Month: สิงหาคม 2016

พระบิดาทรงทราบ

ผมอายุแค่สี่ขวบตอนที่ปูเสื่อนอนบนพื้นกับพ่อในคืนฤดูร้อน (แม่ผมเพิ่งคลอดน้อง แม่จึงมีห้องของตัวเอง) ในตอนเหนือของประเทศกานาอากาศแห้ง ความร้อนและเหงื่อที่ท่วมตัวทำให้ผมหิวน้ำมากจนผมเขย่าปลุกพ่อให้ตื่น กลางดึกคืนที่แห้งแล้งคืนนั้น พ่อลุกขึ้นเทน้ำให้ผมดื่มดับกระหาย ตลอดชีวิตของผม พ่อเป็นตัวอย่างของพ่อที่ห่วงใย พ่อให้สิ่งที่จำเป็นกับผม

เมื่อเราไม่เข้าใจ

แม้ผมจะพึ่งพาเทคโนโลยีในการทำงานทุกวัน แต่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจการทำงานของมัน ผมเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดเอกสารและเริ่มพิมพ์บทความ กระนั้นการไม่เข้าใจการทำงานของไมโครชิพ ฮาร์ดไดร์ฟ สัญญาณไร้สายและหน้าจอสี ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

หล่อหลอมความคิด

เมื่อมาร์แชล แมคลูฮานคิดค้นคำว่า “สื่อสาร” ในปี 1964 ตอนนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว โทรศัพท์มือถือหรืออินเตอร์เน็ต แต่วันนี้เราได้เห็นแล้วว่าเขามองการณ์ไกลจนคาดเดาได้ว่ายุคดิจิตอลจะมีผลต่อกระบวนการคิด นิโคลัส คาร์เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า “[สื่อ]เป็นผู้ป้อนสิ่งที่เรานำไปคิด และยังหล่อหลอมกระบวนการคิดของเราด้วย สิ่งที่อินเตอร์เน็ตทำคือบั่นทอนความสามารถในการจดจ่อและใคร่ครวญ ไม่ว่าผมจะเล่นเน็ตอยู่หรือไม่ หัวของผมตอนนี้รับข้อมูลแบบที่เน็ตป้อนคือ เป็นลำแสงที่เต็มไปด้วยอนุภาคเคลื่อนที่เร็ว”

ไม่กลัว

แทบทุกครั้งที่ทูตสวรรค์ปรากฏในพระคัมภีร์ คำแรกที่พูดคือ “อย่ากลัวเลย” (ดนล.10:12,19; มธ.28:5; วว.1:17) ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อสิ่งเหนือธรรมชาติมาปรากฏในโลกย่อมทำให้มนุษย์ที่พบเจอต้องก้มหน้า ด้วยความกลัวจนตัวสั่น แต่ลูกาเล่าถึงการที่พระเจ้าทรงมาปรากฏในโลกในรูปแบบที่เราไม่ตกใจกลัว คือพระกุมารเยซูผู้ทรงบังเกิดในโรงนาและบรรทมในรางหญ้า ทารกแรกเกิดย่อมไม่น่ากลัวเลย

บังแดด

ฉันอาศัยอยู่บนเกาะอังกฤษจึงไม่ค่อยห่วงเรื่องผิวไหม้เพราะแดด ที่นี่มักมีเมฆหนาบังแสงอาทิตย์อยู่เสมอๆ แต่ไม่นานมานี้ฉันไปที่ประเทศสเปน และเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าผิวที่ซีดขาวของฉันทำให้ฉันอยู่กลางแดดได้ไม่เกินสิบนาที ก็ต้องรีบวิ่งหาร่มเงา

ขณะที่ฉันคิดถึงเรื่องแสงแดดแสบผิว ฉันเริ่มเข้าใจความหมายของภาพที่พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังที่ข้างขวามือให้กับประชากรของพระองค์ ชาวตะวันออกกลางรู้จักสภาพอากาศที่ร้อนระอุดี และพวกเขาต้องหาที่กำบังจากแสงอาทิตย์อันแผดเผา

ผู้เขียนสดุดีใช้ภาพพระเจ้าทรงเป็นที่กำบังนี้ในสดุดี 121 ซึ่งถือกันว่าเป็นบทสนทนาจากจิตใจ เป็นการสนทนากับตัวเองเกี่ยวกับความดีและความสัตย์ซื่อของพระเจ้า เมื่อเราใช้สดุดีบทนี้ในการอธิษฐาน เราได้ย้ำให้ตัวเองมั่นใจอีกครั้งว่าพระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งเรา เพราะพระองค์ทรงตั้งที่กำบังปกป้องเราไว้ และเช่นเดียวกับที่เราหลบแสงอาทิตย์อยู่ใต้ร่มเงา เราก็พบที่ปลอดภัยในพระเจ้าได้เช่นกัน

เราเงยหน้าดู “ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก” (สดด.121:1-2) เพราะไม่ว่าชีวิตเราจะเผชิญกับแดดหรือฝน เราก็ได้รับการปกป้อง การบรรเทา และการเสริมเรี่ยวแรงจากพระองค์

ใครจะไปบอก

สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงแล้ว มีการประกาศสงบศึก แต่ร้อยโทฮิโรโอะ โอโนดะแห่งกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นที่ประจำการอยู่บนเกาะหนึ่งในฟิลิปปินส์ไม่ทราบข่าว มีความพยายามตามตัวเขา โดยการโปรยใบปลิวเหนือที่ที่เขาอยู่เพื่อแจ้งว่าสงครามจบลงแล้ว แต่คำสั่งสุดท้ายที่โอโนดะได้รับในปี 1945 คือให้อยู่และสู้ เขาจึงไม่สนใจและคิดว่าใบปลิวเป็นกลลวงจากฝ่ายศัตรู เขาไม่ยอมแพ้จนกระทั่งเดือนมีนาคม 1974 เกือบ 30 ปีหลังสงครามสิ้นสุดแล้ว เมื่ออดีตผู้บังคับบัญชาของเขาเดินทางจากญี่ปุ่นไปฟิลิปปินส์เพื่อเพิกถอนคำสั่งเดิมและปลดประจำการโอโนดะ ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าสงครามสิ้นสุดจริง

เพราะผมรักพ่อ

หนึ่งวันก่อนที่สามีของฉันจะกลับจากการไปทำงานต่างเมือง ลูกชายพูดว่า “แม่ครับ ผมอยากให้พ่อกลับบ้าน” ฉันถามเหตุผลและคิดว่า ลูกคงตอบว่าอยากได้ของฝากหรืออยากเล่นบอลกับพ่อ แต่เขากลับตอบอย่างจริงจังว่า “ผมอยากให้พ่อกลับมาเพราะผมรักพ่อ”

คำตอบของลูกทำให้ฉันคิดถึงพระเยซู และพระสัญญาว่าจะเสด็จกลับมา พระองค์ตรัสว่า “เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน” (วว.22:20) ฉันอยากให้พระองค์กลับมา แต่เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะฉันจะได้อยู่ต่อพระพักตร์ ห่างไกลจากโรคภัยและความตายหรือ หรือเพราะฉันเหนื่อยกับการอยู่บนโลกใบนี้ หรือเป็นเพราะคุณรักพระองค์มากกว่าชีวิตตนเอง หรือเพราะทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณ หรือเพราะพระองค์ทรงสัตย์ซื่อกว่าใคร คุณจึงอยากจะอยู่กับพระองค์ตลอดไป

ฉันดีใจที่ลูกคิดถึงพ่อตอนพ่อไม่อยู่ คงไม่ดีนักถ้าเขาไม่สนใจเลยว่า พ่อจะกลับหรือไม่ หรือกลัวว่าพ่อกลับมาแล้วจะทำให้แผนการชีวิตที่เขาวางไว้ต้องสะดุดลง เรารู้สึกอย่างไรกับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ ขอให้เรารอคอยวันนั้นด้วยใจร้อนรน และพูดได้อย่างจริงใจว่า “พระองค์เจ้าข้า โปรดเสด็จมาเถิด เรารักพระองค์”

ปกป้องใครอยู่

เมื่อครูเรียกแคธลีนไปหน้าชั้นเพื่อวิเคราะห์ประโยคภาษาอังกฤษ เธอรู้สึกตื่นตระหนก เธอเพิ่งย้ายโรงเรียนมาและยังไม่ได้เรียนเรื่องนั้น เพื่อนทั้งห้องหัวเราะเยาะเธอ

เงยหน้า

เอมิลเป็นชายเร่ร่อนที่ก้มหน้ามองฟุตบาทยามที่เขาเดินย่ำไปทั่วเมืองวันแล้ววันเล่าอยู่นานหลายปี เขาไม่กล้ามองหน้าใครเพราะกลัวจะมีคนจำได้ เนื่องจากเขาก็ไม่ได้เร่ร่อนมาทั้งชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมุ่งมั่นกับการหาเหรียญหรือบุหรี่ที่ตกตามพื้น การก้ม มองพื้นเป็นนิสัยทำให้กระดูกสันหลังของเขางออยู่ในท่านั้นจนยืดตัวขึ้นลำบาก

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา