Month: ธันวาคม 2021

การรอคอยที่คุ้มค่า

เมื่อต้องจมอยู่กับงานเครียดๆหลายชั่วโมงและหัวหน้าที่ไร้เหตุผล เจมส์หวังว่าเขาจะลาออกได้ แต่เขายังมีบ้านที่ต้องผ่อน มีภรรยาและลูกเล็กที่ต้องเลี้ยงดู เขาอยากจะลาออกไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แต่ภรรยาเตือนเขาว่า “รออีกหน่อยแล้วดูว่าพระเจ้าจะประทานอะไรให้เรา”

หลายเดือนต่อมา คำอธิษฐานของพวกเขาได้รับคำตอบ เจมส์ได้งานที่ชอบและได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น เขาบอกกับผมว่า “ช่วงหลายเดือนนั้นช่างยาวนาน แต่ผมดีใจที่ผมรอคอยให้แผนการของพระเจ้าเปิดเผยในเวลาของพระองค์”

การรอคอยความช่วยเหลือจากพระเจ้าในท่ามกลางปัญหาเป็นเรื่องยาก เราอาจถูกล่อลวงให้หาทางออกด้วยตัวเองก่อน อิสราเอลทำเช่นนั้น ด้วยคำขู่จากศัตรู พวกเขาจึงแสวงหาการช่วยเหลือจากอียิปต์แทนที่จะหันมาหาพระเจ้า (อสย.30:2) แต่พระเจ้าตรัสกับพวกเขาว่า หากพวกเขากลับใจและวางใจในพระองค์ พวกเขาจะได้รับกำลังและความรอด (ข้อ 15) พระองค์ตรัสอีกว่า “พระเจ้าทรงคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย” (ข้อ 18)

การรอคอยพระเจ้านั้นอาศัยความเชื่อและความอดทน แต่เมื่อเราได้เห็นคำตอบของพระองค์ในท้ายที่สุดแล้ว เราจะตระหนักว่าการรอคอยนั้นคุ้มค่า “ผู้ที่คอยท่าพระองค์จะได้รับพระพร” (ข้อ 18) และที่ดียอดเยี่ยมไปกว่านั้นคือ พระเจ้าทรงรอคอยให้เราเข้ามาหาพระองค์!

วีรบุรุษ ผู้กดขี่ และพระเยซู

บีโธเฟ่นรู้สึกโกรธ เขาตั้งใจจะตั้งชื่อผลงานซิมโฟนีหมายเลขสามของเขาว่า “เดอะโบนาปาร์ต” ในยุคแห่งการใช้อำนาจกดขี่ทางศาสนาและการเมือง เขามองนโปเลียนเป็นวีรบุรุษของประชาชนและตัวแทนของอิสรภาพ แต่เมื่อแม่ทัพชาวฝรั่งเศสประกาศตัวเป็นจักรพรรดิ นักแต่งเพลงผู้โด่งดังจึงเปลี่ยนความคิด เขาประณามว่าอดีตวีรบุรุษคนนี้เป็นทรชนและผู้กดขี่ และพยายามลบชื่อโบนา-ปาร์ตออกจนโน้ตเพลงของเขาขาดเป็นรู

ผู้เชื่อพระเยซูในยุคแรกคงต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อความหวังของพวกเขาที่จะมีการปฏิรูปทางการเมืองพังทลายลง พระองค์ทรงให้ความหวังถึงชีวิตที่ไร้การกดขี่ขูดรีดภาษีของซีซาร์และการควบคุมของทหาร แต่หลายสิบปีผ่านไปโรมก็ยังคงครองโลกอยู่ ผู้ส่งสารของพระเยซูถูกทิ้งไว้กับความกลัวและความอ่อนแอ สาวกของพระองค์ยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่และทะเลาะกัน (1 คร.1:11-12; 3:1-3)

แต่มีบางสิ่งที่แตกต่าง เปาโลมองเห็นไปไกลกว่าแค่ความไม่เปลี่ยนแปลง จดหมายของท่านทั้งตอนต้น ตอนท้าย และในเนื้อหาเต็มไปด้วยพระนามของพระคริสต์ พระคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากความตาย พระคริสต์ทรงสัญญาว่าจะกลับมาด้วยฤทธิ์อำนาจ พระคริสต์ทรงพิพากษาทุกสิ่งและทุกคน เหนือสิ่งอื่นใดเปาโลต้องการให้ผู้เชื่อในพระเยซูยึดมั่นในความหมายและความสำคัญของการที่พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขน (2:2; 13:1-13)

ความรักที่แสดงออกในการเสียสละของพระเยซูทำให้พระองค์เป็นผู้นำที่แตกต่าง ในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของโลกนี้ กางเขนของพระองค์เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง พระนามของพระเยซูจะเป็นที่รู้จักและยกย่องเหนือนามทั้งปวงตลอดไป

ห่วงใยผู้ขัดสน

เอลวิส ซัมเมอร์สเปิดประตูให้กับสโมกกี้หญิงสาวร่างบางที่มาเป็นประจำเพื่อขอกระป๋องเปล่าเอาไปแลกเงิน เงินนี้เป็นรายได้หลักของเธอ เอลวิสเกิดความคิดใหม่ “คุณพาผมไปดูได้ไหมว่าคุณนอนที่ไหน” เขาถาม สโมกกี้นำเขาไปยังที่สกปรกขนาดกว้างประมาณสองฟุตข้างๆบ้านหลังหนึ่ง ด้วยความสงสารซัมเมอร์จึงสร้าง “บ้านหลังเล็ก” ให้เธอ เป็นที่พักแบบง่ายๆที่ให้พื้นที่เธอได้นอนหลับอย่างปลอดภัย ซัมเมอร์สลงมือทำตามที่คิด เขาเริ่มทำเว็บไซต์ชื่อ “GoFundMe” และร่วมกับคริสตจักรท้องถิ่นเพื่อหาที่ดินที่จะสร้างที่พักพิงให้คนไร้บ้านมากขึ้น

ในตลอดพระคัมภีร์ คนของพระเจ้าได้รับการย้ำเตือนให้ดูแลผู้ขัดสน เมื่อพระเจ้าตรัสผ่านโมเสสเพื่อเตรียมชนอิสราเอลในการเข้าสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา ทรงหนุนใจให้พวกเขา “ยื่นมือของท่านให้เขา (คนยากจน) และให้เขายืมข้าวของพอแก่ความต้องการของเขา ไม่ว่าเป็นข้าวของสิ่งใดๆ” (ฉธบ.15:8) ข้อพระคัมภีร์ยังกล่าวว่า “เพราะว่าคนจนจะไม่หมดไปจากแผ่นดิน” (ข้อ 11) เราไม่ต้องออกไปไหนไกลเพื่อจะเห็นความจริงนี้ เมื่อพระเจ้าทรงพระกรุณาเรียกให้อิสราเอล “ยื่นมือให้อย่างใจกว้างต่อพี่น้องของท่าน” (ข้อ 11) เราก็สามารถหาหนทางช่วยเหลือผู้ที่ขัดสนได้เช่นกัน

ทุกคนต้องการอาหาร ที่อาศัยและน้ำ แม้เราจะมีไม่มาก แต่ขอพระเจ้าทรงนำเราให้ใช้สิ่งที่เรามีเพื่อช่วยผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันอาหารหรือเสื้อกันหนาวอุ่นๆ สิ่งเล็กน้อยสามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้!JS

การช่วยกู้จากศัตรูที่เข้มแข็ง

เมื่อปี 2010 จอร์จ วูจโนวิชในวัย 94 ปีได้รับเหรียญบรอนซ์สตาร์สำหรับสิ่งที่นิวยอร์กไทมส์เรียกว่า “หนึ่งในการช่วยกู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 2” วูจโนวิชเป็นลูกชายของผู้ลี้ภัยชาวเซอร์เบียในอเมริกาที่ได้เข้าร่วมกองทัพสหรัฐ เมื่อข่าวมาถึงว่าทหารอากาศอเมริกันที่เครื่องบินตกได้รับการช่วยเหลือโดยกบฏในยูโกสลาเวีย วูจโนวิชจึงกลับไปบ้านเกิดของเขา กระโดดร่มลงไปในป่าเพื่อค้นหานักบิน เขาแบ่งทหารเป็นกลุ่มเล็กๆ สอนพวกเขาให้ทำตัวกลมกลืนกับชาวเซิร์บ (ใส่เสื้อผ้าและทานอาหารของคนเซอร์เบีย) จากนั้นในช่วงระยะหลายเดือน เขาพาทหารทีละกลุ่มไปยังเครื่องบินขนย้าย C-47 ที่จอดรออยู่ตรงลานบินที่พวกเขาได้แผ้วถางไว้ วูจโนวิชช่วยชีวิตทหารที่เต็มไปด้วยความปีติยินดี 512 นาย

ดาวิดบรรยายถึงความปีติยินดีที่ได้รับการช่วยกู้โดยพระเจ้า จากศัตรูที่ล้อมไม่ให้ท่านหนีไปได้ พระเจ้าทรง “เอื้อมมาจากที่สูง ทรงจับข้าพเจ้า” ดาวิดกล่าว “พระองค์ทรงดึงข้าพเจ้าออกมาจากน้ำมากหลาย” (2 ซมอ.22:17) กษัตริย์ซาอูลผู้คับแค้นใจด้วยความอิจฉาตามล่าดาวิด โดยต้องการฆ่าท่านอย่างไม่ปรานีแต่พระเจ้าทรงมีแผนการอื่น “พระองค์ทรงช่วยกู้ข้าพเจ้าจากศัตรูที่เข้มแข็งของข้าพเจ้า” ดาวิดบรรยาย “จากบรรดาผู้ที่เกลียดชังข้าพเจ้า เพราะเขามีอานุภาพเกินกว่าข้าพเจ้า” (ข้อ 18)

พระเจ้าทรงช่วยกู้ดาวิดจากซาอูล ทรงช่วยกู้อิสราเอลจากอียิปต์ และโดยพระเยซู พระเจ้าเสด็จมาช่วยกู้เราทุกคน พระเยซูทรงช่วยกู้เราจากความบาป ความชั่วร้ายและความตาย พระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าศัตรูที่เข้มแข็งทั้งหลาย

คนมากมาย

เรามารวมตัวกันเพื่อนมัสการที่โบสถ์ในเช้าวันอาทิตย์ด้วยความชื่นชมยินดีและความหวัง แม้เราจะเว้นระยะห่างเพราะการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่เราก็ยินดีที่มีโอกาสร่วมฉลองงานแต่งงานของกาวินและทีจาน่า เพื่อนชาวอิหร่านผู้มีพรสวรรค์ด้านเทคโนโลยีของเราได้ถ่ายทอดสดพิธีให้กับเพื่อนและครอบครัวในหลายพื้นที่ รวมถึงสเปน โปแลนด์และเซอร์เบีย วิธีอันสร้างสรรค์นี้ช่วยให้เราก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆและร่วมยินดีในพันธสัญญาแห่งการแต่งงานได้ พระวิญ-ญาณของพระเจ้าทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันและประทานความชื่นชมยินดีแก่เรา

เช้าวันอาทิตย์ที่เป็นการรวมตัวอย่างอัศจรรย์ของคนจากหลายชาตินั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสง่าราศีที่จะมาถึงเมื่อผู้คนจาก “ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชาติทุกภาษา” จะยืนต่อหน้าพระเจ้าในสวรรค์ (วว.7:9) ยอห์นสาวกผู้เป็นที่รักได้เห็นภาพ “คนมากมาย” นี้ในนิมิตที่ท่านบรรยายในพระธรรมวิวรณ์ ที่นั่นคนเหล่านั้นจะนมัสการพระเจ้าร่วมกันกับทูตสวรรค์และผู้อาวุโสว่า “ความสรรเสริญ พระสิริ ปัญญา คำโมทนา พระเกียรติ อำนาจ และฤทธิ์เดชจงมีแด่พระเจ้าของเราตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน” (ข้อ 12)

การรวมตัวกันในงานสมรสของพระเยซูและเจ้าสาวจากหลายเชื้อชาติของพระองค์ใน “การมงคลสมรสของพระเมษโปดก” (19:9) จะเป็นเวลาแห่งการนมัสการและเฉลิมฉลองที่ยอดเยี่ยม ประสบการณ์ของเราที่โบสถ์ในวันอาทิตย์พร้อมกับผู้คนจากหลายเชื้อชาติชี้ไปถึงการเฉลิมฉลองนี้ที่วันหนึ่งเราจะได้ร่วมยินดี

ขณะที่เรารอคอยด้วยความหวังถึงงานแห่งความชื่นบานนั้น ให้เราฝึกซ้อมที่จะเฉลิมฉลองและชื่นบานยินดีในท่ามกลางคนของพระเจ้า

อยู่ด้วยกัน

คริสตจักรดิวเบอร์รี่แบ๊บติสต์แยกตัวกันในช่วงทศวรรษ 1800 เพราะน่องไก่ เรื่องราวถูกเล่าในหลายรูปแบบ แต่เรื่องที่สมาชิกปัจจุบันบอกคือชายสองคนทะเลาะกันเรื่องน่องไก่ชิ้นสุดท้ายที่งานเลี้ยงอาหารที่โบสถ์ ชายคนหนึ่งบอกว่าพระเจ้าอยากให้เขาได้มัน อีกคนพูดว่าพระเจ้าไม่สนใจหรอกและตัวเขาอยากได้มันจริงๆ ทั้งสองคนโกรธมากจนหนึ่งในนั้นย้ายไปตั้งคริสตจักรดิวเบอร์รี่แบ๊บ-ติสต์ที่ 2 ห่างไปสองกิโลเมตรบนถนนเดียวกัน ขอบคุณพระเจ้าที่คริสตจักรทั้งสองตกลงเรื่องความไม่ลงรอยได้ และทุกคนยอมรับว่าเหตุผลที่พวกเขาแยกกันนั้นไร้สาระ

พระเยซูทรงเห็นด้วย ในคืนก่อนการสิ้นพระชนม์พระองค์ทรงอธิษฐานเผื่อสาวกให้พวกเขา “เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์ คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์ในพระองค์” ให้เขาทั้งหลาย “เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา” (ยน.17:21-23)

เปาโลเห็นด้วยเช่นกัน ท่านกระตุ้นให้พวกเรา “เพียรพยายามให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งพระวิญญาณทรงประทานนั้นด้วยสันติภาพเป็นพันธนะ มีกายเดียวและมีพระวิญญาณองค์เดียว” (อฟ.4:3-4) และสิ่งนี้ไม่สามารถแยกจากกันได้

พวกเราซึ่งคร่ำครวญเพราะร่างกายของพระคริสต์ที่แตกสลายเพื่อบาปของเราต้องไม่แบ่งแยกพระกายของพระองค์คือคริสตจักร ด้วยความโกรธ การนินทาและเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เราเป็นฝ่ายผิดดีกว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คริสตจักรแตกแยก จงยกน่องไก่นั้นให้ชายอีกคน และให้พายเขาเพิ่มไปด้วย!

ชื่อที่สมบูรณ์แบบ

ในวันที่อากาศร้อนชื้นของเดือนสิงหาคม ภรรยาของผมได้ให้กำเนิดลูกชายคนที่สอง แต่เขายังไม่มีชื่อเพราะเรายังตัดสินใจเลือกไม่ได้ หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในร้านไอศกรีมและไปขับรถเล่น เราก็ยังคงตัดสินใจไม่ได้ เขาจึงถูกเรียกว่า “เจ้าหนูวิลเลี่ยม” อยู่สามวันก่อนจะได้ชื่อว่าไมคาห์ในที่สุด

การเลือกชื่อที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องน่าปวดหัว นอกจากว่าคุณคือพระเจ้าผู้ทรงคิดชื่อที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้เดียวซึ่งจะเปลี่ยนสิ่งต่างๆไปตลอดกาล พระเจ้าทรงสั่งผ่านอิสยาห์ให้กษัตริย์อาหัสทูลขอ “หมายสำคัญ” จากพระองค์เพื่อให้ความเชื่อของอาหัสเข้มแข็งขึ้น (อสย.7:10-11) แม้อาหัสปฏิเสธที่จะทูลขอหมายสำคัญ พระเจ้าก็ยังทรงประทานให้คือ “ดูเถิด หญิงสาวคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่าอิมมานูเอล” (ข้อ 14) พระเจ้าทรงตั้งชื่อให้ทารกนั้น และเขาจะเป็นหมายสำคัญแห่งความหวังให้กับผู้คนที่กำลังสิ้นหวัง ชื่อนั้นถูกใช้เรื่อยมาและมัทธิวได้ให้ความหมายใหม่แก่ชื่อนั้นเมื่อท่านเขียนถึงการประสูติของพระเยซู (มธ.1:23) พระเยซูจะทรงเป็น “อิมมานูเอล” พระองค์ไม่ได้เป็นเพียงตัวแทนของพระเจ้า แต่ทรงเป็นพระเจ้าในสภาพมนุษย์ ทรงมาเพื่อช่วยคนของพระองค์จากความสิ้นหวังในความบาป

พระเจ้าได้ประทานหมายสำคัญแก่เราคือองค์พระบุตรซึ่งมีพระนามว่า อิม-มานูเอล คือพระเจ้าทรงอยู่กับเรา เป็นชื่อที่สะท้อนถึงการสถิตอยู่ด้วยและความรักของพระองค์ ในวันนี้พระองค์ทรงเชิญให้เราต้อนรับองค์อิมมานูเอลและรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่กับเรา

ผู้ให้ด้วยใจยินดี

นิโคลัสเกิดในช่วงศตวรรษที่ 3 เขาไม่รู้เลยว่าในอีกหลายร้อยปีหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปนั้น เขาจะเป็นที่รู้จักในชื่อ ซานตาคลอส เขาเป็นเพียงชายที่รักพระเจ้าและห่วงใยผู้อื่นอย่างแท้จริง และเขาเป็นที่รู้จักเพราะการทำความดีและแบ่งปันทรัพย์สิ่งของของเขาด้วยใจยินดี มีเรื่องเล่าว่าหลังจากนิโคลัสรู้เรื่องของครอบครัวหนึ่งที่กำลังลำบากเรื่องเงิน เขาไปที่บ้านของครอบครัวนั้นในตอนกลางคืนและโยนถุงใส่ทองคำเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ ถุงนั้นตกลงไปในรองเท้าหรือถุงเท้าข้างเตาผิง

นานมาแล้วก่อนสมัยของนิโคลัส อัครทูตเปาโลได้หนุนใจผู้เชื่อในเมืองโครินธ์ที่จะเป็นผู้ให้ด้วยใจยินดี ท่านเขียนถึงพวกเขาเรื่องความเดือดร้อนทางการเงินของพี่น้องในกรุงเยรูซาเล็ม และหนุนใจให้พวกเขาแบ่งปันด้วยใจกว้างขวาง เปาโลอธิบายให้พวกเขาฟังถึงประโยชน์และพระพรจากการแบ่งปันทรัพย์สิ่งของของตน และย้ำพวกเขาว่า “คนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก” (2 คร.9:6) และผลของการแบ่งปันด้วยใจยินดีนั้นคือพวกเขาจะ “มีสิ่งสารพัดมั่งคั่งบริบูรณ์ขึ้น” (ข้อ 11) และพระเจ้าจะทรงได้รับเกียรติ

พระบิดา โปรดช่วยให้เราเป็นผู้ให้ด้วยใจยินดีไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น แต่ในตลอดทั้งปี ขอบพระคุณสำหรับพระทัยอันกว้างขวางอย่างเหลือล้นที่ได้ประทาน “ของขวัญอัศจรรย์” คือพระเยซูองค์พระบุตรให้แก่เรา EPE

การอธิบายพระคัมภีร์

แผ่นกระเบื้องตกแต่งสีน้ำเงินและสีขาวที่มักพบเห็นได้ตามบ้านของชาวดัตช์นั้นมีต้นกำเนิดมาจากเมืองเดลฟ์ พวกเขามักตกแต่งเป็นภาพวิวของเนเธอร์แลนด์ ทั้งทิวทัศน์ที่สวยงาม กังหันลมที่เห็นทั่วไปและผู้คนที่กำลังทำงานและสนุกสนาน

ในศตวรรษที่ 19 ชาร์ลส์ ดิกเกนส์เขียนไว้ในหนังสือมหัศจรรย์วันคริสต์มาส ถึงการที่แผ่นกระเบื้องถูกใช้เพื่ออธิบายพระคัมภีร์ เขาบรรยายถึงเตาผิงเก่าที่สร้างโดยคนดัตช์ ปูด้วยกระเบื้องเมืองเดลฟ์ที่ดูแปลกตาว่า “มีภาพคาอินและ
อาเบล พระธิดาของฟาโรห์ ราชินีแห่งชีบา...และอัครทูตกำลังออกทะเล” หลายบ้านใช้กระเบื้องเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการสอนเมื่อครอบครัวมารวมตัวกันหน้าเตาผิงอันอบอุ่นและแบ่งปันเรื่องราวในพระคัมภีร์ พวกเขาเรียนรู้ถึงพระลักษณะของพระเจ้า ทั้งความยุติธรรมและพระเมตตากรุณาของพระองค์

ความจริงแห่งพระคัมภีร์ยังคงนำมาปรับใช้ได้ในปัจจุบัน สดุดี 78 หนุนใจให้เราสอน “คำลับลึกของโบราณกาล ถึงสิ่งที่เราทั้งหลายได้ยินได้ทราบ ที่บรรพบุรุษของเราได้บอกเรา” (ข้อ 2-3) และบอกเราให้ “บอกแก่ชาติพันธุ์ที่กำลังเกิดมา ถึงพระราชกิจอันควรสรรเสริญของพระเจ้า และฤทธานุภาพของพระองค์และการอัศจรรย์ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ” และพวกเขา “จะลุกขึ้นบอกลูกหลานของเขา” (ข้อ 4, 6)

ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราจะพบวิธีที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพในการอธิบายความจริงแห่งพระคัมภีร์ต่อคนในแต่ละรุ่น เมื่อเรามุ่งมั่นในการถวายพระเกียรติสูงสุดและคำสรรเสริญตามที่พระเจ้าทรงสมควรได้รับต่อพระองค์

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา