Category  |  ODB

เปลี่ยนแปลงจากภายใน

ในเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่พักอาศัยในสหราชอาณาจักรครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ไฟได้ลุกไหม้อาคารเกรนเฟลล์ทาวเวอร์ที่สูงยี่สิบสี่ชั้นในลอนดอนตะวันตก คร่าชีวิตผู้คนไปเจ็ดสิบคน การสอบสวนพบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วคือแผ่นผนังที่ใช้ห่อหุ้มอาคารด้านนอกจากการบูรณะตึก แผ่นผนังนี้เป็นอะลูมิเนียมแต่ไส้ในเป็นพลาสติกที่ติดไฟได้ง่ายมาก

วัสดุอันตรายเช่นนี้ได้รับอนุญาตให้ขายและใช้ติดตั้งได้อย่างไร ผู้ขายผิดพลาดที่ไม่เปิดเผยข้อมูลผลทดสอบการป้องกันไฟที่ต่ำมาก และผู้ซื้อซึ่งถูกดึงดูดจากป้ายราคาถูกก็ผิดพลาดที่ไม่ใส่ใจสัญญาณเตือน แผ่นผนังที่แวววาวนี้ดูดีเมื่อมองจากภายนอก

คำพูดที่รุนแรงที่สุดของพระเยซูบางคำพุ่งเป้าไปที่ครูสอนศาสนาซึ่งพระองค์กล่าวหาว่าปิดบังการฉ้อฉลไว้เบื้องหลังรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี พระองค์ตรัสว่าพวกเขาเป็นเหมือน “อุโมงค์ฝังศพซึ่งฉาบด้วยปูนขาว” ที่ “ข้างนอกดูงดงาม” แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตาย (มธ.23:27) แทนที่จะแสวงหา “ความยุติธรรม ความเมตตา ความเชื่อ” (ข้อ 23) พวกเขากลับให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ที่ดี โดยชำระ “ถ้วยชามแต่ภายนอก” แต่ละเลยการ “โจรกรรมและการมัวเมากิเลส” ภายใน (ข้อ 25)

เป็นเรื่องง่ายที่จะให้ความสำคัญกับการมีภาพลักษณ์ที่ดี มากกว่าที่จะนำความบาปและความแตกสลายมาต่อพระพักตร์พระเจ้าอย่างจริงใจ แต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีไม่ได้ทำให้จิตใจที่ฉ้อฉลมีอันตรายน้อยลง พระเจ้าทรงเชื้อเชิญเราที่จะยอมให้พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงเราทั้งหมดจากภายใน (1 ยน.1:9)

พระเยซูผู้เป็นกิ่ง

โบสถ์โฮลี่ครอสอันงดงามตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหินสีแดงในเมืองเซโดน่า รัฐอริโซน่า ทันทีที่เข้าไปในโบสถ์เล็กๆแห่งนี้ฉันก็ถูกดึงดูดด้วยรูปปั้นพระเยซูบนกางเขนที่ดูต่างไปจากปกติ แทนที่จะเป็นกางเขนแบบดั้งเดิม พระเยซูกลับถูกตรึงบนกิ่งของต้นไม้ที่มีลำต้นสองต้น ลำต้นแนวนอนซึ่งถูกตัดและตายแล้วแสดงถึงชนเผ่าอิสราเอลในพันธสัญญาเดิมที่ปฏิเสธพระเจ้า ลำต้นอีกต้นเติบโตขึ้นและแตกกิ่งก้านออกไปเป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่ายูดาห์ที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด

ศิลปะที่มีนัยสำคัญในเชิงสัญลักษณ์นี้เล็งถึงคำพยากรณ์สำคัญในพันธสัญญาเดิมเกี่ยวกับพระเยซู แม้ชนเผ่ายูดาห์จะตกเป็นเชลย แต่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ได้มอบพระดำรัสแห่งความหวังจากพระเจ้าว่า “เราจะให้คำสัญญาที่เรากระทำไว้...สำเร็จ” (ยรม.33:14) ในการประทานพระผู้ช่วยซึ่งจะ “ให้ความยุติธรรมและความชอบธรรมในแผ่นดินนั้น” (ข้อ 15) หนทางเดียวที่ผู้คนจะทราบว่าองค์พระผู้ช่วยนี้คือใครก็คือ พระองค์จะ “ให้อังกูรชอบธรรมเกิดมาเพื่อดาวิด” (ข้อ 15) หมายความว่าองค์พระผู้ช่วยนี้จะสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด

ประติมากรรมนี้รวบรวมความจริงสำคัญซึ่งอยู่ในรายละเอียดเชื้อสายตระกูลของพระเยซูไว้ได้อย่างมีฝีมือ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อที่จะกระทำทุกสิ่งตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ และยังเป็นสิ่งที่เตือนเราว่า ความสัตย์ซื่อของพระองค์ในอดีตทำให้เรามั่นใจว่าพระองค์จะทรงสัตย์ซื่อในการรักษาพระสัญญาที่ทรงมีต่อเราในอนาคตด้วย

ผลตอบแทน

ในปีค.ศ. 1921 ศิลปินแซม โรเดียเริ่มก่อสร้างงานประติมากรรมทรงสูงชื่อวัตต์ทาวเวอร์ สามสิบสามปีต่อมา ประติมากรรมสิบเจ็ดชิ้นก็ตั้งสูงขึ้นไปถึงสามสิบเมตรเหนือนครลอสแองเจลิส นักดนตรีเจอร์รี่ การ์เซียด้อยค่าผลงานชิ้นสำคัญในช่วงชีวิตของโรเดียนี้ว่า “นี่คือผลตอบแทนที่คงอยู่หลังจากที่คุณตายไป” แล้วเขาก็บอกว่า “ว้าว นั่นไม่ใช่สำหรับผมหรอก”

ถ้าเช่นนั้นแล้วผลตอบแทนของเขาคืออะไร บ๊อบ เวียร์เพื่อนร่วมวงของเขา สรุปปรัชญาของพวกเขาไว้ว่า “ในนิรันดร์กาล ไม่มีใครจดจำคุณได้หรอก แล้วทำไมไม่เพียงสนุกไปกับมันก็พอ”

ครั้งหนึ่งชายผู้มั่งคั่งและเฉลียวฉลาดเคยพยายามค้นหา “ผลตอบแทน” โดยการทำทุกอย่างที่ท่านทำได้ ท่านเขียนว่า “ข้าพเจ้ารำพึงว่า ‘มาเถอะ มาลองสนุกสนานกันดู เอ้า จงสนุกสบายใจไป’” (ปญจ.2:1) แต่ท่านเขียนด้วยว่า “ไม่มีใครระลึกถึงคนมีสติปัญญาเช่นเดียวกับคนเขลา” (ข้อ 16) ท่านสรุปว่า “การงานที่เขาทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ก่อความสลดใจให้แก่ข้าพเจ้า” (ข้อ 17)

ชีวิตและคำสอนของพระเยซูนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการดำเนินชีวิตแบบคนสายตาสั้นเช่นนั้น พระเยซูเสด็จมาเพื่อประทาน “ชีวิต...อย่างครบบริบูรณ์” (ยน.10:10) แก่เรา และสอนเราให้ดำเนินชีวิตนี้โดยคำนึงถึงชีวิตบนสวรรค์ด้วย “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก” พระองค์ตรัส “แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์” (มธ.6:19-20) แล้วพระองค์ทรงสรุปไว้ว่า “จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้” (ข้อ 33)

นี่คือผลตอบแทนที่เราจะได้รับทั้งภายใต้ดวงอาทิตย์นี้และในชีวิตนิรันดร์

ผู้ชมแต่เพียงองค์เดียว

ในฐานะ “เสียงของทีมเดนเวอร์ นักเก็ตส์” ไคล์ สเปลเลอร์อนุศาสกของทีม เป็นที่รู้จักจากเสียงตะโกนคำรามในการบรรยายการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรบาสเกตบอล “ไปเลย!” เขาส่งเสียงดังลั่นใส่ไมค์ แฟนบาสเกตบอลเอ็นบีเอหลายพันคนที่สนามพร้อมกับอีกหลายล้านคนที่กำลังดูหรือฟังอยู่ ตอบสนองต่อเสียงซึ่งทำให้ไคล์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงผู้บรรยายการแข่งขันยอดเยี่ยมประจำปี 2022 “ผมสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของฝูงชนและบรรยากาศในสนามเหย้า” เขากล่าว แต่กระนั้นทุกถ้อยคำจากทักษะการใช้เสียงของเขาซึ่งยังปรากฏในโฆษณาทางโทรทัศน์และวิทยุ มีไว้เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ไคล์เสริมว่างานของเขาคือ “แค่ทำทุกสิ่งเพื่อผู้ชมแต่เพียงองค์เดียว”

อัครทูตเปาโลเน้นย้ำคำสอนที่คล้ายกันนี้กับคริสตจักรโคโลสี ซึ่งสมาชิกปล่อยให้ความสงสัยเกี่ยวกับความเป็นพระเจ้าและอำนาจอธิปไตยของพระคริสต์แทรกซึมเข้ามาแม้กระทั่งในการใช้ชีวิตของพวกเขา แทนที่จะให้เป็นเช่นนั้น เปาโลเขียนว่า “เมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า และขอบพระคุณพระบิดาเจ้า โดยพระองค์นั้น” (คส.3:17)

เปาโลเสริมว่า “ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนกระทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนกระทำแก่มนุษย์” (ข้อ 23) สำหรับไคล์แล้วนี่ยังรวมถึงบทบาทของเขาในฐานะอนุศาสก ซึ่งเขาบอกว่า “นั่นคือวัตถุประสงค์ของผมที่นี่ ...และการเป็นผู้บรรยายก็ช่วยส่งเสริมบทบาทของผมให้ดียิ่งขึ้น งานของเราที่ทำเพื่อพระเจ้าก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจสำหรับผู้ชมเแต่เพียงองค์เดียวเช่นกัน

ทาเนย

ในหนังสือของ เจ.อาร์.อาร์.โทลคีน เรื่องอภินิหารแหวนครองพิภพ บิลโบ แบ๊กกินส์ เริ่มแสดงอาการที่เกิดจากการครอบครองแหวนมนตราที่มีพลังความมืดมาเป็นเวลาหกทศวรรษ ด้วยวิตกว่าแหวนกำลังทำลายเขาลงอย่างช้าๆ เขาจึงพูดกับพ่อมดแกนดัล์ฟว่า “ทำไมข้าจึงรู้สึกเปราะบางเหมือนถูกยืดขยายออกจนตึง ท่านคงรู้ใช่ไหมว่าข้าหมายความว่ายังไง เหมือนเนยที่ถูกทาลงบนขนมปังจำนวนมากเกินไปจนบาง” เขาตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อแสวงหาที่ซึ่งเขาจะได้พัก “อย่างสงบสุขโดยไม่มีพวกญาติๆคอยสอดรู้สอดเห็น”

แง่มุมจากเรื่องราวของโทลคีนทำให้ฉันนึกถึงประสบการณ์ของผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิม ขณะหนีจากเยเซเบลและถูกบีบคั้นหลังการต่อสู้กับผู้เผยพระวจนะเท็จ เอลียาห์ต้องการพักผ่อนอย่างยิ่ง ท่านรู้สึกหมดแรงและทูลขอให้พระเจ้าเอาชีวิตของท่านไปว่า “พอแล้วพระองค์เจ้าข้า” (1 พกษ.19:4) หลังจากนอนหลับไป ทูตของพระเจ้าได้มาปลุกให้ท่านรับประทานและดื่ม ท่านนอนลงอีก แล้วก็รับประทานอาหารที่ทูตสวรรค์จัดเตรียมให้ท่านอีก เมื่อฟื้นกำลังขึ้นแล้ว ท่านก็มีแรงพอจะเดินเป็นเวลาสี่สิบวันไปยังภูเขาของพระเจ้า

เมื่อเรารู้สึกเปราะบาง เราสามารถแสวงหาการฟื้นฟูกำลังอย่างแท้จริงจากพระเจ้าได้เช่นกัน เราอาจจำเป็นต้องดูแลร่างกายของเรา ขณะทูลขอให้พระองค์ทรงเติมเราด้วยความหวัง สันติสุข และการพักสงบของพระองค์ เช่นที่ทูตสวรรค์ดูแลเอลียาห์ เราก็วางใจได้ว่าพระเจ้าจะประทานการสถิตอยู่เพื่อฟื้นฟูกำลังแก่เราเช่นกัน (ดู มธ.11:28)

การจัดเตรียมของพระเจ้า

ในเดือนมิถุนายน 2023 โลกต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าพี่น้องสี่คนอายุตั้งแต่ 1 ถึง 13 ปี มีชีวิตรอดในป่าอเมซอนของประเทศโคลอมเบีย สี่พี่น้องเอาตัวรอดในป่าเป็นเวลาสี่สิบวันหลังเครื่องบินตกซึ่งได้พรากชีวิตแม่ของพวกเขา พวกเด็กๆซึ่งคุ้นเคยกับภูมิประเทศอันโหดร้ายของป่า ได้ซ่อนตัวจากสัตว์ป่าในลำต้นของต้นไม้ เก็บน้ำจากลำธารและฝนใส่ขวด และกินอาหารอย่างแป้งมันสำปะหลังจากซากเครื่องบิน พวกเขายังรู้ด้วยว่าผลไม้ป่าและเมล็ดพืชชนิดใดที่กินได้

พระเจ้าทรงเลี้ยงดูพี่น้องทั้งสี่คน

เรื่องราวอันน่าทึ่งของพวกเขาทำให้ฉันนึกถึงการที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูชนอิสราเอลในทะเลทรายเป็นเวลาสี่สิบปีอย่างอัศจรรย์ ตามที่บันทึกไว้ในพระธรรมอพยพและกันดารวิถี และกล่าวถึงในพระคัมภีร์ตลอดทั้งเล่ม พระองค์ทรงสงวนชีวิตของพวกเขาเพื่อพวกเขาจะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา

พระเจ้าทรงเปลี่ยนน้ำพุขมให้เป็นน้ำที่ดื่มได้ ทรงให้น้ำออกมาจากหินถึงสองครั้ง และทรงนำประชากรของพระองค์ด้วยเสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืน พระองค์ยังทรงจัดเตรียมมานาแก่พวกเขา “โมเสสจึงบอกเขาว่า ‘นี่แหละเป็นอาหารที่พระเจ้าประทานให้พวกท่านรับประทาน นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาไว้ว่า ให้ทุกคนเก็บเท่าที่พอรับประทานอิ่ม’” (อพย.16:15-16)

พระเจ้าองค์เดียวกันนี้ประทาน “อาหารประจำวัน” (มธ.6:11) แก่เราด้วย เราจึงสามารถวางใจได้ว่าพระองค์จะทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นแก่เรา “จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (ฟป.4:19) เรารับใช้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ!

จังหวะของความสุข

ไปด้วยจังหวะของความสุข วลีนี้เข้ามาในความคิดขณะที่ผมกำลังอธิษฐานใคร่ครวญถึงปีหน้าในเช้าวันหนึ่ง และนี่ช่างดูเหมาะเจาะ ผมมีแนวโน้มที่จะทำงานหนักเกินไป ซึ่งมักจะบั่นทอนความชื่นชมยินดีของผม ดังนั้นเพื่อจะทำตามคำแนะนำนี้ ในปีหน้าผมจึงตั้งใจจะทำงานให้มีความสุขโดยไม่เร่งรีบหรือหักโหมเกินไป มีเวลาให้กับเพื่อนๆ และทำกิจกรรมสนุกๆ

แผนนี้ไปได้สวย...จนกระทั่งเดือนมีนาคม! เมื่อผมร่วมงานกับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเพื่อดูแลหลักสูตรทดลองที่ผมกำลังพัฒนา เนื่องจากนักศึกษาต้องลงทะเบียนและใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ผมจึงต้องทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเพื่อให้ทันกำหนด แล้วผมจะไปด้วยจังหวะของความสุขได้อย่างไรในตอนนี้

พระเยซูทรงสัญญาถึงความสุขยินดีแก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์ ซึ่งเราจะได้รับโดยยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์ (ยน.15:9) และทูลถึงความต้องการของเราด้วยการอธิษฐาน (16:24) พระองค์ตรัสว่า “นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม” (15:11) ความยินดีนี้เป็นของขวัญที่มอบให้เราทางองค์พระวิญญาณ ผู้ซึ่งเราดำเนินชีวิตตาม (กท.5:22-25) ผมพบว่าตัวเองจะรักษาความสุขยินดีนี้ไว้ในช่วงที่งานยุ่งได้เมื่อผมใช้เวลาแต่ละคืนอธิษฐานด้วยความสงบและไว้วางใจ

เพราะความสุขยินดีสำคัญมาก เราจึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในการจัดตารางเวลาของเรา แต่เพราะเราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้ ผมจึงดีใจที่พระวิญญาณผู้ทรงเป็นอีกแหล่งหนึ่งของความยินดีสถิตอยู่กับเรา สำหรับผมตอนนี้ การไปด้วยจังหวะของความสุขหมายถึงการไปด้วยจังหวะของการอธิษฐาน โดยการหาเวลาเพื่อจะรับจากผู้ประทานความยินดี

ชีวิตที่ผ่านการฝึกจากพระเจ้า

เดือนมิถุนายนปี 2016 ในระหว่างงานพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาปีที่ 90 ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบ็ธ พระองค์ทรงประทับบนรถม้าพร้อมกับโบกพระหัตถ์ให้ฝูงชน ขณะที่รถม้าวิ่งผ่านทหารในเครื่องแบบสีแดงซึ่งยืนเรียงกันเป็นแถวยาวด้วยอาการสงบนิ่ง วันนั้นเป็นวันที่อากาศอบอุ่นในประเทศอังกฤษ และทหารองครักษ์สวมเครื่องแบบสำหรับพระราชพิธีที่ตัดเย็บจากผ้าขนแกะกางเกงสีดำ เสื้อแขนยาวที่ติดกระดุมสูงจรดคางและหมวกยอดประดับพู่ใบใหญ่ขณะที่ทหารยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบภายใต้แสงอาทิตย์ ทหารองครักษ์คนหนึ่งมีอาการหน้ามืด เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามควบคุมการทรงตัวเอาไว้อย่างเคร่งครัดก่อนจะล้มฟาดลงไปข้างหน้า ตัวของเขายังคงตรงราวกับไม้กระดานขณะที่หน้าของเขาคว่ำลงบนพื้นกรวด เขานอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นในท่าที่ตัวยังคงเหยียดตรงอยู่

ทหารองครักษ์คนนี้ต้องใช้เวลาหลายปีในการฝึกวินัยเพื่อเรียนรู้การควบคุมตนเองและร่างกายให้ได้แม้ในยามที่เขาล้มหมดสติ อัครทูตเปาโลบรรยายถึงการฝึกฝนเช่นนี้ว่า “แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ” (1 คร.9:27) เปาโลยอมรับว่า “นักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ” (ข้อ 25)

แม้ว่าพระคุณของพระเจ้า (ไม่ใช่ความพยายามของเรา) จะช่วยค้ำจุนทุกสิ่งที่เราทำ แต่ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราก็สมควรได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด เมื่อพระเจ้าทรงช่วยให้เรามีวินัยทั้งทางความคิด จิตใจ และร่างกาย เราจะเรียนรู้ที่จะจดจ่ออยู่ที่พระองค์ แม้ในยามที่ต้องเผชิญกับการทดลองหรือสิ่งรบกวน

การแสดงความกรุณาแบบง่ายๆ

ตอนที่แม่ของฉันอยู่ที่บ้านพักผู้ป่วยระยะสุดท้ายและกำลังเข้าสู่วาระสุดท้ายของชีวิตบนโลกนี้ ฉันรู้สึกซาบซึ้งในความมีใจกรุณาของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยที่นี่ หลังจากที่ผู้ช่วยพยาบาลค่อยๆยกแม่ที่อ่อนแรงลงจากเก้าอี้และอุ้มไปไว้บนเตียง เธอก็ลูบแขนของท่านขณะที่โน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ และพูดว่า “ท่านน่ารักมากค่ะ” แล้วเธอก็หันมาถามว่าฉันเป็นอย่างไรบ้าง ความกรุณาของเธอทำให้ฉันน้ำตาไหลในวันนั้นและยังคงรู้สึกมาจนทุกวันนี้

สิ่งที่เธอทำเป็นเพียงการแสดงความกรุณาแบบง่ายๆ แต่คือสิ่งที่ฉันกำลังต้องการในเวลานั้น ความกรุณานั้นช่วยให้ฉันรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มองว่าแม่ฉันเป็นแค่คนไข้ แต่เธอเอาใจใส่และมองเห็นคุณค่าของท่านอย่างมาก

เมื่อนาโอมีและรูธต้องสูญเสียสามีไป โบอาสได้แสดงความกรุณาต่อรูธโดยปล่อยให้เธอเก็บข้าวที่คนเกี่ยวข้าวทำตก ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสั่งคนเกี่ยวข้าวให้ปล่อยเธอไว้ตามลำพัง (นรธ.2:8-9) ความกรุณาที่เธอได้รับจากเขานั้นมาจากการที่รูธดูแลเอาใจใส่นาโอมี “ทุกอย่างที่เจ้าได้ปฏิบัติต่อแม่ผัวของเจ้า ตั้งแต่สามีของเจ้าสิ้นชีวิตแล้วนั้น มีคนมาเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว” (ข้อ 11) เขาไม่ได้มองเธอว่าเป็นแค่คนต่างด้าวหรือแม่ม่าย แต่มองเธอว่าเป็นผู้หญิงที่ขัดสน

พระเจ้าประสงค์ให้เรา “สวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน” (คส.3:12 THSV11) เมื่อพระเจ้าทรงช่วยเหลือเรานั้น การแสดงความกรุณาแบบง่ายๆของเราสามารถสร้างกำลังใจ นำมาซึ่งความหวัง และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นมีใจกรุณาเช่นกัน

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา