Month: ตุลาคม 2022

โอกาสที่จะส่องสว่าง

ในเดือนมีนาคมปี 2020 ขณะกำลังพาสุนัขไปเดินเล่นที่สวนเซ็นทรัลพาร์คในนครนิวยอร์ก วิทนี่ย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่เกษียณแล้วมองเห็นรถบรรทุก กองผ้าใบ และเต็นท์สีขาวหลายหลัง สิ่งของเหล่านั้นมีรูปกางเขนและชื่อองค์กรการกุศลที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน เมื่อพบว่าคนกลุ่มนี้กำลังสร้างโรงพยาบาลสนามเพื่อเพื่อนพ้องชาวนิวยอร์กที่ติดเชื้อโควิด 19 เขาจึงขอที่จะมีส่วนช่วยด้วย แม้มีความเชื่อและทัศนะทางการเมืองต่างกัน แต่เขาและครอบครัวก็เข้าร่วมในทุกที่ที่ทำได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ วิทนี่ย์กล่าวว่า “ทุกคนที่ผมได้พบเป็นคนดีจริงๆ” และเขาชื่นชมในความจริงที่ว่าไม่มีใครจ้างคนเหล่านั้นให้ “ช่วยเมืองของผมในยามที่เราต้องการอย่างสุดซึ้ง”

เพื่อตอบสนองความต้องการมหาศาลที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา ผู้มีส่วนร่วมต่างๆที่ดูไม่น่าเป็นไปได้ ได้มาร่วมรับใช้ด้วยกัน และผู้เชื่อในพระเยซูได้รับโอกาสใหม่ๆในการแบ่งปันความสว่างของพระคริสต์กับผู้อื่น พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกในคำเทศนาบนภูเขาว่า “จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อ...เขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ” (มธ.5:16) เราส่องความสว่างของพระคริสต์โดยให้พระวิญญาณทรงนำเราในความรัก ในความดี และในคำพูดและการกระทำที่ดีงาม (ดู กท.5:22-23) เมื่อเรายอมให้ความสว่างที่เราได้รับจากพระเยซูส่องสว่างในชีวิตประจำวันของเราอย่างชัดเจน เราก็ “สรรเสริญพระบิดา [ของเรา]ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์” (มธ.5:16)

ในวันนี้และทุกวันขอให้เราส่องสว่างเพื่อพระคริสต์ ขณะที่พระองค์ทรงช่วยให้เราเป็นเกลือและแสงสว่างในโลกที่ต้องการพระองค์อย่างที่สุด

หวังในพระเจ้า

เมื่อใกล้ถึงเทศกาลวันหยุด การจัดส่งพัสดุล่าช้าเนื่องจากคำสั่งซื้อออนไลน์หลั่งไหลเข้ามามากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน ฉันจำได้ถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวชอบที่จะไปที่ร้านและซื้อสินค้ามากกว่า เพราะรู้ว่าเราแทบจะควบคุมความรวดเร็วในการจัดส่งพัสดุไม่ได้ แต่เมื่อแม่ของฉันลงทะเบียนแบบจัดส่งด่วน ความคาดหวังนี้ก็เปลี่ยนไป ด้วยการรับประกันการจัดส่งภายใน 2 วันเราจึงคุ้นชินกับการรับพัสดุที่รวดเร็ว และเรากลายเป็นคนรู้สึกหงุดหงิดกับความล่าช้า

เราอาศัยอยู่ในโลกที่คุ้นชินกับสิ่งที่ให้ความพอใจในทันที และการรอคอยอาจเป็นเรื่องยาก แต่ในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ ความอดทนยังคงได้รับรางวัล ในช่วงเวลาที่เขียนพระธรรมเพลงคร่ำครวญ ชนอิสราเอลกำลังคร่ำครวญถึงความพินาศของกรุงเยรูซาเล็มโดยกองทัพบาบิโลน และพวกเขาเผชิญความทุกข์ยากหลายวาระด้วยกัน แต่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ผู้เขียนยืนยัน
อย่างกล้าหาญเพราะท่านเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะทรงตอบสนองความต้องการของท่าน ท่านจะรอคอยพระองค์ (พคค.3:24) พระเจ้าทรงรู้ว่าเรามีแนวโน้มที่จะเป็นทุกข์เมื่อการตอบคำอธิษฐานของเราล่าช้า พระคัมภีร์หนุนใจโดยเตือนเราให้รอคอยพระเจ้า เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกสูญสิ้นหรือเป็นทุกข์เพราะ “พระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด” (ข้อ 22) แต่ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราสามารถ “สงบ... และเพียรรอคอยพระองค์อยู่” (สดด.37:7) ขอให้เรารอคอยพระเจ้า วางใจในความรักและความสัตย์ซื่อของพระองค์ แม้ในขณะที่เราปล้ำสู้กับความปรารถนาและคำอธิษฐานที่ไม่ได้รับคำตอบ

เมื่อความอ่อนแอคือกำลัง

ดรูว์ถูกจำคุกเป็นเวลาสองปีเพราะเขารับใช้พระเยซู เขาเคยอ่านเรื่องราวของเหล่ามิชชันนารีผู้ชื่นชมยินดีในทุกเวลาแม้ถูกจองจำ แต่เขายอมรับว่านี่ไม่ใช่ประสบการณ์ของตนเอง เขาบอกภรรยาว่าพระเจ้าทรงเลือกผิดคนให้มาทนทุกข์เพื่อพระองค์ เธอตอบว่า “ไม่ ฉันเชื่อว่าพระองค์น่าจะทรงเลือกถูกคนแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

ดรูว์อาจเปรียบได้กับผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ซึ่งรับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ โดยเตือนคนยูดาห์ว่าพระเจ้าจะทรงลงโทษพวกเขาเนื่องด้วยความบาปที่ทำ แต่การพิพากษาของพระเจ้ายังมาไม่ถึง พวกผู้นำยูดาห์จึงเฆี่ยนตีท่านและจับท่านใส่ขื่อไว้ ท่านกล่าวโทษพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงหลอกลวงข้าพระองค์” (ข้อ 7) ท่านเข้าใจว่าพระเจ้าทรงล้มเหลวที่จะช่วยกู้ พระวจนะของพระองค์ได้แต่ “เป็นเหตุให้ข้าพระองค์เป็นที่ตำหนิและเยาะเย้ยตลอดวัน” (ข้อ8) “ขออย่าให้วันที่ข้าพเจ้าเกิดมานั้นรับพร” เยเรมีย์กล่าว “ทำไมข้าพเจ้าจึงออกมาจากครรภ์ มาเห็นความลำบากและความทุกข์ และวันคืนของข้าพเจ้าก็สิ้นเปลืองไปด้วยความอับอาย” (ข้อ 14, 18)

ในที่สุดดรูว์ก็ได้รับการปล่อยตัว แต่จากการทดสอบอย่างทรหดที่สุดเขาจึงเริ่มเข้าใจว่าบางทีพระเจ้าทรงเลือกเขาเหมือนที่ทรงเลือกเยเรมีย์ เพราะเขาอ่อนแอ หากเขาและเยเรมีย์เป็นคนเข้มแข็งโดยธรรมชาติ พวกเขาอาจได้รับคำชมในความสำเร็จที่เกิดขึ้น แต่ถ้าธรรมชาติของพวกเขาเป็นคนอ่อนแอ สง่าราศีทั้งสิ้นในความบากบั่นของพวกเขาก็จะเป็นของพระเจ้า (1 คร.1:26-31) ความอ่อนแอทำให้เขาเป็นคนซึ่งเหมาะสมที่พระเยซูจะทรงใช้

เพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ

ในปี 1916 เนลสันเพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์ในรัฐเวอร์จิเนียบ้านเกิด และต่อมาในปีนั้น เขาและเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานกันได้หกเดือนก็เดินทางมาถึงประเทศจีน ในวัย 22 เขาเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลเลิฟแอนด์เมอร์ซี่ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในพื้นที่ที่มีชาวจีนอย่างน้อยสองล้านคน เขากับครอบครัวอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่า 24 ปี ดูแลโรงพยาบาล ผ่าตัดและแบ่งปันข่าวประเสริฐกับคนเป็นพันๆ จากที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า “มารร้ายจากต่างแดน” โดยพวกคนที่ไม่ไว้ใจคนต่างชาติ เขาได้กลายเป็นที่รู้จักต่อมาในนาม “เบลล์ผู้เป็นที่รักของคนจีน” และรูธลูกสาวของเขาได้แต่งงานกับบิลลี่ เกรแฮมผู้ประกาศข่าวประเสริฐในเวลาต่อมา

แม้ว่าเนลสันเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งกาจและเป็นครูสอนพระคัมภีร์ แต่ไม่ใช่เพราะทักษะของเขาที่ดึงดูดคนจำนวนมากมาหาพระเยซู หากแต่เป็นอุปนิสัยและรูปแบบการดำเนินชีวิตตามข่าวประเสริฐนั้น ในจดหมายที่เปาโลเขียนถึงทิตัสซึ่งเป็นคนต่างชาติและผู้นำวัยหนุ่มที่ดูแลคริสตจักรในเกาะครีต อัครทูตกล่าวว่าการดำเนินชีวิตเหมือนพระคริสต์เป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้ข่าวประเสริฐนั้น “น่าเลื่อมใส” (ทต.2:10 TNCV) กระนั้นเราไม่ได้ทำสิ่งนี้ด้วยกำลังของเราเอง พระคุณของพระเจ้าช่วยให้เราดำเนินชีวิตที่ “รู้จักควบคุมตัวเอง เป็นคนยุติธรรมและอยู่ในทางพระเจ้า” (ข้อ 12) ซึ่งสะท้อนความจริงแห่งความเชื่อของเรา (ข้อ 1)

ผู้คนมากมายรอบตัวเรายังไม่รู้จักข่าวประเสริฐของพระคริสต์ แต่พวกเขารู้จักเรา ขอพระองค์ทรงช่วยเราให้สะท้อนและสำแดงถึงข่าวสารของพระองค์ด้วยวิธีที่น่าเลื่อมใสในทุกๆทาง

เสมือนพี่น้องชายหญิง

เมื่อผู้นำขอให้ผมพูดกับคาเรนเป็นการส่วนตัว ผมพบเธอในห้องให้คำปรึกษา เธอตาแดงและน้ำตาอาบแก้ม คาเรนวัย 42 ปีปรารถนาที่จะแต่งงาน และเวลานี้ชายคนหนึ่งแสดงความสนใจในตัวเธอ แต่เขาเป็นเจ้านายของเธอและมีภรรยาแล้ว

เพราะมีพี่ชายที่กลั่นแกล้งเธออย่างโหดร้ายและพ่อที่ไร้ความรัก คาเรนรู้ตัวว่าเธออ่อนไหวง่ายต่อการเข้าหาของผู้ชาย การฟื้นฟูความเชื่ออีกครั้งทำให้เธอมีขอบเขตที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิต แต่ความปรารถนาของเธอยังคงอยู่ และแสงอันริบหรี่ของความรักซึ่งเธอไม่อาจมีได้นี้ช่างทุกข์ทรมาน

หลังการพูดคุย ผมกับคาเรนก้มศีรษะลง และในคำอธิษฐานจากใจจริงและกอปรด้วยฤทธิ์เดช คาเรนได้สารภาพสิ่งยั่วยวนใจ สั่งผูกมัดการละเมิดของเจ้านาย ทูลมอบความปรารถนาที่มีไว้กับพระเจ้าและออกจากห้องไปอย่างโล่งใจ

วันนั้นผมตระหนักถึงคำแนะนำชาญฉลาดของเปาโล ที่ให้ปฏิบัติต่อกันเสมือนพี่น้องชายหญิงในความเชื่อ (1 ทธ.5:1-2) วิธีที่เรามองผู้คนเป็นตัวกำหนดวิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา และในโลกที่ไวในการมองคนอื่นเป็นวัตถุและเรื่องทางเพศ การมองเพศตรงข้ามเสมือนเป็นคนในครอบครัวจะช่วยให้เราปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความห่วงใยและเหมาะสม ความเป็นพี่น้องที่เข้มแข็งจะไม่ล่วงละเมิดหรือล่อลวงกัน

การรู้จักแต่ผู้ชายที่ดูหมิ่น ใช้ประโยชน์หรือเมินเฉยต่อเธอ คาเรนจึงต้องการคนที่เธอสามารถพูดคุยกันแบบพี่น้องชายหญิง ความงดงามของข่าวประเสริฐคือการมอบพี่น้องใหม่แก่เรา เพื่อช่วยเราในการเผชิญปัญหาชีวิต

ผู้เข้าทดสอบ

ผู้เข้าทดสอบ เป็นหนังสือบันทึกเรื่องราวชีวิตที่ตราตรึงใจของเบน มัลคอล์มสัน นักศึกษาผู้ไม่มีประสบการณ์ด้านฟุตบอลเลย ซึ่งได้กลายเป็น “ผู้เข้ารับการทดสอบ” (ผู้เล่นที่ไม่ได้รับคัดเลือก) ในทีมชนะเลิศการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลปี 2007 ของมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์นแคลิฟอร์เนีย ในฐานะนักข่าวของมหาวิทยาลัย มัลคอล์มสันตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องราวของกระบวนการทดสอบอันแสนทรหดจากประสบการณ์ตรง เขาแทบไม่เชื่อที่ตัวเองได้รับตำแหน่งอันเป็นที่ปรารถนาในทีม

เมื่อได้เข้าร่วมทีม ความเชื่อของมัลคอล์มสันผลักดันให้เขาค้นหาพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับโอกาสที่คาดไม่ถึงนี้ แต่การที่เพื่อนร่วมทีมไม่สนใจจะพูดคุยเรื่องความเชื่อทำให้เขาหมดกำลังใจ ขณะอธิษฐานขอการทรงนำ เขาได้อ่านคำเตือนสติที่มีฤทธิ์เดชในอิสยาห์ซึ่งพระเจ้าตรัสว่า “คำของเรา...จะสัมฤทธิ์ผลซึ่งเรามุ่งหมายไว้ และให้สิ่งซึ่งเราใช้ไปทำนั้นจำเริญขึ้น” (อสย.55:11) ด้วยแรงบันดาลใจจากพระธรรมอิสยาห์ เขาจึงมอบพระคัมภีร์ให้ผู้เล่นทุกคนในทีมโดยไม่เปิดเผยตัว เขาถูกปฏิเสธอีกครั้ง แต่หลายปีต่อมาเขาพบว่าผู้เล่นคนหนึ่งได้อ่านพระคัมภีร์ที่ได้รับ และไม่นานก่อนที่เขาจะเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ เขาแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับพระเจ้าและหิวกระหายพระองค์ผู้ซึ่งเขาค้นพบในพระคัมภีร์นั้น

เป็นไปได้ที่พวกเราหลายคนแบ่งปันเรื่องพระเยซูกับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว เพียงเพื่อจะพบกับความไม่แยแสหรือถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง แต่ถึงแม้เราจะไม่เห็นผลในทันที ความจริงของพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจและจะทำให้พระประสงค์นั้นสำเร็จในเวลาของพระองค์

วางใจการรู้ล่วงหน้าของพระเจ้า

ขณะขับรถพาเราไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย สามีของฉันสังเกตว่าระบบนำทางของจีพีเอสจู่ๆก็ดูผิดปกติไป หลังจากที่เราขับเข้าไปบนทางหลวงสี่เลนที่ดูน่าจะถูกต้อง เราถูกนําทางให้ขับออกไปวิ่งบนถนนเลนเดียว ซึ่งเป็น “ถนนสายรอง” ขนานกับทางหลวง “ผมก็แค่เชื่อมัน” แดนกล่าวโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องความล่าช้าใดๆ แต่หลังจากผ่านไปประมาณ 16 กม. การจราจรบนทางหลวงที่อยู่ข้างๆ เราชะลอตัวจนเกือบจะหยุดนิ่ง เพราะมีการก่อสร้างใหญ่ แล้วถนนสายรองล่ะ ด้วยการจราจรที่บางเบากว่าทำให้ทางโล่งไปถึงจุดหมายของเรา “ผมไม่สามารถเห็นทางข้างหน้าได้” แดนกล่าว “แต่จีพีเอสมองเห็น” หรือเหมือนที่เราเห็นตรงกันว่า “พระเจ้าทรงมองเห็นเช่นกัน”

เมื่อพระเจ้าทรงรู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร พระองค์ทรงเปลี่ยนเส้นทางผ่านความฝันแก่พวกโหราจารย์ผู้ซึ่งมาจากทิศตะวันออกเพื่อนมัสการพระเยซู “ผู้บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติ” (มธ.2:2) กษัตริย์เฮโรดเป็นกังวลกับข่าวเรื่องกษัตริย์ “คู่แข่ง” พระองค์จึงลวงพวกโหราจารย์ให้ไปยังบ้านเบธเลเฮมโดยสั่งว่า “จงไปค้นหากุมารนั้นเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เรา เพื่อเราจะได้ไปนมัสการท่านด้วย” (ข้อ 8) ด้วยคำเตือนในความฝัน “มิให้กลับไปเฝ้าเฮโรด” ดังนั้น “เขาจึงกลับไปยังเมืองของตนทางอื่น” (ข้อ 12)

พระเจ้าจะทรงนำย่างเท้าของเราเช่นกัน เมื่อเราเดินบนทางหลวงแห่งชีวิต เราไว้วางใจได้ว่าพระองค์ทรงเห็นเหตุการณ์ภายหน้าและยังคงมั่นใจได้ว่า “พระองค์จะทรงกระทำให้วิถี[ของเรา]ราบรื่น” เมื่อเรายอมรับการทรงนำของพระองค์ (สภษ.3:6)

หนีไก่งวง

ไก่งวงป่าสองตัวยืนอยู่บนทางวิ่งข้างหน้า ผมสงสัยว่า ผมจะเข้าใกล้ได้แค่ไหน ผมวิ่งช้าลงจนกลายเป็นเดินแล้วก็หยุด มันได้ผล ไก่งวงเดินเข้ามาหาผม...ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในไม่กี่วินาทีพวกมันจิกเข้าที่เอวและหลังของผม จะงอยปากเหล่านั้นคมทีเดียว ผมวิ่งหนี พวกมันวิ่งเตาะแตะตามมาก่อนที่จะหยุดไป

สถานการณ์กลับตาลปัตรอย่างรวดเร็ว! ผู้ถูกล่ากลายเป็นผู้ล่าเมื่อไก่งวงเหล่านั้นฉวยโอกาสเริ่มก่อน ผมนึกสงสัยอย่างโง่เขลาว่าพวกมันคงทึ่มเกินกว่าที่จะกลัวผม ผมเกือบจะโดนไก่ทำร้ายโดยไม่ทันระวัง ผมจึงหนี...จากไก่งวง

ดาวิดดูไม่น่าเป็นอันตราย โกลิอัทจึงยั่วยุท่านให้เข้ามาใกล้ “มาหาข้านี่ ข้าจะเอาเนื้อของเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ในทุ่งกิน” (1 ซมอ.17:44) ดาวิดพลิกบทบาทเมื่อท่านฉวยโอกาสเริ่มก่อน ท่านวิ่งไปหาโกลิอัท ไม่ใช่เพราะว่าโง่เขลาแต่เพราะเชื่อมั่นในพระเจ้า ท่านตะโกนว่า “และในวันนี้...ทั้งพิภพจะทราบว่ามีพระเจ้าพระองค์หนึ่งในอิสราเอล” (ข้อ 46) โกลิอัทรู้สึกงงงวยกับเด็กหนุ่มที่เข้าจู่โจมคนนี้ เขาคงคิดว่า นี่เกิดอะไรขึ้น ในเวลานั้นก้อนหินก็พุ่งมาปะทะเข้าที่ตรงกลางหน้าผาก

เป็นธรรมชาติของสัตว์ขนาดเล็กที่จะวิ่งหนีผู้คนและผู้เลี้ยงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่มีขนาดมหึมา และเป็นเรื่องธรรมชาติที่เราจะซ่อนตัวจากปัญหาของเรา แล้วทำไมเราจึงยอมที่จะเป็นไปตามวิถีธรรมชาติล่ะ มีพระเจ้าในอิสราเอลใช่ไหม ถ้าเช่นนั้น จงวิ่งเข้าสู่การต่อสู้ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์

เปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

คล็อดเติบโตมาในบ้านที่มีแต่ความวุ่นวายทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน เขาเริ่มขายกัญชาตอนอายุ 15 และเฮโรอีนเมื่ออายุ 25 ปี เขามาเป็นที่ปรึกษาให้กับคนหนุ่มสาวเพื่อต้องการปกปิดสิ่งที่เขาทำ ไม่นานเขาเกิดรู้สึกประทับใจในตัวผู้จัดการซึ่งเชื่อในพระเยซูและอยากรู้เรื่องพระองค์มากขึ้น หลังจากเข้าร่วมหลักสูตรสำรวจความเชื่อคริสเตียน เขา “ท้า” ให้พระคริสต์เข้ามาในชีวิต “ผมรู้สึกได้ถึงการทรงสถิตอันอบอุ่น” เขาเล่า “ผู้คนเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวผมทันที ผมเป็นพ่อค้ายาที่มีความสุขที่สุดในโลก!”

พระเยซูไม่ทรงหยุดเพียงแค่นั้น รุ่งขึ้นเมื่อคล็อดชั่งน้ำหนักถุงโคเคน เขาคิดว่า นี่มันบ้าไปแล้ว ผมกำลังวางยาพิษผู้คน! เขาตระหนักว่าเขาต้องหยุดค้ายาและหางานทำ ด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาปิดโทรศัพท์และไม่หวนกลับไปค้ายาอีกเลย

การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้คือสิ่งที่อัครทูตเปาโลกล่าวเมื่อเขียนถึงคริสต-จักรเมืองเอเฟซัส ท่านเรียกร้องให้พวกเขาดำเนินชีวิตที่ไม่แยกจากพระเจ้า โดยหนุนใจให้ “ทิ้งตัวเก่า...ซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย อันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง” และ “สวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง” (อฟ.4:22, 24) คำกริยาที่เปาโลใช้หมายความว่าเราต้องสวมสภาพใหม่อยู่เสมอ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ยินดีที่จะช่วยเราเหมือนที่ช่วยคล็อด เพื่อเราจะดำเนินชีวิตซึ่งสวมสภาพใหม่และเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา