เดือน: สิงหาคม 2020

ผู้รับใช้คอยฟังอยู่

หากพวกเขาเปิดวิทยุสื่อสารเอาไว้ ก็คงจะทราบว่าเรือไททานิคกำลังจะจม เซริล อีแวนส์ พนักงานวิทยุบนเรืออีกลำพยายามถ่ายทอดข้อความไปถึงแจ็ค ฟิลิปส์พนักงานวิทยุบนเรือไททานิค เพื่อบอกว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับภูเขาน้ำแข็ง แต่ฟิลิปส์กำลังยุ่งกับการส่งต่อข้อความของผู้โดยสาร และตอบกลับอีแวนส์อย่างหยาบคายให้เขาเงียบ อีแวนส์จำต้องปิดวิทยุและเข้านอน สิบนาทีต่อมาไททานิคก็ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง สัญญาณขอความช่วยเหลือไร้คำตอบ เพราะไม่มีใครคอยฟัง

ใน 1 ซามูเอล เราอ่านพบว่าปุโรหิตของอิสราเอลฉ้อฉล และสูญเสียสายตาและหูฝ่ายวิญญาณขณะที่บ้านเมืองกำลังตกอยู่ในอันตราย “พระดำรัสของพระเจ้ามีมาแต่น้อย ไม่มีนิมิตบ่อยนัก” (1 ซมอ.3:1) แต่พระเจ้าทรงไม่ละความ พยายามกับประชากรของพระองค์ พระองค์เริ่มตรัสกับเด็กชายที่ชื่อซามูเอล ซึ่งถูกเลี้ยงดูในบ้านของปุโรหิต ชื่อของซามูเอลมีความหมายว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับฟัง” เป็นที่ระลึกถึงการที่พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานมารดาของท่าน แต่ซามูเอลจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการฟังเสียงพระเจ้า

“ขอตรัสเถิด เพราะผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่” (ข้อ 10) ผู้รับใช้เป็นผู้ฟัง ขอให้เราเองเลือกที่จะฟังและเชื่อฟังสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยในพระคัมภีร์เช่นกัน จงมอบชีวิตของเราแก่พระองค์ และเป็นผู้รับใช้ที่ถ่อมสุภาพ ซึ่งเปิด “วิทยุ” เอาไว้เสมอ

ตรวจสอบตัวเอง

ไม่นานนี้ผมได้อ่านจดหมายสมัยสงครามโลกครั้งที่สองทั้งปึกที่พ่อส่งให้แม่ พ่ออยู่ที่แอฟริกาเหนือ ส่วนแม่อยู่ที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย พ่อเป็นร้อยตรีประจำกองทัพสหรัฐ มีหน้าที่ตรวจสอบจดหมายของทหารเพื่อป้องกันข้อมูลละเอียดอ่อนหลุดไปยังศัตรู จึงเป็นเรื่องน่าขันที่เห็นว่าบนซองจดหมายที่ส่งถึงภรรยาของท่านจะมีตราประทับไว้ว่า “ตรวจสอบโดย ร.ต.จอห์น บรานอน” แน่นอนว่าท่านได้ตัดบางประโยคออกจากจดหมายของตัวเองด้วย

การตรวจสอบตนเองเป็นความคิดที่เข้าท่าสำหรับเราทุกคน หลายครั้งในพระคัมภีร์ผู้เขียนเอ่ยถึงความสำคัญของการพิจารณาตนเองเพื่อค้นดูว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้อง ไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนสดุดีอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงค้นดูข้าพระองค์และทรงทราบจิตใจของข้าพระองค์... ทอดพระเนตรว่ามีทางชั่วใดๆ ในข้าพระองค์หรือไม่” (สดด.139:23-24) เยเรมีย์บอกว่า “ให้พวกเราทดสอบและพิจารณาวิถีของพวกเรา และกลับมาหาพระเจ้าเถิด” (พคค.3:40) และเปาโลกล่าวถึงสภาพจิตใจของเราขณะร่วมพิธีมหาสนิท “ขอให้ทุกคนพิจารณาตนเอง” (1 คร.11:28)

พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถช่วยเราเปลี่ยนแปลงความคิดหรือการกระทำที่ไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ดังนั้น ก่อนที่เราจะเผชิญกับโลกในวันนี้ ให้เราหยุดและแสวงหาการช่วยเหลือจากพระวิญญาณในการตรวจสอบตัวเอง เพื่อเราจะสามารถ “กลับมาหาพระเจ้า” ในการสามัคคีธรรมกับพระองค์

คลื่นลูกใหญ่ที่สุด

ผู้คนชอบเล่น “คลื่นมนุษย์” ในการแข่งกีฬาหรือการแสดงดนตรีทั่วโลก โดยเริ่มจากคนไม่กี่คนที่ยืนขึ้นและชูมือ ไม่นานคนที่นั่งข้างพวกเขาก็ทำตามเป้าหมายคือทำให้เกิดการเคลื่อนที่ต่อเนื่องวนรอบสนามกีฬา เมื่อวนครบรอบแล้ว คนที่เริ่มจะยิ้มและโห่ร้องแล้วทำต่อไป

การทำคลื่นมนุษย์ครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้เกิดขึ้นในการแข่งขันเบสบอลมืออาชีพ ระหว่างทีมโอ๊กแลนด์แอทเลติกส์กับทีมนิวยอร์กแยงกี้ในปี 1981 ผมชอบร่วมเล่นคลื่นมนุษย์เพราะมันสนุก แต่ผมรู้สึกเช่นกันว่า ความสุขและการร่วมใจที่เราได้สัมผัสขณะที่เล่นนั่นเตือนให้นึกถึงข่าวประเสริฐ ซึ่งเป็นข่าวดีเรื่องความรอดในพระเยซูที่รวมใจผู้เชื่อทุกแห่งหนให้สรรเสริญและมีความหวัง “คลื่นลูกใหญ่ที่สุด”นี้ เริ่มขึ้นมานานกว่ายี่สิบศตวรรษแล้วในเยรูซาเล็ม เปาโลเขียนอธิบายให้กับสมาชิกคริสตจักรในเมืองโคโลสีว่า “[ข่าวประเสริฐ] กำลังเกิดผลและทวีขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับที่กำลังเป็นอยู่ในตัวท่านทั้งหลายด้วย ตั้งแต่วันที่ท่านได้ยิน” (คส.1:6) ผลตามธรรมชาติของข่าวดีนี้คือ “ความเชื่อและความรักอันเกิดจากความหวังซึ่งสะสมไว้สำหรับ [เรา] ในสวรรค์” (ข้อ 5 TNCV)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จงทำต่อไป เมื่อครบรอบแล้วเราจะเห็นรอยยิ้มของพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้เริ่มต้นทุกสิ่ง

พระเจ้าผู้ช่วยกู้ของเรา

เจ้าหน้าที่กู้ภัยจอดเรือคายัคของเธอในทะเลเปิด เพื่อช่วยเหลือนักว่ายน้ำที่ตื่นตระหนกในการแข่งขันไตรกีฬา “อย่าจับกลางลำเรือ” เธอบอกกับนักว่ายน้ำ เพราะรู้ว่าจะทำให้เรือพลิกคว่ำ เธอแนะนำให้นักว่ายน้ำที่อ่อนล้าเกาะไม้พายหรือส่วนหัวเรือคายัค เพื่อพวกเขาจะยึดห่วงไว้และให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเรือคายัคช่วยเหลือต่อไป

เมื่อใดก็ตามที่ชีวิตหรือผู้คนคุกคามทำให้คุณจมลง ในฐานะผู้เชื่อพระเยซู เรารู้ว่าเรามีพระผู้ช่วย “เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราคือเราเองจะค้นหาแกะของเรา . . . เราจะช่วยเขาให้พ้นจากสถานที่ทั้งหลายซึ่งเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่” (อสค.34:11-12)

นี่คือสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะเอเสเคียลรับรองต่อประชากรของพระเจ้าเมื่อพวกเขาตกไปเป็นเชลย ผู้นำของพวกเขาทอดทิ้งและเอาเปรียบ ขโมยชีวิตของพวกเขาไปและห่วงแต่ “ตัวเอง และไม่ได้เลี้ยงแกะของ[พระเจ้า]” (ข้อ 8) เพราะเหตุนี้พวกเขาจึง “กระจายไปทั่วพิภพ ไม่มีใครเที่ยวค้นไม่มีใครเสาะหามัน” (ข้อ 6)

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะช่วยแกะของเรา” (ข้อ 10) และพระสัญญานี้ยังคงอยู่

เราต้องทำสิ่งใดน่ะหรือ จงยึดองค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์และพระสัญญาของพระองค์ไว้ให้มั่น พระองค์ตรัสว่า “เราคือเราเองจะค้นหาแกะของเรา และจะเที่ยวหามัน” (ข้อ 11) นี่เป็นพระสัญญาล้ำค่าที่ควรยึดไว้ให้มั่น

ช่วยคนอ่อนเปลี้ย

คุณจะเลือกสิ่งใดระหว่างเล่นสกีในวันหยุดที่สวิตเซอร์แลนด์ กับช่วยเหลือเด็กจากอันตรายในกรุงปราก นิโคลาส วินตันเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่เลือกอย่างหลัง ในปี 1938 สงครามระหว่างเชโกสโลวาเกียและเยอรมันใกล้จะปะทุเต็มที หลังจากที่นิโคลาสไปเยี่ยมค่ายผู้อพยพในกรุงปราก ที่ซึ่งชาวยิวมากมายอาศัยอยู่ด้วยความหวาดกลัว เขาถูกผลักดันด้วยความคิดที่จะช่วยเหลือ เขาหาทุนเพื่อส่งเด็กหลายร้อยคนออกจากปรากไปยังเกาะอังกฤษอย่างปลอดภัย โดยมีครอบครัวชาวอังกฤษรับไปดูแลก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะเริ่มขึ้น

การกระทำของเขาเป็นตัวอย่างของสิ่งที่สดุดี 82 เรียกให้เราทำ “จงดำรงสิทธิของผู้ที่ทุกข์ยาก และคนสิ้นเนื้อประดาตัว” (ข้อ 3) อาสาฟผู้เขียนสดุดีบทนี้ ต้องการกระตุ้นให้คนของท่านช่วยเหลือผู้ที่ขัดสน “จงช่วยคนอ่อนเปลี้ยและ คนขัดสนให้พ้น ช่วยกู้เขาจากมือของคนอธรรม” (ข้อ 4) เช่นเดียวกับเด็กๆที่นิโคลาสทำงานอย่างไม่ย่อท้อเพื่อช่วยเหลือ ผู้เขียนสดุดีพูดแทนคนเหล่านั้นที่ไม่สามารถพูดเพื่อตัวเอง คนขัดสนและแม่ม่ายที่ต้องการความยุติธรรมและการปกป้อง

ทุกที่ที่เรามองไปในวันนี้ เราเห็นผู้คนที่ขัดสนจากสงคราม พายุ และความทุกข์ยากต่างๆ แม้เราไม่อาจช่วยแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง เราพิจารณาด้วยใจอธิษฐานได้ว่า เราจะทำสิ่งใดได้บ้างเพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์ที่พระเจ้าทรงนำเข้ามาในชีวิตเรา

ขับรถฝ่ายวิญญาณ

ผมจำรายละเอียดหลายอย่างในชั้นเรียนขับรถไม่ได้ แต่อักษร พ-ร-ค-ต-ป ยังฝังแน่นในความทรงจำ

อักษรพวกนี้แทนคำว่า พิจารณา ระบุ คาดการณ์ ตัดสินใจ และปฏิบัติ นี่คือขั้นตอนที่เราถูกสอนให้ฝึกเป็นประจำ เราต้องพิจารณาเส้นทาง ระบุอันตราย คาดการณ์ผลของอันตราย ตัดสินใจว่าจะตอบสนองอย่างไร และหากจำเป็น ให้ปฏิบัติตามแผน นี่คือกลยุทธ์ในการมุ่งมั่นหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

ผมสงสัยว่าแนวคิดนี้จะนำมาใช้ในชีวิตฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร ในเอเฟซัส 5 เปาโลบอกผู้เชื่อในเอเฟซัสว่า “จงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา” (ข้อ 15) เปาโลทราบว่าอันตรายบางอย่างอาจทำให้ พวกเขาล้มลงสู่ชีวิตเก่าที่ขัดกับชีวิตใหม่ในพระเยซู (ข้อ 8, 10-11) จึงแนะนำคริสตจักรที่กำลังเติบโตให้ระมัดระวัง

คำที่แปลว่า “จงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี” นั้นความหมายตรงตัวคือ “ดูว่าคุณเดินอย่างไร” หรือหมายถึง มองไปรอบๆ สังเกตอันตราย และหลีกเลี่ยงความบาป เช่นการเมาเหล้าและใช้ชีวิตเสเพล (ข้อ 18) แทนที่จะทำอย่างนั้น อัครทูตบอกให้เราแสวงหาที่จะเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้าในชีวิต (ข้อ 17) ขณะที่เราร้องสรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์ร่วมกับผู้เชื่อ (ข้อ 19-20)

ไม่ว่าเราจะเผชิญอันตรายใด และแม้จะสะดุดล้ม เรายังคงมีประสบการณ์กับชีวิตใหม่ในพระคริสต์ได้ในขณะที่เราเติบโตโดยพึ่งพากำลังและพระคุณอันไร้ขีดจำกัดของพระองค์

รางวัลแสนอัศจรรย์

คุณครูโดเนแลนเป็นนักอ่านมาตลอด จนวันหนึ่งเธอก็ได้ค่าตอบแทนจากสิ่งนี้ เธอกำลังวางแผนเดินทางและอ่านนโยบายประกันการเดินทางอันยาวเหยียด เมื่อถึงหน้า 7 เธอพบรางวัลแสนมหัศจรรย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน “จ่ายเมื่ออ่าน” บริษัทจะมอบเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้คนแรกที่อ่านสัญญามาจนถึงหน้านี้ พวกเขายังบริจาคเงินหลายพันดอลลาร์ให้โรงเรียนในชุมชนของโดเนแลน เพื่อการอ่านของเด็กๆ เธอเล่าว่า “ฉันเป็นหนอนหนังสือที่อ่านสัญญาเสมอ ฉันจึงแปลกใจมากกว่าใคร”

ผู้เขียนสดุดีปรารถนาให้ดวงตาของท่านเปิดเพื่อจะ “เห็นสิ่งมหัศจรรย์” ของพระเจ้า (สดด.119:8) ท่านมีความเข้าใจว่าพระเจ้าทรงต้องการเป็นที่รู้จัก ท่านจึงปรารถนาจะใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น ท่านอยากรู้มากขึ้นว่าพระเจ้าทรงเป็นเช่นไร พระองค์ได้ประทานสิ่งใดมาแล้วบ้าง และจะติดตามพระองค์ใกล้ชิดขึ้นได้อย่างไร (ข้อ 24, 98) ท่านเขียนว่า “แหม ข้าพระองค์รักพระธรรมของพระองค์จริงๆ เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์วันยังค่ำ” (ข้อ 97)

เราเองก็มีสิทธิพิเศษที่จะใช้เวลาครุ่นคิดถึงพระเจ้า พระลักษณะ และพระบัญญัติของพระองค์ เพื่อเรียนรู้และเติบโตใกล้ชิดกับพระองค์ยิ่งขึ้น พระเจ้าทรงปรารถนาจะสอนเรา นำเราและเปิดใจของเราให้รู้จักพระองค์ เมื่อเราแสวงหาพระองค์ พระองค์ประทานรางวัลที่ทำให้เราประหลาดใจยิ่งขึ้นถึงสิ่งที่พระองค์เป็น และประทานความชื่นชมยินดีในการสถิตอยู่ของพระองค์

ฉันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

ทิฟฟานี่ตื่นขึ้นมาในความมืดบนเครื่องของสายการบินแอร์แคนาดา ขณะยังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ เธอหลับในขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นลงจากเครื่องหลังจากเครื่องลงจอด ทำไมไม่มีใครปลุกเธอเลย เธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เธอสลัดความง่วงงุนและพยายามนึกทบทวน

คุณเคยพบตัวเองอยู่ในที่ซึ่งคาดไม่ถึงไหม คุณยังอายุน้อยเกินกว่าที่จะป่วยเป็นโรคนี้ซึ่งไม่มีทางรักษา การประเมินครั้งล่าสุดของคุณยอดเยี่ยม แต่เหตุใดตำแหน่งงานของคุณจึงถูกถอด คุณกำลังมีความสุขกับปีที่ดีที่สุดของชีวิตแต่งงาน แต่ตอนนี้คุณกลับต้องเริ่มต้นใหม่ในฐานะพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงานชั่วคราว

ฉันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร โยบอาจนึกสงสัยเมื่อท่าน “นั่งอยู่ในกองขี้เถ้า” (โยบ 2:8) ท่านสูญเสียลูก ทรัพย์สิน และสุขภาพ ในเวลาเพียงไม่นาน ท่านคงสงสัยว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านทราบเพียงว่าท่านต้องนึกให้ออก

โยบระลึกถึงองค์พระผู้สร้างของท่านและความประเสริฐของพระองค์ ท่านบอกกับภรรยาว่า “เราจะรับสิ่งดีจากพระหัตถ์ของพระเจ้า และจะไม่รับของไม่ดีบ้างหรือ” (ข้อ 10) โยบระลึกได้ว่าท่านควรจะวางใจในความสัตย์ซื่อของพระเจ้าผู้ประเสริฐ ท่านจึงคร่ำครวญร้องตะโกนต่อสวรรค์ และท่านโศกเศร้าด้วยความหวัง “ข้าทราบว่า พระผู้ไถ่ของข้าทรงพระชนม์อยู่” และ “ในเนื้อหนังของข้า ข้าจะเห็นพระเจ้า” (19:25-26) โยบยึดมั่นในความหวังเมื่อท่านระลึกได้ว่า เรื่องราวนั้นเริ่มต้นขึ้นและจบลงเช่นไร

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา