่ำชองในหนังสือชื่อ Shakespeare Insult Generator (เครื่องให้กำเนิดคำพูดประชดประชันของเชคสเปียร์) หนังสือที่ชาญฉลาดเล่มนี้ประกอบด้วยคำพูดที่แฝงไปด้วยการประชดประชันจากบทละครของเชคสเปียร์ ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดจาดูถูกใครสักคนโดยพูดว่า “เจ้าคนโอ้อวด เจ้าหัวขี้เลื่อยผู้น่าสงสาร” ซึ่งดูสร้างสรรค์กว่าการพูดว่า “เจ้าโอ้อวดมากไปและเจ้าก็ไม่ได้ฉลาดมากนัก เจ้าคนชั่ว!”

หนังสือเบาสมองของคราฟท์นั้นสนุก แต่มีกษัตริย์เมืองโมอับองค์หนึ่งพยายามว่าจ้างผู้เผยพระวจนะลึกลับ ไม่เพียงให้มาพูดจาดูหมิ่นชาวอิสราเอล แต่ยังให้มาสาปแช่งพวกเขา กษัตริย์บาลาคบอกกับบาลาอัมว่า “ขอเชิญมาเถิด ขอสาปแช่งชนชาตินี้ให้แก่ข้าพเจ้า” (กดว.22:6) แต่บาลาอัมกลับทำให้พระองค์โกรธด้วยการ อวยพร ชาวฮีบรูหลายต่อหลายครั้ง (24:10) พรประการหนึ่งของเขาอยู่ในคำพยากรณ์ต่อไปนี้ “ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่อย่างเดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าดูเขา แต่ไม่ใช่อย่างใกล้ๆนี้” (24:17) เห็นได้ชัดว่าบุคคลที่บาลาอัมกำลังพูดถึงนั้นยังไม่ปรากฏขึ้น แล้วเขาหมายถึงใครกัน คำใบ้อยู่ในบรรทัดถัดไป “ดาวดวงหนึ่งจะเดินออกมาจากยาโคบ และธารพระกรอันหนึ่งจะขึ้นมาจากอิสราเอล” (ข้อ 17) แล้ววันหนึ่ง “ดวงดาว” จะนำนักปราชญ์ไปหาพระกุมารที่ทรงสัญญาไว้ (มธ.2:1-2)

ผู้เผยพระวจนะชาวเมโสโปเตเมียโบราณผู้หนึ่งซึ่งไม่รู้จักพระเมสสิยาห์ ได้ชี้ให้โลกเห็นถึงหมายสำคัญที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระองค์ เป็นคำอวยพรไม่ใช่คำแช่งสาป ซึ่งมาจากแหล่งที่ไม่น่าเป็นไปได้

ยืนหยัดในความเชื่อ

โนเกียกลายเป็นบริษัทมือถือที่มียอดขายสูงที่สุดในโลกในปี 1998 โดยมีผลกำไรพุ่งขึ้นเกือบสี่พันล้านดอลลาร์ในปี 1999 แต่ภายในปี 2011 ยอดขายก็เริ่มลดลง และในไม่ช้าบริษัทไมโครซอฟท์ก็เข้ามาซื้อกิจการ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มือถือโนเกียประสบความล้มเหลวคือ วัฒนธรรมการทำงานที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความกลัวซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง พวกผู้บริหารของโนเกียกลัวที่จะพูดความจริงเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการที่ด้อยกว่าและปัญหาด้านการออกแบบอื่นๆของโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าจะถูกไล่ออก

กษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์และประชาชนของพระองค์เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและ “สั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นอยู่หน้าลม” (อสย.7:2) พวกเขารู้ว่ากษัตริย์แห่งอิสราเอลและอารัม (ซีเรีย) เป็นพันธมิตรกัน และกองทัพของทั้งสองประเทศได้ผนึกกำลังกันเพื่อเดินทัพไปยึดครองยูดาห์ (ข้อ 5-6) แม้ว่าพระเจ้าทรงใช้อิสยาห์ไปหนุนใจอาหัส โดยบอกพระองค์ว่าแผนการของศัตรู “จะไม่เกิดขึ้น” (ข้อ 7) แต่กษัตริย์ผู้โง่เขลากลับเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับอัสซีเรียและยอมจำนนต่อกษัตริย์ที่เป็นมหาอำนาจ (2 พกษ.16:7-8) พระองค์ไม่วางใจในพระเจ้าผู้ทรงประกาศว่า “ถ้าเจ้าไม่มั่นใจ แน่ละ ก็จะตั้งมั่นเจ้าไว้ไม่ได้” (อสย.7:9)

