Month: กุมภาพันธ์ 2023

การฟื้นฟูมาถึง

อารุคุนเป็นเมืองเล็กๆทางตอนเหนือของออสเตรเลีย ประชากรเป็นชาวอะบอริจินจากเจ็ดเผ่า แม้ข่าวประเสริฐจะมาถึงอารุคุนตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว แต่บางครั้งการแก้แค้นแบบตาต่อตาก็ยังมีอยู่ ในปี 2015 ความขัดแย้งระหว่างเผ่ารุนแรงขึ้น และเมื่อเกิดการฆาตกรรมก็จะต้องชดใช้ด้วยการตายของใครสักคนจากครอบครัวผู้ก่อเหตุ

แต่สิ่งที่น่าทึ่งเกิดขึ้นตอนต้นปี 2016 ชาวอารุคุนเริ่มแสวงหาพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน ตามด้วยการกลับใจ และการรับบัพติศมาครั้งใหญ่ ในขณะที่การฟื้นฟูเริ่มกระจายไปทั่วเมืองแห่งนี้ ผู้คนต่างชื่นชมยินดี พวกเขาเต้นรำบนถนน ครอบครัวของชายที่ถูกฆ่าให้อภัยเผ่าที่ก่อเหตุแทนการชดใช้ด้วยความตาย ไม่นานก็มี 1,000 คนมาคริสตจักรทุกอาทิตย์ในเมืองที่มีประชากรเพียง 1,300 คน!

เราเห็นการฟื้นฟูเช่นเดียวกันนี้ในพระคัมภีร์ ในสมัยของเฮเซคียาห์เมื่อประชากรกลับมาหาพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี (2 พศด.30) และในวันเพ็นเทคอสต์ที่มีหลายพันคนกลับใจ (กจ.2:38-47) ขณะที่การฟื้นฟูคืองานของพระเจ้า ซึ่งสำเร็จในเวลาของพระองค์ แต่ประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่ามันเริ่มจากการอธิษฐาน “ถ้าประชากรของเรา...จะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา” พระเจ้าตรัสแก่ซาโลมอน “เรา...จะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย” (2 พศด.7:14)

เช่นที่ชาวอารุคุนพบว่าการฟื้นฟูได้นำความสุขและการคืนดีมาสู่เมืองเมืองของเราก็ต้องการการพลิกฟื้นนี้เช่นกัน! พระบิดา โปรดนำการฟื้นฟูมายังเราด้วยเถิด

การ์ดคำอธิษฐาน

ระหว่างงานประชุมด้านการเขียนซึ่งฉันรับหน้าที่เป็นหนึ่งในวิทยากร แทมมี่ยื่นโปสการ์ดซึ่งเขียนคำอธิษฐานด้วยลายมือไว้ด้านหลังให้กับฉัน เธออธิบายว่าได้อ่านประวัติวิทยากรทุกคนแล้วจึงเขียนคำอธิษฐานที่เจาะจงลงบนการ์ดแต่ละใบ เธออธิษฐานไปด้วยขณะมอบการ์ดเหล่านั้นให้เรา ฉันประทับใจรายละเอียดในข้อความส่วนตัวที่เธอเขียนให้ฉันและขอบคุณพระเจ้าที่หนุนใจฉันผ่านการกระทำของแทมมี่ จากนั้นฉันก็อธิษฐานเผื่อเธอกลับไป เมื่อฉันต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าระหว่างประชุม ฉันจะเอาโปสการ์ดออกมา พระเจ้าทรงฟื้นจิตวิญญาณของฉันขณะอ่านข้อความของแทมมี่อีกครั้ง

อัครทูตเปาโลตระหนักว่าคำอธิษฐานเพื่อผู้อื่นนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิต ท่านเตือนผู้เชื่อให้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ “กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (อฟ.6:12) ท่านหนุนใจให้อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอและเจาะจง ขณะเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแทรกแซงเพื่อกันและกันด้วยสิ่งที่เราเรียกว่าการอธิษฐานวิงวอน เปาโลยังขอให้อธิษฐานอย่างกล้าหาญเพื่อท่านด้วย “อธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อจะทรงประทานให้ข้าพเจ้ามีคำพูดและเกิดใจกล้า ประกาศและสำแดงข้อลับลึกแห่งข่าวประเสริฐได้ เพราะข่าวประเสริฐนี้เองทำให้ข้าพเจ้าเป็นทูตผู้ต้องติดโซ่อยู่” (ข้อ 19-20)

ขณะที่เราอธิษฐานเผื่อกันและกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงปลอบประโลมและเสริมความเชื่อมั่นให้แก่เรา พระองค์ยืนยันว่าเราต้องการพระองค์และกันและกัน ทรงรับรองกับเราว่าพระองค์ได้ยินทุกคำอธิษฐาน ไม่ว่าจะอธิษฐานอย่างเงียบๆ ออกเสียง หรือเขียนลงบนการ์ดอธิษฐาน และพระองค์ทรงตอบตามน้ำพระทัยอันดีเลิศของพระองค์

ชำระอย่างหมดจด

ไม่นานมานี้ผมกับภรรยาทำความสะอาดบ้านก่อนที่จะมีแขกเข้ามาพัก ผมสังเกตเห็นคราบดำบนพื้นกระเบื้องสีขาวในห้องครัวแบบที่ต้องคุกเข่าลงไปเพื่อขัดออก

แต่ไม่นานผมก็รู้สึกตัวว่า ยิ่งขัดไปผมก็ยิ่งสังเกตเห็นคราบอื่นๆอีก แต่ละคราบที่ขัดออกไปมีแต่จะทำให้คราบอื่นเห็นชัดขึ้น ทันใดนั้นดูเหมือนว่าพื้นครัวของเราช่างสกปรกอย่างเหลือเชื่อ และในการขัดแต่ละครั้งผมก็ตระหนักว่า ไม่ว่าผมจะทำงานหนักเพียงใด ก็ไม่มีทางทำให้พื้นนี้สะอาดได้อย่างหมดจด

พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องที่คล้ายกันของการชำระตน ความพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการกับความบาปด้วยตัวเราเองมักล้มเหลวเสมอ แม้จะเคยประสบกับการช่วยกู้ของพระองค์ แต่ดูเหมือนผู้เผยพระวจนะอิสยาห์จะสิ้นหวังกับชนชาติอิสราเอลประชากรของพระเจ้าแล้ว (อสย.64:5) ท่านเขียนว่า “ข้าพระองค์ทุกคนได้กลายเป็นเหมือนคนที่ไม่สะอาด และการกระทำอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งสิ้น เหมือนเสื้อผ้าที่สกปรก” (ข้อ 6)

แต่อิสยาห์รู้ว่ายังมีหวังในความชอบธรรมของพระเจ้าเสมอ ท่านจึงอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์ยังทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น” (ข้อ 8) ท่านรู้ว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถชำระล้างในสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ จนกว่าคราบฝังแน่นที่สุดจะ “ขาวอย่างหิมะ” (1:18)

เราไม่สามารถขจัดคราบและรอยเปื้อนของความบาปบนจิตวิญญาณของเราได้ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เราสามารถรับเอาความรอดในพระองค์ผู้ทรงเสียสละ เพื่อทำให้เราได้รับการชำระอย่างหมดจด (1 ยน.1:7)

สะท้อนความสว่างของพระองค์

เพื่อจะถ่ายทอดความงดงามของแสงสะท้อนในภาพวาดทิวทัศน์สีน้ำมัน จิตรกรอาร์มันด์ คาเบรร่านำหลักการสำคัญของศิลปะมาใช้คือ “แสงสะท้อนจะต้องไม่สว่างกว่าแหล่งกำเนิดแสง” เขาสังเกตว่าจิตรกรมือใหม่มักจะวาดแสงสะท้อนเกินจริง เขาบอกว่า “แสงสะท้อนอยู่ในส่วนของเงา ดังนั้นมันจะต้องส่งเสริมไม่ใช่เด่นกว่าพื้นที่ที่มีแสงสว่างในภาพวาดของคุณ”

เราได้ยินถึงสติปัญญาที่คล้ายกันนี้ในพระคัมภีร์ ที่บอกว่าพระเยซูทรงเป็น “ความสว่างของมนุษย์” (ยน.1:4) ยอห์นผู้ให้บัพติศมา “มาเพื่อเป็นสักขีพยาน เพื่อเป็นพยานให้แก่ความสว่างนั้น เพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน” (ข้อ 7) ผู้เขียนพระกิตติคุณบอกเราว่า “ท่าน [ยอห์น] ไม่ใช่ความสว่างนั้น แต่ท่านมาเพื่อเป็นพยานให้แก่ความสว่างนั้น” (ข้อ 8)

เช่นเดียวกับยอห์น พระเจ้าทรงเลือกเราให้สะท้อนถึงความสว่างของพระคริสต์แก่ผู้ที่ดำเนินชีวิตในเงามืดของโลกที่ไม่เชื่อนี้ นี่คือบทบาทของเรา ดังที่มีผู้กล่าวไว้ว่า “อาจเป็นเพราะผู้ที่ไม่เชื่อไม่สามารถทนต่อรัศมีอันเจิดจ้าในความสว่างของพระองค์ได้โดยตรง”

คาเบรร่าสอนนักเรียนศิลปะของเขาว่า “สิ่งใดก็ตามที่โดนแสงตกกระทบโดยตรงในภาพจะกลายเป็นแหล่งกำเนิดแสงด้วยตัวของมันเอง” เช่นเดียวกับที่พระเยซูทรงเป็น “ความสว่างแท้ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเห็นความจริง” (ข้อ 9) เราก็สามารถส่องสว่างในฐานะพยาน เมื่อเราสะท้อนพระองค์ ขอให้โลกนี้อัศจรรย์ใจที่ได้เห็นพระสิริของพระองค์ส่องผ่านทางเรา

ลูกขุนหมายเลข 8

“ชายคนหนึ่งเสียชีวิต ส่วนชายอีกคนชีวิตก็อยู่บนเส้นด้าย” ผู้พิพากษากล่าวอย่างเคร่งขรึมในภาพยนตร์คลาสสิคปี 1957 เรื่อง 12 คนพิพากษา พยานหลักฐานมากมายชี้ไปยังผู้ต้องสงสัยอายุน้อย แต่ระหว่างพิจารณาคดี ความไม่ลงรอยกันในคณะลูกขุนก็ปะทุขึ้น ลูกขุนหมายเลข 8 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 คนตัดสินว่า “ไร้ความผิด” ตามมาด้วยการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อน ลูกขุนเพียงหนึ่งเดียวถูกล้อเลียนเมื่อเขาชี้ให้เห็นถึงความคลาดเคลื่อนของคำให้การ เมื่อความตึงเครียดพุ่งทะยาน สมาชิกคณะลูกขุนหลายคนก็ได้เผยให้เห็นทัศนคติที่มีอคติและความรุนแรงออกมา คณะลูกขุนจึงได้ทยอยเปลี่ยนคำตัดสินทีละคนเป็นไร้ความผิด

เมื่อพระเจ้าประทานคำแนะนำแก่ชนชาติอิสราเอลใหม่ พระองค์เน้นย้ำให้กล้ายืนหยัดเพื่อความถูกต้อง “เมื่อเจ้าเป็นพยานในคดีความ” พระเจ้าตรัส “อย่าบิดเบือนความยุติธรรมโดยเข้าข้างคนหมู่มาก” (อพย.23:2 TNCV) ที่น่าสนใจคือศาลก็ต้องไม่ “ลำเอียงเข้าข้างคนจน” (ข้อ 3) หรือ “บิดเบือนคำพิพากษาให้ผิดไปจากความยุติธรรมที่คนจนควรได้รับ” (ข้อ 6) พระเจ้าองค์พิพากษาผู้เที่ยงธรรมทรงปรารถนาให้เรากระทำทุกอย่างด้วยความซื่อตรง

ในภาพยนตร์ 12 คนพิพากษา ลูกขุนคนที่สองที่ตัดสินว่าไร้ความผิดกล่าวกับคนแรกว่า “ไม่ง่ายเลยที่จะยืนหยัดเพียงลำพังต่อการเย้ยหยันของผู้อื่น” แต่นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าปรารถนา ลูกขุนหมายเลข 8 มองเห็นหลักฐานที่แท้จริงเช่นเดียวกับที่เห็นความเป็นมนุษย์ปุถุชนในตัวผู้พิจารณาคดีแต่ละคน ด้วยการทรงนำอย่างอ่อนสุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราก็สามารถยืนหยัดเพื่อความจริงของพระเจ้าและพูดแทนผู้ที่ไร้อำนาจได้เช่นกัน

ความรักอันเปรมปรีดิ์

เบร็นแดนและเคธี่ยิ้มกว้างให้แก่กัน เมื่อมองดูความปลื้มปีติบนใบหน้าของพวกเขาแล้ว คุณจะคาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาต้องปรับเปลี่ยนแผนการแต่งงานมากมายด้วยความยากลำบากเพราะข้อบังคับของโรคโควิด 19 แม้จะมีสมาชิกครอบครัวเข้าร่วมเพียง 25 คน แต่สันติสุขและความชื่นชมยินดีกลับเปล่งประกายจากทั้งคู่ขณะที่พวกเขากล่าวคำปฏิญาณเพราะความรักที่พวกเขามีให้กัน และแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีต่อความรักของพระเจ้าที่ค้ำจุนพวกเขา

ภาพของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ปีติยินดีในกันและกันเป็นภาพที่ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ใช้ เพื่ออธิบายความยินดีและความรักของพระเจ้าที่มีต่อประชากรของพระองค์ ในบทกวีอันไพเราะที่อธิบายการช่วยกู้ที่พระเจ้าทรงสัญญานั้นอิสยาห์ย้ำเตือนผู้อ่านว่า การช่วยกู้ที่พระเจ้ามอบให้พวกเขานั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของการอาศัยอยู่ในโลกที่แตกสลายนี้ เพื่อเล้าโลมคนที่ชอกช้ำระกำใจ นำความชื่นชมยินดีมาสู่ผู้ไว้ทุกข์ และการจัดเตรียมสำหรับผู้ขาดแคลน (อสย.61:1-3) เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยินดีในความรักซึ่งกันและกันฉันใด พระเจ้าทรงเสนอความช่วยเหลือแก่คนของพระองค์เพราะ “พระเจ้าของเจ้าจะเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าฉันนั้น” (62:5)

ความจริงอันอัศจรรย์คือพระเจ้าทรงชื่นชมยินดีในพวกเราและต้องการมีความสัมพันธ์กับเรา แม้ในยามที่เราลำบากเพราะผลจากการอาศัยอยู่ในโลกที่แตกสลาย เรายังคงมีพระเจ้าที่รักเรา ไม่ใช่ด้วยความขมขื่นใจ แต่ด้วยความชื่นชมยินดี ด้วยความรักมั่นคงที่ “ดำรงเป็นนิตย์” (สดด.136:1)

ในยามที่คับแค้นใจ

หลายปีที่แล้วเพื่อนคนหนึ่งบอกผมว่า เธอรู้สึกกลัวมากขณะพยายามจะข้ามถนนที่ตัดกันหลายสาย “ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย ทุกอย่างที่ฉันถูกสอนมาเกี่ยวกับการข้ามถนนดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เลย ฉันกลัวมากจนต้องยืนรอรถโดยสารอยู่ตรงหัวมุมถนน และขอคนขับที่จะกรุณาให้ฉันนั่งไปลงที่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะเรียนรู้วิธีข้ามทางแยกนี้ได้สำเร็จ ทั้งในฐานะคนเดินถนนและคนขับรถในเวลาต่อมา”

เช่นเดียวกับความซับซ้อนของแยกถนนที่อันตราย การหาวิธีจัดการกับชีวิตที่มีความซับซ้อนอาจเป็นเรื่องอันตรายยิ่งกว่า แม้สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงของผู้เขียนพระธรรมสดุดีในบทที่ 118 จะมีความไม่แน่นอน แต่เราก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากและควรจะต้องอธิษฐาน ผู้เขียนสดุดีร้องทูลว่า “ข้าพเจ้าได้ร้องทูลพระเจ้า จากที่คับแค้นใจของข้าพเจ้า” (ข้อ 5) และความมั่นใจในพระเจ้าของท่านไม่ได้ผิดไป “มีพระเจ้าอยู่ฝ่ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่กลัว...พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายข้าพเจ้า เป็นผู้ทรงช่วยข้าพเจ้า” (ข้อ 6-7)

ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่เราจะรู้สึกกลัวเมื่อต้องเปลี่ยนงาน เปลี่ยนโรงเรียนหรือย้ายบ้าน ความวิตกกังวลเกิดขึ้นเมื่อสุขภาพย่ำแย่ ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป หรือสูญเสียทรัพย์สิน แต่ความท้าทายเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าพระเจ้าทรงทอดทิ้งเรา ในยามที่คับแค้นใจ ขอให้เรายิ่งเข้าไปสู่การทรงสถิตของพระองค์ด้วยคำอธิษฐาน

ข้อมูลและหลักฐาน

เมื่อดอริส เคินส์ กู๊ดวินตัดสินใจเขียนหนังสือเกี่ยวกับอับราฮัม ลินคอล์นความจริงที่ว่ามีหนังสือกว่า 14,000 เล่มถูกเขียนขึ้นเกี่ยวกับประธานาธิบดีคนที่ 16 ของอเมริกาอยู่แล้วทำให้เธอรู้สึกกลัว จะมีอะไรเหลือให้เขียนเกี่ยวกับผู้นำอันเป็นที่รักคนนี้อีกล่ะ ด้วยความไม่ลดละ การทำงานของกู๊ดวินกลายมาเป็นหนังสือ ทีมคู่แข่ง: อัจฉริยะทางการเมืองของอับราฮัม ลินคอล์น แง่มุมใหม่ของเธอเกี่ยวกับรูปแบบการเป็นผู้นำของลินคอล์นทำให้หนังสือมียอดรีวิวและติดอันดับต้นๆ

อัครสาวกยอห์นเจอกับความท้าทายที่ต่างออกไปขณะที่ท่านบันทึกพระราชกิจและความรักอันร้อนรนของพระเยซู ประโยคสุดท้ายในพระธรรมยอห์นกล่าวว่า “มีอีกหลายสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำ ถ้าจะเขียนไว้ให้หมดทุกสิ่ง ข้าพเจ้าคาดว่าแม้หมดทั้งโลกก็น่าจะไม่พอไว้หนังสือที่จะเขียนนั้น” (ยน.21:25) ยอห์นมีข้อมูลมากเกินกว่าที่ท่านจะใช้หมด!

ดังนั้นยอห์นจึงใช้ยุทธวิธีที่เน้นแค่การอัศจรรย์ (หมายสำคัญ) เพียงไม่กี่อย่างซึ่งสนับสนุนสิ่งที่พระเยซูทรงบอกว่า “เราเป็น” ในตลอดหนังสือของท่าน แต่เบื้องหลังยุทธวิธีนี้ก็คือเป้าหมายนิรันดร์ที่ว่า “การที่ได้บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้ว ท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์” (ข้อ 31) ด้วยหลักฐานจำนวนมากที่กองสูงเท่าภูเขา ยอห์นได้ให้เหตุผลเอาไว้มากมายที่จะเชื่อในพระเยซู แล้วคุณจะบอกใครถึงเรื่องราวของพระองค์ได้บ้างในวันนี้

ของขวัญที่ไม่สมควรได้รับ

ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เพื่อนมอบของขวัญให้เมื่อไม่นานมานี้ ฉันไม่คิดว่าตัวเองสมควรได้รับของขวัญที่ดีแบบนั้นจากเธอ เธอส่งมาให้หลังจากได้ยินว่าฉันกำลังเครียดในเรื่องงาน แต่เธอก็กำลังเผชิญกับความเครียดไม่แพ้กันหรืออาจมากกว่าฉันด้วยซำ้ จากพ่อแม่วัยชรา ลูกๆที่ท้าทาย ความวุ่นวายที่ทำงาน และความตึงเครียดในชีวิตแต่งงาน ฉันไม่อยากเชื่อว่าเธอนึกถึงฉันก่อนตัวเธอเอง และของขวัญธรรมดาของเธอนั้นทำให้ฉันน้ำตาไหล

ในความจริงแล้วเราล้วนเป็นผู้ที่ได้รับของขวัญซึ่งเราไม่มีวันจะคู่ควร เปาโลกล่าวว่า “พระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” (1 ทธ.1:15) แม้ว่าท่านจะ “เคยเป็นคนหลู่พระเกียรติ ข่มเหง และทำการหมิ่นประมาท...พระคุณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้น มีมากเหลือล้นสำหรับข้าพเจ้า”​ (ข้อ13-14) การคืนพระชนม์ของพระเยซูทำให้เปาโลเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงของขวัญแห่งพระคุณที่ไม่ต้องจ่ายราคา ผลก็คือ ท่านเรียนรู้ความหมายของการเป็นผู้รับของขวัญที่ไม่คู่ควรนั้น และท่านกลายมาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังแห่งความรักของพระเจ้า และบอกคนมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าได้ทำเพื่อท่าน

เราได้รับความรักแทนการกล่าวโทษและพระเมตตาแทนการตัดสินโดยผ่านทางพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น ในวันนี้ให้เราเฉลิมฉลองพระคุณที่เราไม่สมควรได้รับซึ่งพระเจ้าทรงมอบให้ และคอยมองหาหนทางที่จะสำแดงพระคุณนั้นต่อผู้อื่น

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา