เดวิดและแองจี้รู้สึกถึงการทรงเรียกให้ย้ายไปต่างแดน และงานรับใช้ที่เกิดผลตามมานั้นดูเหมือนจะเป็นการยืนยันในเรื่องนี้ แต่เรื่องหนึ่งที่น่าเศร้าในการย้ายนี้คือ พ่อแม่ที่ชราแล้วของเดวิดต้องใช้เวลาช่วงคริสต์มาสเพียงลำพัง

ทั้งคู่พยายามคลายความเหงาของพ่อแม่ในวันคริสต์มาสด้วยการส่งของขวัญมาให้ล่วงหน้าและโทรมาตอนเช้าวันคริสต์มาส แต่สิ่งที่พ่อแม่ต้องการจริงๆก็คือพวกเขา เนื่องจากรายได้ของเดวิดทำให้เขาเดินทางกลับบ้านได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น พวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง เดวิดต้องการสติปัญญา

สุภาษิตบทที่ 3 เป็นหลักสูตรเร่งรัดในการแสวงหาปัญญา ซึ่งบอกว่าเราจะได้ปัญญาจากการนำสถานการณ์ของเราทูลต่อพระเจ้า (ข้อ 5-6) โดยบรรยายลักษณะของปัญญาไว้หลายรูปแบบเช่น ความรักและความสัตย์ซื่อ (ข้อ 3-4, 7-12) และผลที่ได้คือความสงบสุขและอายุยืนยาว (ข้อ 13-18) ข้อความที่น่าประทับใจกล่าวว่าพระเจ้าประทานสติปัญญาเช่นนี้โดยรับเราไว้ “ในความไว้พระทัยของพระองค์” (ข้อ 32) พระองค์กระซิบบอกวิธีแก้ปัญหาแก่ผู้ที่ใกล้ชิดพระองค์

คืนหนึ่งขณะอธิษฐานถึงปัญหานี้เดวิดก็เกิดความคิดขึ้น คริสต์มาสครั้งถัดไปเขาและแองจี้สวมเสื้อผ้าที่สวยที่สุด ตกแต่งโต๊ะด้วยของประดับแวววาวและนำเนื้ออบมื้อเย็นเข้ามา พ่อแม่ของเดวิดก็ทำแบบเดียวกัน จากนั้นจึงวางแล็ปท็อปไว้บนโต๊ะแต่ละตัว พวกเขากินอาหารด้วยกันผ่านวิดีโอลิงก์ที่เกือบจะรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องเดียวกัน นี่จึงกลายเป็นประเพณีของครอบครัวนับตั้งแต่นั้นมา

พระเจ้าทรงรับเดวิดไว้ในพระทัยของพระองค์และประทานปัญญาแก่เขา พระองค์ทรงรักที่จะกระซิบวิธีในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์แก่เรา