ผู้เขียนฮีบรูช่วยเราในการเข้าใจว่า การยืนหยัดในความเชื่อนั้นเป็นอย่างไรในยุคปัจจุบัน “ขอให้เรายึดมั่นในความหวังที่เราทั้งหลายเชื่อและรับไว้นั้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ” (10:23) ขอให้เรามุ่งมั่นและไม่ “เสื่อมถอย” (ข้อ 39) เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเสริมกำลังเราให้วางใจในองค์พระเยซู

คริสต์มาสอัศจรรย์

ที่ร้านขายของมือสอง ฉันพบแบบจำลองการบังเกิดของพระเยซูในกล่องกระดาษที่เก่าและผุพัง เมื่อฉันหยิบพระกุมารเยซูขึ้นมาดู ฉันสังเกตเห็นรายละเอียดของร่างกายทารกที่ถูกแกะสลักมาอย่างประณีต เด็กแรกเกิดผู้นี้ไม่ได้นอนหลับตาอยู่ในผ้าห่ม แต่เขาตื่นอยู่พร้อมกับยื่นแขนและกางนิ้วมือออกมาราวกับจะบอกว่า “ผมอยู่ที่นี่!”

รูปแกะสลักนี้แสดงให้เห็นถึงความอัศจรรย์ของวันคริสต์มาส ที่พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมายังโลกในสภาพมนุษย์ เมื่อพระกุมารเยซูเติบโตขึ้น มือเล็กๆของพระองค์ทรงจับของเล่น ถือคัมภีร์โทราห์ แล้วก็ทำเฟอร์นิเจอร์ ก่อนที่จะเริ่มต้นพันธกิจของพระองค์ พระบาทของพระองค์ที่อวบอิ่มและสมบูรณ์เมื่อแรกเกิด ได้เติบโตขึ้นและนำพระองค์จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพื่อเทศนาสั่งสอนและรักษาโรค ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พระหัตถ์และพระบาทของพระองค์ถูกตอกด้วยตะปูเพื่อตรึงพระกายของพระองค์บนกางเขน

โรม 8:3 (ฉบับ NLT) กล่าวว่า “ในร่างกายนั้น พระเจ้าทรงประกาศจุดจบของความบาปที่ควบคุมเราอยู่ โดยการประทานพระบุตรของพระองค์เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป” หากเรายอมรับเครื่องบูชาของพระเยซูเป็นค่าไถ่สำหรับความผิดบาปทั้งสิ้นของเรา และยอมมอบชีวิตของเราให้กับพระองค์ เราจะได้รับการปลดเปลื้องจากพันธนาการของความบาป เพราะพระบุตรของพระเจ้าที่ทรงถือกำเนิดมาเพื่อเรานั้น เป็นทารกที่มีเนื้อหนังและขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้จริง เราจึงมีหนทางที่จะพบกับสันติสุขและความมั่นใจในการมีชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระองค์

พอดี

ในภาพยนตร์เรื่องบุษบาหาคู่ ตัวละครที่ชื่อเทฟเย่พูดกับพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ของพระองค์ว่า “พระองค์ทรงสร้างคนยากจนขึ้นมามากมายจริงๆ ผมตระหนักดีว่าการเป็นคนยากจนไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีเกียรติ! มันจะเลวร้ายนักหรือถ้าผมจะมีทรัพย์สมบัติบ้าง!...แผนการนิรันดร์ที่ยิ่งใหญ่จะถูกทำลายลงหรือถ้าหากว่าผมเป็นคนมั่งคั่ง”

หลายศตวรรษก่อนที่นักประพันธ์โชเล็ม อาเลคเคมจะใส่ถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาเหล่านี้ให้เทฟเย่พูด อากูร์ได้อธิษฐานต่อพระเจ้าด้วยคำอธิษฐานที่อาจจะแตกต่างแต่ตรงไปตรงมาพอๆกันไว้ในพระธรรมสุภาษิต อากูร์ทูลพระเจ้าว่า อย่าประทานความยากจนหรือความมั่งคั่งแก่ท่าน แต่ขอให้ประทาน “อาหารที่พอดี” (สภษ.30:8) ท่านรู้ว่าการมี “มากเกินไป” อาจทำให้มีใจเย่อหยิ่งและกลายเป็นผู้ที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าโดยการปฏิเสธพระลักษณะของพระองค์ นอกจากนี้ท่านยังทูลพระเจ้าว่า อย่าปล่อยให้ท่าน “ยากจน” เพราะท่านอาจทำให้พระนามของพระเจ้าถูกดูหมิ่นด้วยการไปขโมยของของคนอื่น (ข้อ 9) อากูร์ยอมรับว่าพระเจ้าเป็นผู้จัดเตรียมแต่เพียงผู้เดียวของท่าน และขอให้พระองค์ตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของท่านแบบ “พอดี” คำอธิษฐานของท่านเผยให้เห็นถึงการแสวงหาพระเจ้า และความอิ่มใจที่พบได้ในพระองค์เท่านั้น

ขอให้เรามีทัศนคติแบบอากูร์ คือยอมรับว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้จัดเตรียมทุกสิ่งที่เรามี และเมื่อเราแสวงหาที่จะเป็นผู้อารักขาด้านการเงินที่ถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์ ขอให้เราดำเนินชีวิตด้วยความอิ่มใจจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า ผู้จัดเตรียมสิ่งต่างๆให้เราไม่เพียงมีแค่ “พอดี” แต่มีมากเกินพอ

มรดกแห่งความเชื่อ

ในปี 2019 งานวิจัยเรื่องมรดกฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อในสหรัฐอเมริกาบ่งชี้ว่า มารดาและย่าหรือยายมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ เกือบสองในสามของคนที่อ้างว่าตนเองเป็นมรดกแห่งความเชื่อล้วนยกความดีความชอบให้กับมารดาของตน และหนึ่งในสามยอมรับว่าปู่ย่าตายาย (มักจะเป็นย่าหรือยาย) ก็มีบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน

บรรณาธิการของงานวิจัยดังกล่าวระบุว่า “ผลการศึกษานี้ย้ำถึงผลกระทบที่ยั่งยืนของมารดาใน...การพัฒนาฝ่ายจิตวิญญาณ” ซึ่งเป็นอิทธิพลที่พบได้ในพระคัมภีร์เช่นกัน 

ในจดหมายที่เขียนถึงทิโมธีผู้ที่อยู่ในความดูแลของท่าน เปาโลยอมรับว่า แบบอย่างแห่งความเชื่อของทิโมธีนั้นมาจากโลอิสยายของเขา และยูนีสมารดาของเขา (2 ทธ.1:5) เป็นการเน้นย้ำถึงรายละเอียดส่วนตัวที่น่ายินดีเกี่ยวกับอิทธิพลของสตรีสองคนต่อผู้นำคนหนึ่งของคริสตจักรในยุคแรก เราสามารถมองเห็นอิทธิพลของพวกเธอได้จากคำหนุนใจที่เปาโลมีต่อทิโมธีว่า “จงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ท่านเรียนรู้... [เพราะ] ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์” (3:14-15)

มรดกฝ่ายวิญญาณที่เข้มแข็งนั้นเป็นของขวัญอันล้ำค่า แม้ว่าเราจะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยอิทธิพลในเชิงบวกที่ช่วยหล่อหลอมความเชื่อเช่นเดียวกับทิโมธี แต่ก็อาจจะมีคนอื่นๆในชีวิตที่มีอิทธิพลต่อการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณของเราอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญที่สุดคือเราทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นแบบอย่างแห่งความเชื่อที่จริงใจต่อผู้คนรอบข้างและทิ้งมรดกอันถาวรไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป

เพื่อนกันจนวันตาย

วิลเลี่ยม คาวเปอร์ (ค.ศ.1731-1800) กวีชาวอังกฤษได้กลายเป็นเพื่อนกับศิษยาภิบาลของเขาคือจอห์น นิวตัน (ค.ศ.1725-1807) อดีตนักค้าทาส ตอนนั้นคาวเปอร์ทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล เขาพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าหนึ่งครั้ง เมื่อนิวตันมาเยี่ยม พวกเขาจะออกไปเดินเล่นด้วยกันเป็นเวลานานและคุยกันเรื่องพระเจ้า นิวตันมีความคิดที่จะรวบรวมบทเพลงสรรเสริญ ด้วยคิดว่าคาวเปอร์จะได้ประโยชน์จากการได้ใช้ความสามารถที่มีและเป็นเหตุผลในการที่เขาจะได้เขียนบทกวี คาวเปอร์ได้มีส่วนร่วมในหลายๆบทเพลงรวมถึงเพลง “พระเจ้าทรงเคลื่อนไหวอย่างล้ำลึก” เมื่อนิวตันย้ายไปอีกคริสตจักรหนึ่ง ท่านและคาวเปอร์ยังคงเป็นเพื่อนสนิทและติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอในตลอดช่วงชีวิตที่เหลือของคาวเปอร์

ฉันเห็นความคล้ายคลึงกันในมิตรภาพของคาวเปอร์กับนิวตันและดาวิดกับโยนาธานในพระคัมภีร์เดิม หลังจากที่ดาวิดเอาชนะโกลิอัทแล้ว “จิตใจของโยนาธานก็ผูกสมัครรักใคร่กับจิตใจของดาวิด” ท่านรักดาวิดเหมือนรักตนเอง (1 ซมอ.18:1) แม้โยนาธานเป็นโอรสของกษัตริย์ซาอูล แต่ท่านปกป้องดาวิดจากความอิจฉาและความโกรธของกษัตริย์ และถามบิดาว่าเพราะเหตุใดดาวิดจึงจะต้องถูกประหาร คำตอบที่ได้คือ “ซาอูลได้ทรงพุ่งหอกใส่ท่านเพื่อจะฆ่าท่าน” (20:33) โยนาธานหลบหอกนั้นและเศร้าใจที่บิดาหยามน้ำหน้าเพื่อนของท่าน (ข้อ 34)

สำหรับเพื่อนทั้งสองคู่นี้ ความผูกพันของพวกเขาเสริมสร้างชีวิตกันและกันให้เข้มแข็งขณะที่พวกเขาหนุนใจกันให้รับใช้และรักพระเจ้า ในวันนี้คุณจะหนุนใจเพื่อนสักคนในแบบเดียวกันนี้ได้อย่างไร

ในพระหัตถ์ของพระองค์

วิลเลี่ยมแชทเนอร์รับบทเป็นกัปตันเคิร์กในซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่องสตาร์เทรค แต่เขาไม่รู้ตัวว่าจะต้องพบอะไรบ้างในการเดินทางจริงไปยังอวกาศ เขาเรียกเที่ยวบินระยะสั้นที่บินเป็นทางตรงขึ้นไปในอวกาศก่อนจะวกกลับสู่โลกด้วยระยะเวลา 11 นาทีนี้ว่าเป็น “ประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะจินตนาการได้” เขาก้าวออกจากจรวดและตกตะลึงที่ “ได้เห็นแสงสีฟ้าผ่านไปตรงหน้า และตอนนี้คุณกำลังจ้องเข้าไปยังความมืด นี่แหละมันเป็นอย่างนั้น” คุณ “มองลงไปเห็น (โลก)สีฟ้า นั้นอยู่ด้านล่าง ส่วนข้างบนเป็นสีดำ” เขาเพิ่มเติมอีกว่า “สีฟ้านั้นช่างสวยงามและบางมากจนคุณผ่านมันไปได้อย่างรวดเร็ว”

โลกของเราเป็นจุดสีฟ้าที่ล้อมรอบด้วยความมืดมิด มันเป็นภาพที่รบกวนจิตใจ แชทเนอร์บอกว่าการบินจากท้องฟ้าสีฟ้าเข้าไปสู่ความมืดดำนั้นเหมือนการบินเข้าไปสู่ความตาย “ในชั่วขณะเดียวเท่านั้น แล้วคุณก็เข้าไปเลย ‘โอ้โห นั่นคือความตาย!’ นั่นคือสิ่งที่ผมเห็น มันมีผลกับจิตใจผมมาก ประสบการณ์นี้เป็นอะไรที่เหลือเชื่อจริงๆ”

เที่ยวบินที่น่าตื่นตะลึงของแชทเนอร์ทำให้เราเห็นชีวิตได้ชัดเจนขึ้น เราเป็นเพียงวัตถุเล็กๆในจักรวาล แต่เราเป็นที่รักของพระผู้ทรงสร้างความสว่างและแยกความสว่างออกจากความมืด (ปฐก.1:3-4) พระบิดาของเราทรงรู้ว่าความมืดอยู่ที่ไหนและเส้นทางใดนำไปสู่เขตแดนของมัน (โยบ 38:19-20) พระองค์ทรง “วางรากฐานของแผ่นดินโลก...เมื่อดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญและบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน” (ข้อ 4-7)

ให้เราฝากชีวิตเล็กๆของเราไว้กับพระเจ้า ผู้ทรงควบคุมจักรวาลทั้งหมดไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา