Month: มีนาคม 2023

พักสงบอย่างปลอดภัยในพระเจ้า

นักวิจัยในมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ต้องการช่วยให้ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) นอนหลับสบายขึ้น พวกเขาวัดผลของเครื่องมือที่ช่วยในการนอนหลับกับผู้ถูกทดสอบในห้องไอซียูจำลอง พร้อมกับระดับความสว่างของแสงไฟในโรงพยาบาลและเครื่องส่งเสียงบี๊บและเสียงพูดของพยาบาล งานวิจัยของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าเครื่องมืออย่างผ้าปิดตาและที่อุดหู ช่วยให้การพักผ่อนของผู้ถูกทดสอบดีขึ้น แต่พวกเขารู้ว่าสำหรับผู้ป่วยในห้องไอซียูจริงนั้น การนอนหลับอย่างสงบสุขยังคงเป็นเรื่องยาก

เมื่อโลกของเรามีปัญหา เราจะพบความสงบได้อย่างไร พระคัมภีร์บอกชัดเจนว่า มีสันติสุขสำหรับผู้ที่วางใจในพระเจ้าไม่ว่าสภาพการณ์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เขียนเกี่ยวกับอนาคตของคนอิสราเอลในยุคนั้นว่า ภายหลังความยากลำบากนั้นพวกเขาจะได้รับการฟื้นฟู จะอาศัยอยู่ในเมืองอย่างปลอดภัย เพราะพวกเขารู้ว่าพระเจ้าทำให้เมืองนี้ปลอดภัย (อสย.26:1) พวกเขาจะวางใจว่าพระองค์ทรงกระทำกิจอย่างต่อเนื่องใน

โลกรอบตัวพวกเขา เพื่อนำมาซึ่งการดี โดย “พระองค์ทรงให้ชาวเมืองที่สูงส่งนั้น...ต่ำลง” ทรงยกผู้ที่ถูกกดขี่ขึ้นและนำมาซึ่งความยุติธรรม (ข้อ 5-6) พวกเขาจะรู้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร์” และพวกเขาสามารถจะวางใจในพระเจ้าเป็นนิตย์ (ข้อ 4)“ใจแน่วแน่นั้น พระองค์ทรงรักษาไว้ในศานติภาพอันสมบูรณ์” อิสยาห์กล่าวว่า “เพราะเขาวางใจในพระองค์” (ข้อ 3) ในวันนี้พระเจ้าทรงจัดเตรียมศานติภาพและการพักสงบอันสมบูรณ์ให้เราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเรา เราพักสงบด้วยความวางใจได้ในความรักและฤทธิ์อำนาจของพระองค์

ควรทำหรือไม่

เมื่อฉันยังเป็นเด็ก รถถังในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ปลดระวางแล้วถูกนำไปจัดแสดงในสวนสาธารณะใกล้บ้าน มีป้ายเตือนจำนวนมากที่เตือนถึงอันตรายจากการปีนป่ายขึ้นไปบนรถนั้น แต่เพื่อนของฉันสองคนก็ปีนขึ้นไปทันที พวกเราบางคนลังเลอยู่บ้างแต่ในที่สุดเราก็ทำแบบเดียวกัน เด็กชายคนหนึ่งปฏิเสธโดยชี้ไปที่ป้ายที่ติดไว้ อีกคนกระโดดลงมาอย่างรวดเร็วเมื่อมีผู้ใหญ่เข้ามาใกล้ การล่อลวงที่ให้ความสนุกเพลิดเพลินนั้นมีน้ำหนักจูงใจมากกว่าความปรารถนาของเราที่จะปฏิบัติตามกฎ

เราทุกคนมีหัวใจที่ขบถแบบเด็กๆซุ่มซ่อนอยู่ภายใน เราไม่ชอบถูกบอกว่าต้องทำหรือห้ามทำอะไร แต่เมื่อเราอ่านพระธรรมยากอบและรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ นั่นคือบาป (4:17) ในพระธรรมโรม อัครทูตเปาโลกล่าวว่า “ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปรารถนาทำ ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำ แต่การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่ ถ้าแม้ข้าพเจ้ายังทำสิ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะทำ ก็ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้กระทำ แต่บาปซึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้านั่นเองเป็นผู้กระทำ” (7:19-20)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราอาจมีปัญหายุ่งยากในการต่อสู้กับความบาปแต่บ่อยครั้งที่เรามักพึ่งพากำลังของตัวเองเพียงอย่างเดียวในการทำสิ่งที่ถูกต้อง วันหนึ่งเมื่อชีวิตนี้จบสิ้นลง เราจะตายจากแรงกระตุ้นที่เป็นบาปอย่างแท้จริงแต่อย่างไรก็ตามก่อนจะถึงเวลานั้น เราสามารถพึ่งพาในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ผู้ซึ่งการสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ได้ทรงมีชัยชนะเหนือความบาปแล้ว

พระเจ้าทรงมีแผนการอื่น

เราไม่ทราบอายุที่แน่นอนของพวกเธอ คนหนึ่งถูกพบที่ขั้นบันไดโบสถ์ อีกคนรู้เพียงว่าเธอได้รับการเลี้ยงดูโดยแม่ชี พวกเธอเกิดในโปแลนด์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเวลาเกือบแปดสิบปีที่ทั้งฮาลิน่าและคริสตีน่าต่างก็ไม่รู้จักกัน ต่อมาผลตรวจดีเอ็นเอระบุว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน และนำไปสู่การหวนมาพบกันอย่างปีติยินดี อีกทั้งเปิดเผยให้รู้ว่าพวกเธอมีเชื้อสายยิว ซึ่งอธิบายว่าทำไมพวกเธอจึงถูกนำมาทิ้ง คนชั่วร้ายได้กำหนดให้เด็กหญิงทั้งสองนี้ต้องตายเพียงเพราะชาติกำเนิดของพวกเธอ

ลองนึกภาพแม่ผู้หวาดกลัวที่ทิ้งลูกๆซึ่งถูกคุกคามชีวิตไว้ในที่ซึ่งพวกเธออาจได้รับการช่วยเหลือ ทำให้นึกถึงเรื่องราวของโมเสส เมื่อเป็นเด็กทารกชาวฮีบรู ท่านถูกกำหนดว่าจะโดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (ดู อพย.1:22) แม่ของท่านวางแผนที่จะวางท่านไว้ในแม่น้ำไนล์ (2:3) เพื่อให้ท่านมีโอกาสรอด พระเจ้าทรงมีแผนการที่เธอคาดไม่ถึง คือเพื่อช่วยกู้ชีวิตประชากรของพระองค์ผ่านทางโมเสสเรื่องราวของโมเสสนำเราไปสู่เรื่องราวของพระเยซู ขณะที่ฟาโรห์สืบเสาะที่จะฆ่าเด็กชายชาวฮีบรู เฮโรดก็สั่งฆ่าเด็กทารกชายทั้งหมดในเบธเลเฮม (ดู มธ. 2:13-16)

ผู้อยู่เบื้องหลังความเกลียดชังนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเด็กคือมารศัตรูของเรา ความรุนแรงเช่นนี้ไม่ได้ทำให้พระเจ้าประหลาดใจ พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับโมเสส และพระองค์ทรงมีแผนการสำหรับคุณและผม และโดยทางพระเยซูพระบุตรของพระองค์ พระองค์ได้ทรงเปิดเผยแผนการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์คือเพื่อช่วยกู้และทำให้ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรูได้กลับคืนดีกับพระองค์

จากความเครียดสู่ความสงบ

การย้ายบ้านเป็นหนึ่งในความเครียดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เราย้ายมาที่บ้านหลังปัจจุบันหลังจากที่ฉันอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมมาเกือบยี่สิบปี ฉันอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านหลังแรกเป็นเวลาแปดปีก่อนจะแต่งงาน จากนั้นสามีของฉันก็ย้ายเข้ามาพร้อมกับข้าวของทุกอย่างของเขา ต่อมาเรามีลูกเพิ่มขึ้นอีกคนและนั่นหมายถึงข้าวของที่เพิ่มมากขึ้น

วันที่เราย้ายเข้าบ้านใหม่ก็ยังเกิดเรื่องขึ้น ห้านาทีก่อนที่รถขนย้ายจะมาถึง ฉันยังคงเขียนต้นฉบับหนังสือให้เสร็จ และบ้านใหม่มีบันไดอยู่หลายจุด จึงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นสองเท่าและจำนวนคนขนย้ายมากเป็นสองเท่าจากแผนที่วางไว้

แต่ฉันก็ไม่รู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วฉันก็คิดขึ้นได้ว่า ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเขียนหนังสือให้เสร็จ ซึ่งเป็นเล่มที่อัดแน่นด้วยข้อพระคัมภีร์และแนวคิดของพระคัมภีร์ โดยพระคุณของพระเจ้าทำให้ฉันได้อ่านพระคัมภีร์อย่างถี่ถ้วน อธิษฐาน และเขียนเพื่อให้ทันกำหนดส่ง ดังนั้นฉันเชื่อว่ากุญแจสำคัญคือการที่ฉันได้ดำดิ่งลงไปในข้อพระคัมภีร์และในการอธิษฐาน

เปาโลกล่าวว่า “อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ” (ฟป.4:6) เมื่อเราอธิษฐานและ “ชื่นชมยินดี” ในพระเจ้า (ข้อ 4) เราก็จะหันความคิดออกจากปัญหามาจดจ่อที่องค์พระผู้ทรงจัดเตรียม เราอาจกำลังขอให้พระเจ้าทรงช่วยเราจัดการกับสิ่งที่ก่อให้เกิดความเครียด แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยึดโยงอยู่กับพระองค์ผู้ทรงสามารถประทานสันติสุข “ซึ่งเกินความเข้าใจ” (ข้อ 7) ให้กับเรา

พระเจ้าทรงฟังอยู่

ชัคนักแสดงและนักศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวได้ยกย่องผู้เป็นแม่ในวันเกิดครบรอบ 100 ปีของเธอ โดยแบ่งปันว่าเธอมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงฝ่ายวิญญาณของเขาอย่างไร เขาเขียนว่า “แม่เป็นแบบอย่างของความบากบั่นและความเชื่อ” แม่เลี้ยงดูลูกชายสามคนด้วยตัวเองในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ทนทุกข์กับความตายของคู่สมรสสองคน ลูกชาย ลูกติดสามีและหลานๆและยังต้องอดทนกับการผ่าตัดหลายครั้ง “[เธอ]อธิษฐานเผื่อผมมาตลอดชีวิตของผม ผ่านอุปสรรคปัญหาทุกอย่าง” เขากล่าวต่อว่า “ตอนที่ผมเกือบจะสูญเสียจิตวิญญาณไปในวงการฮอลลีวู้ด แต่เธอกลับมาบ้านอธิษฐานให้ผมประสบความสำเร็จและได้รับความรอด” เขาสรุปว่า “ผมขอบคุณ [แม่ของผม] ที่ช่วยพระเจ้าให้ทรงสร้างผมในทุกสิ่งที่ผมทำได้และควรจะเป็น”

คำอธิษฐานของแม่ช่วยให้ชัคพบความรอดและได้พบภรรยาที่รักพระเจ้าเธออธิษฐานอย่างกระตือรือร้นเพื่อลูกชายและพระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของเธอ เราไม่ได้รับคำตอบในแบบที่เราต้องการเสมอ ดังนั้นเราจึงไม่อาจใช้การอธิษฐานให้เป็นเหมือนไม้กายสิทธิ์ที่จะเสกสิ่งต่างๆได้ แต่ยากอบรับรองกับเราว่า “คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล” (5:16) เช่นเดียวกับคุณแม่ท่านนี้ เราต้องอธิษฐานเผื่อคนป่วยและคนที่มีปัญหาต่อไป (ข้อ 13-15) เมื่อเราสนทนากับพระเจ้าผ่านการอธิษฐานเหมือนกับเธอ เราจะพบการหนุนใจและสันติสุข ตลอดจนความมั่นใจว่าพระวิญญาณทรงกระทำกิจอยู่

มีบางคนในชีวิตของคุณต้องการความรอด การหายโรค หรือความช่วยเหลือไหม ทูลคำอธิษฐานของคุณต่อพระเจ้าด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงฟังอยู่

ห้องเล่าเรื่อง

ทางตอนเหนือของสเปนมีวิถีแห่งมิตรภาพและการใช้เวลาร่วมกันอันงดงาม ด้วยความที่ในชนบทนั้นเต็มไปด้วยถ้ำที่สร้างขึ้นเอง หลังการเก็บเกี่ยวแต่ละครั้ง ชาวไร่บางคนจะนั่งอยู่ในห้องที่สร้างขึ้นเหนือถ้ำและทำบันทึกรายการอาหารนานาชนิดของเขา เมื่อเวลาผ่านไป ห้องนี้จึงกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ “ห้องเล่าเรื่อง” ซึ่งเป็นสถานที่พบปะที่เพื่อนและครอบครัวจะมารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันเรื่องราว ความลับ และความฝัน หากคุณต้องการเพื่อนพ้องใกล้ชิดที่ไว้ใจได้คุณจะตรงไปที่ห้องเล่าเรื่อง

หากดาวิดและโยนาธานอาศัยอยู่ทางภาคเหนือของสเปน มิตรภาพอันลึกซึ้งของพวกเขาอาจนำไปสู่การสร้างห้องเล่าเรื่อง เมื่อกษัตริย์ซาอูลริษยาจนอยากจะฆ่าดาวิด โยนาธานโอรสองค์โตของซาอูลได้ปกป้องและเป็นเพื่อนกับดาวิดทั้งสองรู้สึก “ผูกพันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” (1ซมอ.18:1 TNCV) และโยนาธาน “รัก[ดาวิด]อย่างกับรักชีวิตของท่านเอง” (ข้อ 1, 3) และแม้ท่านคือทายาทที่จะสืบราชบัลลังก์ แต่ท่านก็ตระหนักดีถึงการทรงเลือกของพระเจ้าให้ดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ ท่านมอบเสื้อคลุม ดาบ คันธนู และเข็มขัดให้ดาวิด (ข้อ 4) ในเวลาต่อมาดาวิดประกาศว่าความรักที่โยนาธานมีต่อตนเองในฐานะเพื่อนนั้นล้ำเลิศ (2ซมอ.1:26)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู ขอพระองค์ทรงช่วยเราสร้างความสัมพันธ์แบบ “ห้องเล่าเรื่อง” ของเราเอง ซึ่งเป็นมิตรภาพที่จะสะท้อนถึงความรักและความห่วงใยเหมือนอย่างพระคริสต์ ให้เราใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ เปิดใจ และดำเนินชีวิตในการสามัคคีธรรมซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงในพระองค์

สร้างใหม่โดยพระคุณ

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีคำใหม่เข้ามาในคำศัพท์ภาพยนตร์ คือคำว่า รีบูท (การสร้างใหม่) ในสำนวนด้านภาพยนตร์ รีบูทคือการนำเรื่องเก่ามาทำใหม่ บางครั้งรีบูทเป็นการนำเรื่องราวที่คุ้นเคยมาเล่าใหม่ เช่น เรื่องซูเปอร์ฮีโร่หรือนิทานสักเรื่อง บางครั้งเป็นการใช้เรื่องราวที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแล้วเล่าใหม่ในรูปแบบใหม่ ในแต่ละกรณีนั้นการรีบูทก็เหมือนกับการทำขึ้นอีกครั้ง มันคือการเริ่มต้นใหม่ เป็นโอกาสที่จะเติมชีวิตใหม่ให้กับสิ่งเก่า

มีอีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรีบูท คือเรื่องราวของพระกิตติคุณ ในเรื่องนี้พระเยซูทรงเชื้อเชิญเราให้มารับการอภัย ตลอดจนชีวิตนิรันดร์และครบบริบูรณ์ (ยน.10:10) และในพระธรรมเพลงคร่ำครวญ เยเรมีย์เตือนเราว่าความรักของพระเจ้าที่ให้กับเรา ทำให้ทุกวันเป็นการ “รีบูท” ในลักษณะต่างๆ “เพราะความรักใหญ่หลวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเราจึงไม่ถูกผลาญทำลายไป เพราะพระเมตตาของพระองค์ไม่เคยยั้งหยุด มีมาใหม่ทุกเช้า ความซื่อสัตย์ของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก” (3:22-23 TNCV)

พระคุณของพระเจ้าเชื้อเชิญให้เราสวมกอดแต่ละวันว่าเป็นเสมือนโอกาสใหม่ที่จะพบความสัตย์ซื่อของพระองค์ ไม่ว่าเรากำลังต่อสู้กับผลจากความผิดของตนเอง หรือเผชิญความทุกข์ยากอื่นๆ พระวิญญาณของพระเจ้าทรงประทานลมหายใจแห่งการอภัย ชีวิตใหม่ และความหวังในทุกเช้าวันใหม่ได้ ทุกวันคือการเริ่มต้นใหม่ในลักษณะต่างๆ เป็นโอกาสที่จะได้ติดตามการทรงนำของผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงผสานเรื่องราวของเราเข้าสู่เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระองค์

รู้จักเสียงของพระเจ้า

ภายหลังการวิจัยเป็นเวลาหลายปี นักวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้ว่าสุนัขป่ามีเสียงจำเพาะที่ช่วยให้พวกมันสื่อสารระหว่างกัน นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งใช้รหัสการวิเคราะห์เสียงพิเศษ ทำให้เธอตระหนักว่าเสียงหอนของสุนัขป่าที่ความดังและระดับเสียงต่างๆ ช่วยให้เธอระบุได้อย่างเจาะจงว่าเป็นสุนัขป่าตัวไหนด้วยความแม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์

พระคัมภีร์ให้ตัวอย่างมากมายของการที่พระเจ้าทรงรู้จักเสียงจำเพาะของสรรพสิ่งทรงสร้างอันเป็นที่รักของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกชื่อโมเสสและตรัสกับท่านโดยตรง (อพย.3:4-6) ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสดุดีประกาศว่า “ข้าพระองค์ร้องทูลพระเจ้า และพระองค์ตรัสตอบข้าพระองค์จากภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์” (สดด.3:4) และอัครทูตเปาโลยังเน้นถึงคุณค่าของการที่คนของพระเจ้ารู้จักเสียงของพระองค์

เมื่อเชิญบรรดาผู้ปกครองชาวเอเฟซัสมา เปาโลกล่าวว่า บัดนี้พระวิญญาณ “พันผูก” ท่าน จึงจำเป็นต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ท่านยืนยันคำมั่นว่าจะทำตามพระสุรเสียงของพระเจ้า แม้ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อท่านไปถึง (กจ. 20:22) อัครทูตเตือนว่าจะมี “สุนัขป่าอันร้าย” ที่จะ “เข้ามา...กล่าวผันแปรความจริง” แม้กระทั่งจากภายในคริสตจักร (ข้อ 29-30) จากนั้นท่านได้หนุนใจบรรดาผู้ปกครองให้พากเพียรในการแยกแยะและรู้จักความจริงของพระเจ้า (ข้อ 31)

ผู้เชื่อในพระเยซูทุกคนมีสิทธิพิเศษที่จะรู้ว่าพระเจ้าทรงฟังและตอบเรา อีกทั้งเรายังมีฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงช่วยเราให้รู้จักพระสุรเสียงของพระเจ้า ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยคำในพระคัมภีร์เสมอ

ทำไมทำเรื่องนี้

ขณะที่ผมกำลังช่วยโลแกนหลานชายที่อยู่ชั้นป. 6 ทำการบ้านพีชคณิตยากๆ เขาเล่าให้ผมฟังถึงความฝันที่จะเป็นวิศวกร หลังจากที่เรากลับมาหาวิธีการจัดการกับค่า x และ y ในการบ้านที่เขาได้รับมอบหมาย เขาถามว่า “ผมจะได้ใช้เรื่องนี้ตอนไหน”

ผมอดยิ้มไม่ได้และพูดว่า “โลแกน นี่คือสิ่งที่หลานจะต้องใช้จริงๆ ถ้าจะเป็นวิศวกร!” เขาไม่ได้ตระหนักถึงความเกี่ยวข้องระหว่างพีชคณิตกับอนาคตที่เขาคาดหวังบางครั้งเราก็มองพระคัมภีร์แบบนั้น เมื่อเราฟังคำเทศนาและอ่านพระคัมภีร์ตอนต่างๆ เราอาจคิดว่า “ฉันจะได้ใช้เรื่องนี้ตอนไหน” ดาวิดผู้เขียนพระธรรมสดุดีมีคำตอบบางประการ ท่านกล่าวว่าความจริงของพระเจ้าที่พบในพระคัมภีร์มีผลในการ “ฟื้นฟูจิตวิญญาณ” “ทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา” และ “กระทำให้จิตใจเปรมปรีดิ์” (สดด.19:7-8) สติปัญญาของพระคัมภีร์ที่พบในพระธรรมห้าเล่มแรกตามที่กล่าวไว้ในสดุดี 19 (ตลอดจนพระคัมภีร์ทั้งหมด) ช่วยเราเมื่อเราพึ่งพาการทรงนำของพระวิญญาณในแต่ละวัน (สภษ.2:6)

และถ้าปราศจากพระคัมภีร์ เราจะขาดวิธีการสำคัญยิ่งยวดที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้เพื่อให้เรามีประสบการณ์ในพระองค์ และรู้จักความรักและวิธีการของพระองค์ได้ดียิ่งขึ้น ทำไมต้องศึกษาพระคัมภีร์ เพราะ “พระบัญญัติของพระเจ้านั้นบริสุทธิ์ กระทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง” (สดด.19:8)

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา