รักศัตรู
เมื่อสงครามปะทุขึ้นในปี 1950 คิม ชินคยอง วัย 15 ปี เข้าร่วมกองทัพเกาหลีใต้เพื่อปกป้องบ้านเกิด แต่เขาไม่พร้อมสำหรับความสยดสยองของการสู้รบ ในขณะที่เพื่อนพากันล้มตาย เขาทูลขอชีวิตจากพระเจ้าและสัญญาว่า หากเขารอดชีวิต เขาจะรักศัตรู
อยู่ในความสว่าง
เช้าวันนั้นมืดหม่น หมู่เมฆสีเทาลอยต่ำปกคลุมท้องฟ้า บรรยากาศมืดมัวจนฉันต้องเปิดไฟเพื่อจะอ่านหนังสือ ขณะทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทางอยู่ดีๆ ห้องก็สว่าง ฉันเงยหน้าดูและเห็นว่าลมพัดเมฆไปทางตะวันออก ทำให้ท้องฟ้าโปร่งจนมองเห็นดวงอาทิตย์
รักไร้พรมแดน
ช่วงกบฏนักมวยที่จีนในปี 1900 มิชชันนารีซึ่งติดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในเมืองไท่หยวนฟูตัดสินใจว่า ความหวังเดียวที่พวกเขาจะรอดได้คือการวิ่งฝ่าฝูงชนที่ขู่ฆ่าพวกเขา พวกเขาหนีรอดมาได้ด้วยอาวุธที่มี แต่เมื่ออีดิธ คูมบ์พบว่านักเรียนชาวจีนที่บาดเจ็บสองคนของเธอยังหนีไม่พ้น เธอก็วิ่งฝ่าอันตรายกลับไป เธอช่วยได้หนึ่งคน แต่พลาดตอนวิ่งกลับไปช่วยคนที่สองและถูกฆ่า
นำด้วยความรัก
ในหนังสือชื่อ ผู้นำฝ่ายวิญญาณ เจ. ออสวอลด์ แซนเดอร์ ได้ศึกษาลักษณะและความสำคัญของไหวพริบและความสามารถในการเจรจา แซนเดอร์กล่าวว่า “เมื่อรวมสองคำนี้เข้าด้วยกัน จะกลายเป็นทักษะในการผสานมุมมองที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยไม่ทำให้บาดหมางและไม่ผิดหลักการด้วย”
ตายเพื่อผู้อื่น
ผมชอบนก ด้วยเหตุนี้ผมจึงซื้อนกใส่กรงมาหกตัวและถือกลับบ้านไปให้อลิซลูกสาวผมที่คอยเลี้ยงดูพวกมันทุกวัน ต่อมานกตัวหนึ่งป่วยและตาย เราสงสัยว่านกจะอยู่ได้ดีกว่านี้ไหมถ้าไม่ถูกจับใส่กรง เราจึงปล่อยอีกห้าตัวที่เหลือและมองดูมันบินไปด้วยความยินดี
ห้ามคนนอก
ในชนบทห่างไกลของประเทศกานา มีภาษิตที่กล่าวว่า “เวลากิน ไม่มีคำว่าเพื่อน” คนที่นั่นถือว่าการไปเยี่ยมเยียนเวลาอาหารเป็นเรื่องไม่สุภาพ เพราะอาหารนั้นหายาก หลักปฏิบัตินี้หมายรวมทั้งเพื่อนและคนนอก
ความมั่งมีแท้
ในพิธีไว้อาลัยพ่อของเพื่อนฉัน มีคนบอกเธอว่า “ฉันไม่เคยรู้จักใครที่สนุกกับการช่วยเหลือคนอื่น จนได้พบพ่อของเธอ” พ่อของเธอมีส่วนช่วยสร้างแผ่นดินของพระเจ้าด้วยการปรนนิบัติรับใช้ผู้คน ทั้งยังหัวเราะ รัก และพบปะคนแปลกหน้าซึ่งต่อมากลายเป็นเพื่อนเมื่อเขาเสียชีวิต เขาเหลือไว้ซึ่งมรดกแห่งความรัก ในทางตรงกันข้าม ป้าของเพื่อนฉันซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อมองว่ามรดกของเธอคือสมบัติซึ่งเธอครอบครอง ในช่วงบั้นปลายชีวิต เธอเอาแต่กังวลว่าใครจะมาดูแลสมบัติของบรรพบุรุษและหนังสือหายาก
จากคำสอนและตัวอย่างของพระเยซู พระองค์ทรงเตือนผู้ติดตามพระองค์ให้หลีกเลี่ยงการสะสมทรัพย์สมบัติ บริจาคให้กับคนยากจนและให้คุณค่ากับสิ่งซึ่งสนิมไม่อาจกัดกินหรือเปื่อยเน่าได้ พระเยซูตรัสว่า “เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย” (ลูกา 12:34)
เรามักคิดว่าสิ่งของต่างๆ ทำให้ชีวิตเรามีความหมาย แต่เมื่ออุปกรณ์รุ่นล่าสุดเสียหรือเราทำของมีค่าหาย เราก็เริ่มตระหนักว่าสิ่งที่ให้ความพึงพอใจและยั่งยืนคือความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า สิ่งซึ่งไม่เหี่ยวแห้งหรือจางหายไปคือความรักและความห่วงใยของเราที่มีต่อคนอื่น
จงทูลขอพระเจ้าทรงช่วยเราให้เห็นชัดว่าเราให้คุณค่ากับสิ่งใด ขอทรงเปิดเผยว่าใจของเราอยู่ที่ไหนและช่วยให้เราแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด (ลูกา 12:31)
ทำสุดกำลังแล้ว
เวลาที่เพื่่อนๆ โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ยั้งคิดลงบนสื่อสังคมออนไลน์ ชาร์ล็อตจะแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่น เธอให้เกียรติทุกคน และใช้ถ้อยคำแง่บวกเสมอ
ผู้องอาจ
ฤดูร้อนปี 2015 ฮันเตอร์ อายุ 15 ปี แบกร่างน้องชายชื่อเบรเดน (8 ขวบ) เดินเท้าเป็นระยะทาง 92 กิโลเมตร เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความต้องการของผู้พิการทางสมอง เบรเดนหนัก 28 กิโลกรัม ฮันเตอร์จึงต้องพักบ่อยๆ เพื่อให้คนอื่นช่วย คลายกล้ามเนื้อ ให้เขาสวมสายรัดพิเศษเพื่อช่วยกระจายน้ำหนักของเบรเดน ฮันเตอร์เล่าว่า สายรัดแบ่งเบาภาระทางร่างกาย แต่สิ่งที่ช่วยเขามากที่สุดคือผู้คนที่อยู่ระหว่างทาง “ถ้าไม่มีทุกคนที่ให้กำลังใจและเดินไปกับเรา ผมคงทำมันไม่ได้...ผมปวดขาอย่างรุนแรง แต่เพื่อนๆ ช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้น ผมจึงทำสำเร็จได้...” แม่ของเขาตั้งชื่อการเดินอันยากลำบากนี้ว่า “คนพิการทางสมองผู้องอาจ”