ขณะที่ครอบครัวเรามุ่งหน้ากลับบ้านหลังจากเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด ถนนพาเราผ่านไปทางพื้นที่รกร้างในรัฐโอเรกอน หลังจากพลบค่ำ เราขับรถต่ออีก 2 ชั่วโมง ผ่านหุบเขาและที่ราบสูงเวิ้งว้าง มีแสงไฟข้างทางอยู่ไม่ถึงยี่สิบดวง ในที่สุดดวงจันทร์ก็โผล่ขึ้น มาตรงขอบฟ้า เราเห็นได้ชัดเจนขณะที่รถไต่ขึ้นไปบนเขา แต่มันลับตาไปเมื่อรถแล่นลงไปในที่ลุ่ม ลูกสาวของฉันบอกว่า แสงจันทร์ย้ำเตือนว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย ฉันถามลูกว่าลูกต้องมองเห็น แล้วจึงจะแน่ใจว่าพระองค์สถิตอยู่ด้วยใช่หรือไม่ เธอตอบว่า “ไม่เห็นก็แน่ใจ แต่ถ้าเห็นก็ดีค่ะ”

หลังจากที่โมเสสเสียชีวิต โยชูวาสืบทอดเป็นผู้นำชนชาติอิสราเอลและมีหน้าที่นำประชากรที่พระเจ้าเลือกสรรไว้เข้าสู่แผ่นดินพันธสัญญา โยชูวาเองก็คงรู้สึกกังวลตามธรรมดาของการรับหน้าที่แบบนี้ พระเจ้าจึงให้คำมั่นสัญญากับโยชูวาว่าจะอยู่กับเขาตลอดไปในหนทางข้างหน้า (ยชว.1:9)

หนทางชีวิตมักพาเราไปยังอาณาเขตที่ไม่รู้จัก เราต้องไปตามฤดูของชีวิตที่ทางข้างหน้าไม่ชัดเจน แผนการของพระเจ้าไม่ได้ชัดเจนเสมอไป แต่พระองค์สัญญาว่าจะอยู่กับเรา “เสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค” (มธ.28:20) ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เรามั่นใจได้มากกว่านี้ ไม่ว่าเราต้องเผชิญความไม่แน่นอนหรือความยากลำบากใด แม้เมื่อหนทางข้างหน้าไม่มีแสงไฟ แต่เรามีพระองค์ผู้เป็นความสว่างอยู่กับเรา