Month: กันยายน 2022

หันไปทางใด

ทุกคนในชั้นมัธยมปลายชื่นชมทัศนคติที่เรียบง่ายสบายๆ และทักษะด้านกีฬาของแจ็ค เขามีความสุขที่สุดเมื่ออยู่กลางอากาศเหนือทางลาดรูปตัวยู มือข้างหนึ่งจับสเก็ตบอร์ด ส่วนอีกมือหนึ่งเหยียดออกเพื่อทรงตัวแจ็คตัดสินใจติดตามพระเยซูหลังจากที่เขาเริ่มไปคริสตจักรแถวบ้าน ก่อนหน้านั้นเขาต้องอดทนกับความขัดแย้งอย่างหนักภายในครอบครัว และเคยใช้ยาเสพติดเพื่อเยียวยาความเจ็บปวด หลังจากที่เขากลับใจแล้วไม่นานทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่หลายปีต่อมาเขาเริ่มใช้ยาอีกครั้ง เพราะขาดการช่วยเหลือที่เหมาะสมและการรักษาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาจึงเสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดเกินขนาด

เรามักจะหันกลับไปหาสิ่งที่คุ้นเคยเมื่อเราเผชิญกับความทุกข์ยาก เมื่อชนชาติอิสราเอลรู้สึกทุกข์ร้อนใจจากการที่อัสซีเรียกำลังจะมาโจมตี พวกเขากลับไปหาคนอียิปต์ที่พวกเขาเคยตกเป็นทาส เพื่อขอความช่วยเหลือ (อสย.30:1-5) พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่าสิ่งนี้จะเป็นหายนะ แต่พระองค์ยังทรงดูแลพวกเขาต่อไปแม้พวกเขาเลือกทำสิ่งที่ผิด อิสยาห์ได้กล่าวถึงพระทัยของพระเจ้าว่า “พระเจ้าทรงคอยที่จะทรงพระกรุณาเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงลุกขึ้นเพื่อเมตตาเจ้า” (ข้อ 18)

นี่คือท่าทีของพระเจ้าที่มีต่อเรา แม้เมื่อเราเลือกที่จะมองหาสิ่งอื่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเรา พระองค์ทรงต้องการช่วยเรา พระองค์ไม่ต้องการให้เราทำร้ายตัวเองด้วยนิสัยที่จะทำให้เราตกเป็นทาส สารเสพติดและพฤติกรรมบางอย่างล่อลวงเราโดยการทำให้เรารู้สึกสบายใจอย่างรวดเร็ว แต่พระเจ้าทรงต้องการมอบการรักษาที่แท้จริงให้แก่เราเมื่อเราเดินใกล้ชิดกับพระองค์

ชามใส่เมล็ดกาแฟ

ผมไม่ใช่คอกาแฟ แต่การสูดดมกลิ่นเมล็ดกาแฟทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจและหวนคิดถึงความทรงจำที่ดี เมื่อเมลิสสาลูกสาววัยรุ่นของเราแต่งห้องนอนในแบบของเธอ เธอใส่เมล็ดกาแฟไว้ในชามเพื่อให้ห้องนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอันอบอุ่น

เกือบยี่สิบปีแล้วที่ชีวิตบนโลกของเมลิสสาจบลงจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธออายุได้ 17 ปี แต่เรายังคงมีชามใส่เมล็ดกาแฟใบนั้นอยู่ มันทำให้เรามีความทรงจำอันหอมหวานถึงชีวิตของเธอขณะเมื่อยังอยู่กับเรา

พระคัมภีร์ใช้เครื่องหอมเป็นเครื่องเตือนใจเราด้วยเช่นกัน เพลงซาโลมอนพูดถึงกลิ่นหอมว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักระหว่างชายหญิง (ดู 1:3; 4:11,16) ส่วนพระธรรมโฮเชยากล่าวว่าการยกโทษของพระเจ้าต่ออิสราเอลเป็น “กลิ่นหอมเหมือนสนซีดาร์แห่งเลบานอน” (ฮชย.14:6 TNCV) และการที่มารีย์ชโลมพระบาทของพระเยซู ซึ่งทำให้เรือนของเธอและพี่น้อง “หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมน้ำมันนั้น” (ยน.12:3) ชี้ให้เห็นล่วงหน้าถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู (ดูข้อ 7)

แนวคิดเรื่องกลิ่นหอมยังช่วยให้เราระมัดระวังในคำพยานเรื่องความเชื่อที่เราสำแดงต่อผู้คนรอบข้าง เปาโลอธิบายไว้ว่า “เราเป็นกลิ่นอันหอมหวานที่พระคริสต์ถวายพระเจ้าในหมู่คนที่กำลังจะรอด และคนที่กำลังประสบความพินาศ” (2 คร.2:15)

เช่นเดียวกับที่กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟทำให้ผมคิดถึงเมลิสสา ขอให้ชีวิตของเราเองส่งกลิ่นหอมของพระเยซูและความรักของพระองค์ ซึ่งจะเตือนให้ผู้อื่นรู้ถึงความจำเป็นที่พวกเขาต้องมีพระองค์

ออกมาจากใจ

พันธกิจช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่เรียกสั้นๆว่า “ปฏิบัติการเรือโนอาห์” อาจฟังดูน่าสนุกสำหรับคนรักสัตว์ แต่เป็นฝันร้ายของสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งมณฑลแนสซอ หลังจากได้รับการร้องเรียนเรื่องเสียงและกลิ่นเหม็นรุนแรง เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปในบ้านหลังหนึ่งบนเกาะลองไอแลนด์ และพบสัตว์อยู่ในสภาพถูกทอดทิ้งจำนวนมากกว่าสี่ร้อยตัว (ซึ่งต่อมาถูกขนย้ายออกจากที่นั่น)

เราอาจไม่ได้ครอบครองสัตว์ในสภาพสกปรกเป็นร้อยๆตัว แต่พระเยซูตรัสว่าเราอาจสะสมความคิดและการกระทำที่ชั่วร้ายผิดบาปไว้ในใจ ซึ่งจำเป็นต้องถูกเปิดเผยและกำจัดออกไป

พระเยซูทรงสอนบรรดาสาวกของพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้คนสะอาดและเป็นมลทินว่า ไม่ใช่มือที่สกปรกหรือ “สิ่งใดๆที่เข้าไปในปาก” ที่ทำให้คนเป็นมลทิน แต่เป็นจิตใจที่ชั่วร้าย (มธ.15:17-19) ในที่สุดกลิ่นเหม็นจากหัวใจเราจะรั่วไหลออกมาจากชีวิตของเรา จากนั้นพระเยซูทรงยกตัวอย่างความคิดและการกระทำชั่วร้ายที่ “ออกมาจากใจ” (ข้อ 19) ที่ไม่อาจถูกชำระให้สะอาดได้ด้วยกิจกรรมและพิธีกรรมทางศาสนาใดๆ เราจำเป็นต้องให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงจิตใจเรา

เราสามารถปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูจากภายในสู่ภายนอกได้ด้วยการให้พระองค์เข้าถึงความสกปรกในใจของเรา และยอมให้พระองค์กำจัดสิ่งที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นออกไป ขณะที่พระคริสต์ทรงเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจของเรานั้น พระองค์ก็จะทรงช่วยให้คำพูดและการกระทำของเราสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์ แล้วกลิ่นหอมจากชีวิตเราจะเป็นที่พอพระทัยของพระองค์

การทรงช่วยเหลือเพื่ออนาคต

นักจิตวิทยาชื่อเม็ก เจย์กล่าวไว้ว่า ใจของเรามักจะคิดถึงตัวเองในอนาคต คล้ายกับการคิดถึงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะสิ่งที่บางครั้งถูกเรียกว่า “ช่องว่างแห่งความเห็นอกเห็นใจ” การเห็นอกเห็นใจและห่วงใยคนที่เราไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวอาจเป็นเรื่องยาก แม้แต่กับตัวของเราเองในอนาคต ดังนั้นในงานของเธอ เจย์จึงพยายามช่วยคนหนุ่มสาวให้จินตนาการถึงตนเองในอนาคตและลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อดูแลตนเองในอนาคตนั้น รวมไปถึงวางแผนสิ่งที่จะทำให้กับตัวเองในอนาคต เพื่อปูทางให้พวกเขาไล่ตามความฝันและมุ่งมั่นกระทำให้สำเร็จต่อไป

ในสดุดี 90 เราได้รับการเชิญชวนให้มองชีวิตของเราไม่เพียงแค่ในปัจจุบันแต่ในภาพรวมทั้งชีวิต โดยทูลขอพระเจ้าให้ทรงช่วยเรา “นับวันของเรา เพื่อเราจะได้มีจิตใจที่มีปัญญา” (ข้อ 12) การตระหนักว่าเวลาของเราบนโลกมีจำกัด จะเตือนเราถึงความจำเป็นอย่างยิ่งในการพึ่งพาพระเจ้า เราต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อที่จะรู้จักวิธีพบความพึงพอใจและความยินดี ไม่ใช่แค่เพียงตอนนี้ แต่ “ตลอดวันเวลาของเรา” (ข้อ 14) เราต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อเรียนรู้ที่จะไม่คิดถึงแค่ตัวเราเท่านั้น แต่คิดถึงคนรุ่นต่อๆไปในอนาคตด้วย (ข้อ 16) และเราต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อรับใช้พระองค์ตามเวลาที่เราได้รับ ขณะที่พระองค์ทรงสถาปนาหัตถกิจแห่งมือและหัวใจของเรา (ข้อ 17)

ความรอดอัศจรรย์

ชีวิตของบล็อกเกอร์ที่ชื่อเควิน ลินน์เหมือนกำลังจะพังทลายลง เขาเล่าให้ฟังในบทความล่าสุดว่า “ผมเอาปืนจ่อหัวตัวเอง... พระเจ้าเท่านั้นที่จะต้องทรงเข้ามาในห้องของผมและในชีวิตของผมอย่างอัศจรรย์ ในชั่วขณะนั้นผมได้พบกับผู้ที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเป็นพระเจ้า” พระเจ้าทรงแทรกแซงและป้องกันลินน์จากการปลิดชีวิตตัวเอง พระองค์ทรงใส่การสำนึกผิดและให้เขาจดจำได้อย่างท่วมท้นถึงการทรงสถิตอยู่ด้วยความรักของพระองค์ แทนที่ลินน์จะปิดบังเรื่องการเผชิญหน้าอันทรงพลังนี้ เขากลับแบ่งปันประสบการณ์ให้คนทั้งโลก ด้วยการทำพันธกิจทางยูทูปที่เขาจะเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของตัวเขาเองและเรื่องราวของผู้อื่น

เมื่อลาซารัสซึ่งเป็นผู้ติดตามและเป็นเพื่อนของพระเยซูเสียชีวิตลง หลายคนสรุปว่าพระเยซูมาสายเกินไป (ยน.11:32) ลาซารัสอยู่ในอุโมงค์ฝังศพเป็นเวลาสี่วันก่อนที่พระคริสต์จะเสด็จมาถึง แต่พระองค์ทรงเปลี่ยนช่วงเวลาแห่งความปวดร้าวให้กลายเป็นการอัศจรรย์ เมื่อทรงชุบเขาให้เป็นขึ้นจากความตาย (ข้อ 38) “เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” (ข้อ 40)

ดังเช่นที่พระเยซูทรงทำให้ลาซารัสฟื้นจากตาย พระองค์ก็ได้ประทานชีวิตใหม่ให้เราผ่านทางพระองค์ โดยการสละพระชนม์บนไม้กางเขน พระคริสต์ได้ทรงชดใช้โทษบาปของเรา และทรงมอบการอภัยโทษให้เราเมื่อเรายอมรับของประทานแห่งพระคุณของพระองค์ เราเป็นอิสระจากพันธนาการแห่งบาป ถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยความรักนิรันดร์ของพระองค์ และได้รับโอกาสที่จะเปลี่ยนจุดมุ่งหมายของชีวิตเรา

เลือกอย่างฉลาด

นักบินอวกาศคริส เฟอร์กูสัน ได้ตัดสินใจอย่างยากลำบากในฐานะผู้บัญชาการของลูกเรือที่มีกำหนดการเดินทางไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ การตัดสินใจนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องกลไลการบินหรือความปลอดภัยของเพื่อนนักบินอวกาศคนอื่น แต่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาถือว่าเป็นงานสำคัญที่สุดของเขา นั่นคือครอบครัว เฟอร์กูสันเลือกที่จะอยู่บนโลกเพื่อร่วมพิธีแต่งงานของลูกสาว

ในบางครั้งเราทุกคนต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก ที่ทำให้เราต้องชั่งใจว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตเรา เพราะตัวเลือกหนึ่งต้องแลกมาด้วยการจ่ายราคาสำหรับอีกตัวเลือกหนึ่ง พระเยซูทรงมีเป้าหมายที่จะสื่อสารความจริงนี้กับสาวกของพระองค์และฝูงชนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ เกี่ยวกับการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือการติดตามพระองค์ พระองค์ตรัสว่าในการเป็นสาวก พวกเขาจะต้อง “ปฏิเสธตนเอง” เพื่อที่จะเดินกับพระองค์ (มก.8:34) พวกเขาอาจถูกล่อลวงให้ไม่อยากเสียสละตนเองในการติดตามพระคริสต์ และแสวงหาความปรารถนาของตนเองแทน แต่พระเยซูทรงเตือนพวกเขาว่าสิ่งที่เขาอยากเลือกนั้นจะต้องแลกด้วยสิ่งที่มีคุณค่ามากยิ่งกว่า

เรามักถูกล่อลวงให้ไขว่คว้าสิ่งที่ดูเหมือนจะมีค่าสูง แต่สิ่งเหล่านี้เองที่ดึงความสนใจเราจากการติดตามพระเยซู ให้เราทูลขอพระเจ้านำทางเราในการตัดสินใจเลือกที่เราต้องเผชิญในแต่ละวัน เพื่อที่เราจะเลือกอย่างฉลาดและถวายเกียรติแด่พระองค์

พลังแห่งชื่อ

รานจิตอยากรับรองการมีตัวตนของเด็กที่อาศัยอยู่ตามถนนในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เขาจึงแต่งเพลงตามชื่อของเด็กเหล่านั้น เขาแต่งทำนองที่มีเอกลักษณ์ให้แต่ละชื่อ แล้วสอนให้เด็กร้องโดยหวังให้พวกเขาได้มีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับชื่อของตน สำหรับเด็กที่ไม่ค่อยจะได้ยินชื่อของตนเองถูกเรียกด้วยความรัก ถือว่ารานจิตได้มอบของขวัญแห่งการให้เกียรตินี้แก่พวกเขา

ในพระคัมภีร์ชื่อมีความสำคัญ โดยมักจะสะท้อนถึงลักษณะนิสัยหรือบทบาทใหม่ของบุคคล ยกตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงเปลี่ยนชื่ออับรามและซารายเมื่อพระองค์ทรงทำพันธสัญญาแห่งความรักกับพวกเขา โดยสัญญาว่าพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขาและพวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ อับรามซึ่งแปลว่า “บิดาผู้เป็นที่ยกย่อง” เปลี่ยนเป็นอับราฮัมซึ่งแปลว่า “บิดาของชนชาติมากมาย” และซารายซึ่งหมายถึง “เจ้าหญิง” กลายเป็นซาราห์ที่แปลว่า “เจ้าหญิงของชนชาติมากมาย” (ดู ปฐก.17:5,15)

ชื่อใหม่ที่พระเจ้าตั้งให้หมายรวมถึงพระสัญญาอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณที่ว่าพวกเขาจะไม่เป็นหมันอีกต่อไป และเมื่อซาราห์ให้กำเนิดบุตรชาย พวกเขาจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งและตั้งชื่อบุตรนั้นว่าอิสอัค ซึ่งหมายความว่า “เขาหัวเราะ” เพราะ “ซาราห์กล่าวว่า ‘พระเจ้าทรงกระทำให้ข้าพเจ้าหัวเราะ ทุกคนที่ได้ฟังจะพลอยหัวเราะด้วย’” (ปฐก.21:6)

เราแสดงถึงการเคารพและให้เกียรติผู้อื่นเมื่อเราเรียกชื่อของเขา และเป็นการยืนยันว่าพวกเขาเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น ชื่อเล่นที่เรียกด้วยความรักซึ่งแสดงถึงคุณลักษณะเฉพาะตัวที่ผู้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้าก็เช่นเดียวกัน

เรื่องยังไม่จบ

ในตอนจบของภาพยนตร์ซีรี่ส์เรื่อง ตำรวจจับตำรวจ (Line of Duty) มีผู้ชมติดตามมากเป็นประวัติการณ์เพื่อดูว่าการต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรมจะจบลงอย่างไร แต่ผู้ชมจำนวนมากต้องผิดหวังเมื่อตอนจบบอกเป็นนัยว่าในที่สุดแล้ว ฝ่ายอธรรมจะมีชัยชนะ แฟนซีรี่ย์คนหนึ่งกล่าวว่า “ผมอยากให้พวกคนเลวถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราต้องการตอนจบที่ถูกต้องชอบธรรม”

นักสังคมวิทยาปีเตอร์ เบอร์เกอร์เคยตั้งข้อสังเกตว่าคนเราหิวกระหายความหวังและความยุติธรรม โดยหวังว่าวันหนึ่งความชั่วร้ายจะพ่ายแพ้และผู้ที่ก่อเหตุร้ายจะต้องเผชิญหน้ากับการกระทำของตนเอง โลกที่คนเลวเป็นฝ่ายชนะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เราหวังว่าโลกควรจะเป็น แฟนซีรี่ย์ที่ผิดหวังเหล่านั้นอาจไม่รู้ตัวว่าพวกเขากำลังแสดงออกถึงความปรารถนาจากส่วนลึกของมนุษย์ที่อยากให้โลกกลับมาอยู่บนความถูกต้องอีกครั้ง

ในคำอธิษฐานของพระเยซูพระองค์ทรงรู้ว่ามีความชั่วร้าย และความชั่วนั้นไม่ได้อยู่แค่ในหมู่พวกเรา ซึ่งต้องได้รับการยกโทษ (มธ.6:12) แต่มีอยู่ทั่วไปในวงกว้าง ซึ่งต้องได้รับการช่วยให้หลุดพ้น (ข้อ 13) แต่ในความจริงนี้ยังมีความหวังอยู่ มีที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีความชั่วร้าย นั่นคือสวรรค์ และแผ่นดินสวรรค์กำลังจะมาตั้งอยู่ในโลก (ข้อ 10) วันหนึ่งการพิพากษาของพระเจ้าจะสำเร็จ “ตอนจบอย่างถูกต้องชอบธรรม” ของพระองค์จะมาถึง และความชั่วจะถูกกำจัดสิ้นไปตลอดกาล (วว.21:4)

ดังนั้นในชีวิตจริงเมื่อคนเลวชนะและเรารู้สึกผิดหวัง ขอให้จำไว้ว่า ก่อนที่จะ “เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก” เรายังมีความหวังเสมอ เพราะเรื่องนี้ยังไม่จบลง

คนที่ต้องการคน

ในฐานะนักเขียนข่าวและวรรณกรรมกีฬาที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ เดฟ คินเดร็ดได้เขียนถึงการแข่งขันกีฬาสำคัญๆหลายร้อยรายการ และยังเขียนชีวประวัติของมูฮัมมัด อาลี หลังจากเกษียณเขารู้สึกเบื่อจึงเริ่มไปดูการแข่งขันบาสเก็ตบอลหญิงของโรงเรียนในท้องถิ่น ไม่นานเขาก็เริ่มเขียนเรื่องจากการแข่งขันแต่ละครั้งและโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ต่อมาเมื่อแม่และหลานชายของเดฟเสียชีวิต และภรรยาของเขาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เขาตระหนักว่าทีมบาสเก็ตบอลที่เขาเขียนถึงทำให้เขารู้สึกถึงการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนและมีเป้าหมาย เดฟต้องการพวกเขามากเท่ากับที่พวกเขาต้องการเดฟ เดฟกล่าวว่า “ทีมนี้ช่วยผมไว้ ชีวิตของผมมืดมิดลง...(และ) พวกเขาเป็นแสงสว่าง”

นักข่าวผู้เป็นตำนานมาพึ่งพาวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้อย่างไร ในทำนองเดียวกันอัครทูตในตำนานก็พึ่งพากลุ่มคนผู้ที่ท่านเคยพบในการเดินทางประกาศข่าวประเสริฐเช่นกัน คุณสังเกตเห็นบรรดาผู้ที่เปาโลฝากความคิดถึงมาให้ในตอนท้ายของจดหมายไหม (รม.16:3-15) ท่านเขียนว่า “ขอฝากความคิดถึงมายังอันโดรนิคัสกับยูนีอัสผู้เป็นญาติของข้าพเจ้าและได้ถูกจำจองร่วมกับข้าพเจ้า” (ข้อ 7) “ขอฝากความคิดถึงมายังอัมพลีอาทัส ที่รักของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้า​” (ข้อ 8) ท่านกล่าวถึงคนมากกว่ายี่สิบห้าคนที่ส่วนมากไม่ถูกกล่าวถึงอีกเลยในพระคัมภีร์ แต่เปาโลต้องการพวกเขา

ใครที่อยู่ในชุมชนของคุณบ้าง คริสตจักรในท้องถิ่นของคุณคือที่ที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้น มีใครที่นั่นที่ชีวิตกำลังมืดมนอยู่ไหม ด้วยการทรงนำของพระเจ้า คุณสามารถเป็นแสงสว่างที่นำพวกเขาไปถึงพระเยซูได้ แล้ววันหนึ่งเขาอาจจะตอบแทนน้ำใจของคุณ

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา