การย้ายบ้านเป็นหนึ่งในความเครียดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เราย้ายมาที่บ้านหลังปัจจุบันหลังจากที่ฉันอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมมาเกือบยี่สิบปี ฉันอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านหลังแรกเป็นเวลาแปดปีก่อนจะแต่งงาน จากนั้นสามีของฉันก็ย้ายเข้ามาพร้อมกับข้าวของทุกอย่างของเขา ต่อมาเรามีลูกเพิ่มขึ้นอีกคนและนั่นหมายถึงข้าวของที่เพิ่มมากขึ้น

วันที่เราย้ายเข้าบ้านใหม่ก็ยังเกิดเรื่องขึ้น ห้านาทีก่อนที่รถขนย้ายจะมาถึง ฉันยังคงเขียนต้นฉบับหนังสือให้เสร็จ และบ้านใหม่มีบันไดอยู่หลายจุด จึงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นสองเท่าและจำนวนคนขนย้ายมากเป็นสองเท่าจากแผนที่วางไว้

แต่ฉันก็ไม่รู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วฉันก็คิดขึ้นได้ว่า ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเขียนหนังสือให้เสร็จ ซึ่งเป็นเล่มที่อัดแน่นด้วยข้อพระคัมภีร์และแนวคิดของพระคัมภีร์ โดยพระคุณของพระเจ้าทำให้ฉันได้อ่านพระคัมภีร์อย่างถี่ถ้วน อธิษฐาน และเขียนเพื่อให้ทันกำหนดส่ง ดังนั้นฉันเชื่อว่ากุญแจสำคัญคือการที่ฉันได้ดำดิ่งลงไปในข้อพระคัมภีร์และในการอธิษฐาน

เปาโลกล่าวว่า “อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ” (ฟป.4:6) เมื่อเราอธิษฐานและ “ชื่นชมยินดี” ในพระเจ้า (ข้อ 4) เราก็จะหันความคิดออกจากปัญหามาจดจ่อที่องค์พระผู้ทรงจัดเตรียม เราอาจกำลังขอให้พระเจ้าทรงช่วยเราจัดการกับสิ่งที่ก่อให้เกิดความเครียด แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยึดโยงอยู่กับพระองค์ผู้ทรงสามารถประทานสันติสุข “ซึ่งเกินความเข้าใจ” (ข้อ 7) ให้กับเรา