Month: กรกฎาคม 2023

ความรับผิดชอบของตน

สายตาของเพื่อนแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ผมกำลังรู้สึก นั่นคือความกลัว! วัยรุ่นอย่างเราสองคนประพฤติตัวไม่ดี และตอนนี้ก็ก้มหน้าด้วยความกลัวอยู่ตรงหน้าผู้อำนวยการค่าย ชายผู้นี้ซึ่งรู้จักพ่อของเราดี ได้ชี้ให้เราเห็นอย่างตรงไปตรงมาด้วยความรักว่าพ่อของเราจะผิดหวังอย่างมาก เราอยากจะมุดลงใต้โต๊ะ เพราะรู้สึกถึงความรับผิดชอบอันหนักอึ้งในความผิดที่ได้ทำไป

พระเจ้าประทานข่าวสารแก่คนยูดาห์ผ่านเศฟันยาห์ เป็นถ้อยคำที่มีอำนาจเกี่ยวกับความรับผิดชอบในเรื่องบาปของตนเอง (ศฟย.1:1, 6-7) หลังจากบรรยายถึงคำพิพากษาที่พระองค์จะทรงนำมาเหนือศัตรูของยูดาห์แล้ว (บทที่ 2) พระองค์จะทรงหันมาทอดพระเนตรประชากรที่น่าละอายและมีความผิดของพระองค์ (บทที่ 3) พระเจ้าประกาศว่า “วิบัติแก่เมืองนี้ [เยรูซาเล็ม] ที่เป็นเมืองกบฏ และเป็นมลทิน” (3:1) และ “เขาทั้งหลายยิ่งกลับร้อนใจ ที่จะให้การกระทำของเขาเสื่อมทราม” (ข้อ 7)

พระองค์ทรงเห็นจิตใจที่เย็นชาในคนของพระองค์ ทั้งความไม่แยแสฝ่ายวิญญาณ ความอยุติธรรมในสังคมและความโลภที่น่าชัง พระองค์จึงนำมาซึ่งการตีสอนด้วยความรักไม่สำคัญว่าแต่ละคนจะเป็น “ผู้นำ” “ผู้พิพากษา” หรือ “ผู้เผยพระวจนะ” (ข้อ 3-4) ทุกคนล้วนมีความผิดจำเพาะพระพักตร์พระองค์

เปาโลเขียนข้อความนี้ถึงผู้เชื่อในพระเยซูที่ยังคงทำบาปว่า “ท่านจึงส่ำสมโทษให้แก่ตัวเอง...ซึ่ง[พระเจ้า]จะทรงสำแดงการพิพากษาลงโทษ...แก่ทุกคนตามควรแก่การกระทำของเขา” (รม.2:5-6) ดังนั้นโดยฤทธิ์เดชของพระเยซู ขอให้เราดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระบิดาของเราผู้ทรงบริสุทธิ์และเปี่ยมด้วยความรัก ซึ่งจะไม่ทำให้เราต้องมาสำนึกเสียใจในภายหลังในความผิดใดๆ

ขอทรงล้างข้าพระองค์!

“โปรดล้างฉันที!” แม้ว่าคำเหล่านั้นไม่ได้เขียนไว้บนรถของผม แต่ก็น่าจะเขียนไว้ ฉะนั้นผมจึงออกไปล้างรถ และคนขับรถคนอื่นๆก็เช่นกันที่ต้องการชำระคราบสิ่งสกปรกที่ตกค้างจากถนนเกลือหลังจากหิมะตกเมื่อไม่นานมานี้ คิวยาวและการบริการก็ช้า แต่มันก็คุ้มค่าแก่การรอคอย ผมจากมาด้วยรถที่สะอาด และเพื่อชดเชยความล่าช้าในการให้บริการ ผมได้บริการล้างรถฟรี!

การได้รับการชำระล้างโดยคนอื่นเป็นผู้จ่าย นั่นคือข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าประทานการยกโทษบาปแก่เราผ่านการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นของพระเยซู มีใครในพวกเราบ้างที่รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้อง “อาบน้ำ” เมื่อ “สิ่งชั่วร้ายและความสกปรก” ของชีวิตเกาะติดตัวเรา เมื่อเราเปรอะเปื้อนด้วยความคิดที่เห็นแก่ตัวหรือการกระทำที่ทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น ซึ่งทำให้เราสูญเสียสันติสุขในพระเจ้า สดุดี 51 คือเสียงร้องทูลของดาวิดเมื่อการทดลองมีชัยในชีวิตของท่าน เมื่อเผชิญหน้ากับที่ปรึกษาฝ่ายวิญญาณในบาปของท่าน (ดู 2 ซมอ.12) ท่านร้องว่า “ขอทรงล้างข้าพระองค์!” ท่านอธิษฐานว่า “ขอทรงชำระข้าพระองค์ด้วยต้นหุสบข้าพระองค์จึงจะสะอาด ขอทรงล้างข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขาวกว่าหิมะ” (ข้อ 7)

คุณรู้สึกสกปรกและรู้สึกผิดไหม จงไปหาพระเยซูและจดจำถ้อยคำเหล่านี้ว่า “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1 ยน.1:9)

ใครสมควรได้รับคำยกย่อง

ตั้งแต่บันไดเวียนไปจนถึงห้องนอนที่กว้างขวาง จากพื้นไม้เนื้อแข็งไปจนถึงพรมหนานุ่ม จากห้องซักผ้าขนาดใหญ่ไปจนถึงห้องทำงานที่มีการจัดระเบียบอย่างดี นายหน้าได้เผยให้เห็นบ้านที่เหมาะกับสามีภรรยาวัยหนุ่มสาว พวกเขาชื่นชมความงามในทุกซอกมุมที่เดินไป “คุณเลือกที่ที่ดีที่สุดให้กับเรา บ้านหลังนี้น่าทึ่งมาก!” แล้วนายหน้าจึงตอบในสิ่งที่ฟังดูค่อนข้างแปลกในความคิดของพวกเขาแต่ก็เป็นความจริง “ฉันจะส่งต่อคำชมของคุณไปให้กับผู้สร้างบ้านหลังนี้ ผู้ที่สร้างสมควรได้รับคำยกย่อง ไม่ใช่ตัวบ้านหรือคนที่พามาดู”

คำพูดของนายหน้าสะท้อนคำกล่าวของผู้เขียนฮีบรูที่ว่า “ต้นตระกูลย่อมมีเกียรติมากกว่าครอบครัว” (3:3) ผู้เขียนกำลังเปรียบเทียบความสัตย์ซื่อของพระเยซูพระบุตรของพระเจ้ากับผู้เผยพระวจนะโมเสส (ข้อ 1-6) แม้ว่าโมเสสจะได้รับสิทธิพิเศษให้พูดกับพระเจ้าหน้าต่อหน้าและเห็นสัณฐานของพระองค์ (กดว.12:8) แต่ท่านก็ยังเป็นเพียง “ผู้รับใช้” ในพระนิเวศของพระเจ้า (ฮบ.3:5) พระคริสต์ในฐานะพระผู้สร้าง (1:2,10) สมควรได้รับเกียรติในฐานะ “ผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง” ของพระเจ้า และในฐานะพระบุตร “ที่ทรงอำนาจเหนือชุมชนอันเป็นครอบครัวของพระเจ้า” (3:4,6) ครอบครัวของพระเจ้าก็คือประชากรของพระองค์

เมื่อเรารับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ ขอให้เราตระหนักว่าพระเยซูองค์พระผู้สร้างของพระเจ้าคือผู้ที่ทรงสมควรได้รับเกียรติ คำยกย่องใดๆที่เราซึ่งเป็นครอบครัวของพระเจ้าได้รับนั้นล้วนเป็นของพระองค์

จากความมืดสู่ความสว่าง

ไม่มีอะไรฉุดอาคัชออกจากภาวะซึมเศร้าอันมืดมิดของเขาได้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุรถบรรทุก เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมิชชันนารีแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ การผ่าตัดแปดครั้งได้รักษากระดูกที่หักของเขา แต่เขากินไม่ได้ ภาวะซึมเศร้าเริ่มขึ้น ครอบครัวต้องพึ่งพาเขาในการหาเลี้ยงชีพ ซึ่งเขาไม่สามารถทำได้ โลกของเขาจึงมืดมนยิ่งขึ้น

วันหนึ่งมีคนมาเยี่ยมอาคัช และอ่านพระกิตติคุณยอห์นในภาษาของเขาและอธิษฐานเผื่อเขา ความหวังในเรื่องการยกโทษบาปและความรอดที่พระเจ้าทรงประทานให้โดยไม่คิดมูลค่าผ่านทางพระเยซูได้สัมผัสใจของเขา เขาจึงเชื่อวางใจในพระองค์ และไม่นานนักเขาก็หายจากภาวะซึมเศร้า เมื่อเขากลับบ้าน ตอนแรกเขากลัวที่จะพูดถึงความเชื่อใหม่ของตน แต่ในที่สุดเขาบอกกับครอบครัวเรื่องพระเยซู และหกคนในครอบครัวได้เชื่อวางใจในพระองค์เช่นกัน!

พระกิตติคุณยอห์นเป็นดวงประทีปแห่งความสว่างในโลกที่มืดมิด ในพระธรรมนั้นกล่าวว่า “เพื่อทุกคนที่วางใจใน [พระเยซู]นั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” (3:16) เราพบว่า “ถ้าผู้ใดฟังคำของ [พระเยซู] และวางใจใน [พระเจ้า] ....ผู้นั้นก็มีชีวิตนิรันดร์” (5:24) และเราได้ยินพระดำรัสของพระเยซูว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิวเลย” (6:35) แท้จริงแล้ว “ผู้ที่ประพฤติชอบก็มาสู่ความสว่าง” (3:21)

ปัญหาที่เราเผชิญอาจใหญ่หลวงนัก แต่พระเยซูทรงยิ่งใหญ่กว่า พระองค์เสด็จมาเพื่อประทาน “ชีวิต...อย่างครบบริบูรณ์” (10:10) และเช่นเดียวกับอาคัช ขอให้คุณเชื่อวางใจในพระเยซู ผู้ทรงเป็นความหวังของโลกและความสว่างแก่มนุษยชาติทั้งปวง

ร้องขอความช่วยเหลือ

เดวิด วิลลิสอยู่ที่ชั้นบนของร้านหนังสือวอเตอร์สโตนส์ เมื่อเขาลงมาชั้นล่างจึงพบว่าไฟปิดแล้วและประตูก็ล็อค เขาถูกขังอยู่ในร้าน! เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงเปิดทวิตเตอร์และส่งข้อความว่า “สวัสดี @วอเตอร์สโตนส์ ผมติดอยู่ในร้านหนังสือของคุณที่จัตุรัสทราฟัลการ์มา 2 ชั่วโมงแล้ว ได้โปรดช่วยผมออกไปด้วย” ไม่นานหลังจากส่งข้อความ เขาก็ได้รับการช่วยเหลือ

เป็นเรื่องดีที่มีวิธีขอความช่วยเหลือเมื่อเรามีปัญหา อิสยาห์กล่าวว่ามีท่านผู้หนึ่งที่จะตอบเสียงร้องทูลของเราในยามที่เราติดกับดักอยู่ในปัญหาที่เราเองสร้างขึ้น ผู้เผยพระวจนะบันทึกว่าพระเจ้ากล่าวโทษประชากรของพระองค์เรื่องการปฏิบัติศาสนกิจอย่างขาดความรับผิดชอบ พวกเขากำลังดำเนินตามวิถีแห่งศาสนา โดยปกปิดการซึ่งพวกเขากดขี่คนยากจนด้วยพิธีกรรมที่ว่างเปล่าและรับใช้ตนเอง (อสย.58:1-7) สิ่งนี้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าพระเจ้าทรงซ่อนพระพักตร์จากเขาและไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเขา (1:15) พระองค์บอกพวกเขาให้กลับใจและแสดงออกด้วยการประพฤติด้วยการปรนนิบัติดูแลผู้อื่น (58:6-7) หากพวกเขาทำดังนั้น พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะทูล และพระเจ้าจะทรงตอบ เจ้าจะร้องทูล และพระองค์จะตรัสว่า เราอยู่นี่ ถ้าเจ้าจะเอาออกไปจากท่ามกลางเจ้าเสีย ซึ่งแอก ซึ่งการชี้หน้า และซึ่งการพูดอธรรม” (ข้อ 9)

ให้เราเข้าไปใกล้คนยากจนแล้วพูดกับพวกเขาว่า “ฉันอยู่นี่” เพราะพระเจ้าทรงสดับเสียงร้องขอความช่วยเหลือของพวกเราและตรัสว่า “เราอยู่นี่”

เสรีภาพในพระวิญญาณ

ทั้งวิลเบอร์และออวิลล์ ไรท์ไม่มีใบอนุญาตนักบิน และไม่เคยเรียนวิทยาลัย พวกเขาเป็นช่างจักรยานที่มีความฝันและกล้าที่จะบิน ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1903 พวกเขาผลัดกันขับเครื่องบินไรท์ฟลายเออร์ของตนเองสี่ครั้ง ครั้งที่บินได้นานที่สุดคือเพียงนาทีเดียว แต่มันเปลี่ยนโลกของเราไปตลอดกาล

ทั้งเปโตรและยอห์นต่างก็ไม่มีใบอนุญาตในการเทศนา และไม่เคยเข้าเรียนวิทยาลัยพระคริสตธรรม พวกท่านเป็นชาวประมงซึ่งเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเยซู โดยประกาศข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญว่า “ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” (กจ.4:12)

เพื่อนบ้านของพี่น้องตระกูลไรท์ไม่ได้ชื่นชมความสำเร็จของพวกเขาในทันที หนังสือพิมพ์ในบ้านเกิดไม่เชื่อเรื่องราวของพวกเขา และกล่าวว่าแม้จะเป็นความจริง แต่เที่ยวบินนั้นสั้นเกินกว่าจะมีนัยสำคัญ ต้องใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะบินได้และปรับปรุงเครื่องบินให้ดีขึ้น ก่อนที่สาธารณชนจะรู้ว่าพวกเขาได้ทำอะไรจริงๆ

พวกผู้นำศาสนาไม่ชอบเปโตรและยอห์น พวกเขาสั่งให้ท่านหยุดเล่าเรื่องพระเยซูให้คนอื่นฟัง เปโตรบอกว่า ไม่ได้อย่างแน่นอน “ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้” (ข้อ 20)

คุณอาจไม่อยู่ในรายชื่อที่ได้รับการอนุญาต บางทีคุณอาจถูกดูหมิ่นโดยคนเหล่านั้น ไม่เป็นไร หากคุณมีพระวิญญาณของพระเยซู คุณก็มีเสรีภาพที่จะดำเนินชีวิตอย่างกล้าหาญเพื่อพระองค์!

ช็อกโกแลตเกล็ดหิมะ

ชาวเมืองออลเทน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่างตะลึงกับเศษช็อกโกแลตที่โปรยปรายลงมาทั่วเมือง ระบบระบายอากาศของโรงงานช็อกโกแลตในบริเวณใกล้เคียงทำงานผิดปกติ โดยปล่อยผงโกโก้ออกไปในอากาศและทำให้บริเวณนั้นถูกปกคลุมด้วยละอองผงของขนมหวาน การเคลือบด้วยช็อกโกแลตฟังดูเหมือนฝันที่เป็นจริงสำหรับคนที่คลั่งไคล้ช็อกโกแลต!

แม้ว่าช็อกโกแลตจะไม่ได้ให้คุณค่าทางโภชนาการที่เพียงพอต่อความต้องการของคนๆหนึ่ง แต่พระเจ้าประทานอาหารดุจฝนจากท้องฟ้าให้กับคนอิสราเอลที่เพียงพอ เมื่อพวกเขาเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดาร พวกเขาเริ่มคร่ำครวญถึงอาหารนานาชนิดที่ตนทิ้งไว้เมื่อออกจากอียิปต์ พระเจ้าจึงตรัสว่าจะประทาน “อาหารตกลงมาจากท้องฟ้าดุจฝน” เพื่อค้ำจุนพวกเขา (อพย.16:4) ทุกวันเมื่อน้ำค้างยามเช้าเหือดแห้ง จะยังคงมีอาหารเกล็ดเล็กๆเหลืออยู่ ชนชาติอิสราเอลประมาณสองล้านคนได้รับคำสั่งให้เก็บรวบรวมเท่าที่พวกเขาพอรับประทานอิ่มในวันนั้น เป็นเวลาสี่สิบปีที่พวกเขาวนเวียนในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาได้รับการบำรุงเลี้ยงด้วยมานาซึ่งเป็นการจัดเตรียมของพระเจ้าที่เหนือธรรมชาติ

เรารู้เรื่องมานาเพียงเล็กน้อยว่า “เป็นเม็ดขาวเหมือนเมล็ดผักชี มีรสเหมือนขนมแผ่นประสมน้ำผึ้ง” (ข้อ 31) แม้ว่ามานาอาจฟังดูไม่น่าดึงดูดเท่าการกินช็อกโกแลต แต่ความหวานชื่นในการจัดเตรียมของพระเจ้าเพื่อประชากรของพระองค์นั้นชัดเจน มานานำเราไปยังพระเยซูผู้ทรงเรียกพระองค์เองว่า “อาหารแห่งชีวิต” (ยน.6:48) ซึ่งค้ำจุนเราทุกวันและให้ความมั่นใจเรื่องชีวิตนิรันดร์แก่เรา (ข้อ 51)

ความหวังที่เหนือกว่าผลที่ตามมา

คุณเคยทำอะไรด้วยความโกรธที่คุณรู้สึกเสียใจในภายหลังไหม ตอนที่ลูกชายผมกำลังต่อสู้กับการติดยา ผมตอบโต้การเลือกของเขาด้วยคำพูดที่เกรี้ยวกราด ความโกรธของผมมีแต่จะทำให้เขาท้อใจมากขึ้น แต่ในที่สุดเขาก็ได้พบกับเหล่าผู้เชื่อที่พูดถ้อยคำที่ให้ชีวิตและความหวังแก่เขา และในไม่ช้าเขาก็เป็นอิสระ

แม้แต่คนที่เป็นแบบอย่างในความเชื่ออย่างโมเสส ก็ได้ทำสิ่งที่ท่านเสียใจในภายหลัง เมื่อคนอิสราเอลอยู่ในถิ่นทุรกันดารและขาดแคลนน้ำ พวกเขาบ่นอย่างขมขื่น พระเจ้าจึงให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงกับโมเสสและอาโรนว่า “บอกต่อหินหน้าประชาชนให้หินหลั่งน้ำ” (กดว.20:8) แต่โมเสสตอบโต้ด้วยความโกรธ โดยยกตนเองและอาโรนในเรื่องการอัศจรรย์นี้แทนที่จะยกย่องพระเจ้าว่า “เจ้าผู้กบฏจงฟัง ณ บัดนี้จะให้เราเอาน้ำออกจากหินนี้ให้พวกเจ้าดื่มหรือ” (ข้อ 10) และในทันทีนั้นท่านก็ไม่เชื่อฟังพระเจ้าโดยตรง แล้ว “โมเสสก็ยกมือขึ้นตีหินนั้นสองครั้งด้วยไม้เท้า” (ข้อ 11)

แม้ว่าน้ำจะไหลออกมา แต่ก็มีผลที่ตามมาซึ่งน่าเศร้า ทั้งโมเสสและอาโรนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญากับประชากรของพระองค์ แต่พระองค์ยังทรงพระเมตตา โดยทรงให้โมเสสมองเห็นแต่ไกล (27:12-13)

เช่นเดียวกับโมเสส พระเจ้ายังทรงพระเมตตาต่อเราในถิ่นทุรกันดารแห่งการที่เราไม่เชื่อฟังพระองค์ พระองค์ทรงพระกรุณาประทานการอภัยและความหวังแก่เรา ผ่านการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นของพระเยซู ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรลงไป หากเราหันไปหาพระองค์ พระองค์จะทรงนำเราไปสู่ชีวิต

เลียนแบบพระเยซู

“เจ้าแห่งการปลอมแปลง” อาศัยอยู่ในน่านน้ำของอินโดนีเซียและในแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ หมึกสายเลียนแบบนั้นเป็นเหมือนปลาหมึกอื่นๆ ที่สามารถเปลี่ยนสีของมันให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ สิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดนี้ยังเปลี่ยนแปลงรูปร่าง รูปแบบการเคลื่อนไหว และพฤติกรรมของมันเมื่อถูกคุกคาม โดยจะเลียนแบบสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่น ปลาสิงโตมีพิษ และแม้แต่งูทะเลที่อันตรายถึงชีวิต

แต่ผู้เชื่อในพระเยซูนั้นไม่เหมือนกับหมึกสายเลียนแบบ เราต้องโดดเด่นในโลกที่รายล้อมเรา เราอาจรู้สึกถูกคุกคามจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเราและถูกทดลองให้ทำตัวกลมกลืน เพื่อเราจะไม่ถูกจดจำได้ว่าเป็นสาวกของพระคริสต์ แต่อัครทูตเปาโลหนุนใจให้ถวายตัวของเราเป็น “เครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” (รม.12:1) เพื่อเป็นตัวแทนของพระเยซูในทุกแง่มุมของชีวิตเรา

เพื่อนๆหรือคนในครอบครัวอาจพยายามกดดันให้เราประพฤติ “ตามอย่างคนในยุคนี้” (ข้อ 2) แต่เราแสดงให้เห็นได้ว่าเรารับใช้ใคร โดยปรับชีวิตเราให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราบอกว่าเราเชื่อในฐานะบุตรของพระเจ้า เมื่อเราเชื่อฟังพระคัมภีร์และสะท้อนถึงพระลักษณะแห่งความรักของพระองค์ ชีวิตของเราจะแสดงให้เห็นได้ว่า รางวัลของการเชื่อฟังนั้นยิ่งใหญ่กว่าการสูญเสียใดๆเสมอ วันนี้คุณจะเลียนแบบพระเยซูอย่างไร

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา