Month: มกราคม 2017

รำลึกถึงอดีต

ลูกชายของเราต่อสู้กับการติดยาเสพติดถึงเจ็ดปี ในช่วงเวลานั้นผมและภรรยาต้องเผชิญกับวันที่ยากลำบากมากมาย ขณะที่เราอธิษฐานและรอคอยให้เขาหาย เราเรียนรู้ที่จะฉลองชัยชนะเล็กๆ หากไม่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นในทุกช่วงยี่สิบชั่วโมง เราจะบอกกันและกันว่า “วันนี้เป็นวันดี” ประโยคสั้นๆ นี้กลายเป็นสิ่งเตือนใจให้ขอบพระคุณสำหรับความช่วยเหลือของพระเจ้าในสิ่งเล็กน้อยที่สุด

สิ่งที่สอดแทรกอยู่ในสดุดี 126:3 ยิ่งเตือนใจเราถึงพระเมตตากรุณาของพระเจ้าและผลที่มีต่อเรา “พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เรา เรามีความยินดี” ช่างเป็นถ้อยคำประเสริฐที่ควรจำไว้ในใจเมื่อเราระลึกถึงพระกรุณาที่พระเยซูทรงมีต่อเราที่กางเขน วันอันยากลำบากไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้ทรงสำแดงพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้แก่เราแล้ว และ “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์” (สดด.136:1)

เมื่อเราเคยผ่านสถานการณ์ยากลำบากและพบว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ การจดจำไว้จะช่วยได้มากเมื่อกระแสน้ำแห่งชีวิตเชี่ยวกรากในอนาคต เราอาจไม่ทราบว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเราให้ผ่านสถานการณ์นั้นได้อย่างไร แต่พระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อเราในอดีตจะช่วยให้เราวางใจว่าพระองค์ทรงทำได้

ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น

ในปี 2015 บริษัทวิจัยนานาชาติแห่งหนึ่งรายงานว่า มีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ 245 ล้านตัวทั่วโลก และมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ทุกปี นอกจากนั้นยังมีผู้คนอีกนับล้านที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปทุกวัน ตั้งแต่รูปงานวันเกิดจนถึงรูปการปล้นธนาคาร ไม่ว่าเราจะยินดีกับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น หรือบ่นกับความเป็นส่วนตัวที่ลดลง เราก็อาศัยอยู่ในสังคมโลกที่มีกล้องอยู่ทุกหนแห่ง

ทำงานด้วยกัน

ภรรยาของผมทำเนื้อตุ๋นได้อร่อยมาก เธอใช้เนื้อดิบ ตามด้วยมันฝรั่งและมันเทศหั่นแว่น คึ่นฉ่าย เห็ด แครอทและหัวหอม ใส่รวมกันในหม้อตุ๋น หกหรือเจ็ดชั่วโมงต่อมากลิ่นก็หอมฟุ้งไปทั่วบ้าน คำแรกที่ชิมนั้นวิเศษมาก การรอคอยให้ส่วนผสมต่างๆ ในหม้อทำงานด้วยกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากอยู่ลำพัง ก็เพื่อความสุขของผม

แสดงความเมตตาไปทั่ว

ว่ากันว่า แอน เฮอร์เบิร์ต นักเขียนชาวอเมริกัน เป็นผู้เขียนข้อความ “จงฝึกสำแดงความเมตตาไปทั่วและทำดีเพราะทำได้” บนผ้ารองจานในร้านอาหารในปี 1982 ต่อมาข้อความนี้เป็นที่รู้จักผ่านภาพยนตร์และวรรณกรรมและกลายเป็นคำที่เราใช้ทั่วไป

เก่าแต่ใหม่

ในปี 2014 เกิดหลุมยุบใต้พิพิธภัณฑ์รถคอร์เวตต์แห่งชาติในเคนตักกี ทำให้รถสปอร์ตโบราณเชฟโรเลต คอร์เวตต์ตกลงไป 8 คัน สร้างความเสียหายรุนแรงแก่ตัวรถ บางคันไม่สามารถซ่อมได้อีก

วางภาระลง

ชายคนหนึ่งขับรถกระบะอยู่บนถนนในชนบท เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแบกของหนักอยู่ เขาจึงจอดรถและชวนเธอโดยสารไปด้วย หญิงคนนั้นกล่าวขอบคุณและปีนขึ้นหลังรถ

แหล่งยังชีพของเรา

สิงหาคม 2010 ทั่วโลกพากันสนใจปล่องเหมืองใกล้เมืองโคปีอาโป ประเทศชิลี คนงานเหมือง 33 คนเบียดเสียดอยู่ในความมืดใต้พื้นดิน 2,300 ฟุต โดยไม่รู้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือหรือไม่ หลังจากรอคอย 17 วัน ก็ได้ยินเสียงเจาะ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเจาะรูขนาดเล็กบนเพดานปล่อง และเจาะเพิ่มอีก 3 รู เพื่อส่งน้ำ อาหาร และยา คนงานต้องอาศัยช่องนี้เพื่อรับสิ่งยังชีพที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิตรอด วันที่ 69 ทีมกู้ภัยดึงคนงานคนสุดท้ายขึ้นมาอย่างปลอดภัย

ผู้ที่เราต้องสรรเสริญ

ฉากรางหญ้าหลายฉากมีภาพนักปราชญ์หรือโหราจารย์มาเฝ้าพระเยซูที่เบธเลเฮมในเวลาเดียวกับคนเลี้ยงแกะ แต่ตามพระกิตติคุณมัทธิว ซึ่งเป็นพระธรรมเล่มเดียวที่บันทึกเรื่องราวของพวกเขา เหล่าโหราจารย์มาถึงภายหลัง พระเยซูไม่ได้ประทับในรางหญ้าในคอกสัตว์ของโรงแรมแล้ว แต่ประทับในเรือน มัทธิว 2:11 บอกเราว่า “ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขาออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ”

การตระหนักว่าโหราจารย์มาเยือนช้ากว่าที่เราคิด เป็นสิ่งเตือนใจที่ดีขณะที่เราเริ่มต้นปีใหม่ พระเยซูทรงสมควรจะรับการนมัสการอยู่เสมอ เมื่อวันหยุดผ่านไปและเรากลับสู่ชีวิตประจำวันตามปกติ เราก็ยังมีผู้ที่ต้องสรรเสริญ

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์อิมมานูเอล “พระเจ้าทรงอยู่กับเรา” (มธ.1:23) ในทุกเทศกาล พระองค์ทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเรา “เสมอไป” (มธ.28:20) เพราะพระองค์สถิตกับเราเสมอ เราจึงนมัสการพระองค์ในใจของเราทุกวันได้ และวางใจว่าพระองค์จะทรงสำแดงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในปีที่จะมาถึง เช่นเดียวกับที่โหราจารย์แสวงหาพระองค์ ขอให้เราแสวงหาพระองค์เช่นกัน และนมัสการพระองค์ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด

ฟังเสียงพระเจ้า

ลูกชายตัวน้อยชอบเสียงของฉัน ยกเว้นตอนที่เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงดุและถามว่า “ลูกอยู่ไหน” หากฉันเรียกเขาแบบนี้ แสดงว่าเขาได้ทำเรื่องไม่ถูกต้องและพยายามปกปิดไม่ให้ฉันรู้ ฉันต้องการให้ลูกชายฟังเสียงของฉันเพราะ ฉันห่วงใยสวัสดิภาพของเขาและไม่อยากให้เขาบาดเจ็บ

อาดัมและเอวาคุ้นเคยกับการได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าในสวน แต่เมื่อพวกเขาไม่เชื่อฟังโดยไปกินผลไม้ต้องห้าม พวกเขาจึงไปซ่อนเสียเมื่อได้ยินพระเจ้าตรัสถามว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน” (ปฐก.3:9) พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้าเพราะรู้ว่าได้ทำเรื่องที่ผิด เรื่องที่พระองค์ทรงห้ามไม่ให้ทำ (ปฐก.3:11)

เมื่อพระเจ้าตรัสเรียกอาดัมและเอวาและพบพวกเขาในสวน พระดำรัสของพระองค์มีทั้งบทลงโทษและผลที่พวกเขาต้องรับ (ปฐก.3:13-19) แต่พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระเมตตาและประทานความหวังแก่มนุษยชาติผ่านทางพระสัญญาถึงพระผู้ช่วยให้รอดด้วย (ปฐก.3:15)

พระเจ้าไม่จำเป็นต้องมองหาเรา พระองค์ทรงทราบว่าเราอยู่ที่ไหน และเรากำลังพยายามปิดบังสิ่งใด แต่ในฐานะที่ทรงเป็นพระบิดาที่รักเรา พระองค์ปรารถนาจะตรัสแก่จิตใจของเรา และนำการยกโทษและการฟื้นฟู พระองค์ทรงประสงค์ให้เราได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ และตั้งใจฟัง

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา