Month: พฤศจิกายน 2023

ยึดพระเยซูไว้

ขณะอยู่ตรงบันไดในตึกที่ทำงาน ฉันเกิดอาการวิงเวียนศีรษะที่ถาโถมเข้ามาจนต้องจับราวบันไดไว้เพราะดูเหมือนบันไดกำลังหมุน ขณะที่หัวใจเต้นแรงและขาอ่อนแรงนั้นฉันยึดราวบันไดไว้แน่นและนึกขอบคุณในความแข็งแรงของมัน ผลตรวจทางการแพทย์ชี้ว่าฉันมีภาวะโลหิตจาง แม้อาการจะไม่รุนแรงและฉันดีขึ้นแล้ว แต่ฉันจะไม่มีวันลืมความรู้สึกอ่อนแอในวันนั้นเลย

นี่เป็นเหตุผลที่ฉันชื่นชมหญิงที่แตะต้องพระเยซู เธอไม่เพียงแต่เดินฝ่าฝูงชนขณะที่อ่อนแรง แต่ยังแสดงถึงความเชื่อโดยการยอมเสี่ยงเพื่อจะสัมผัสพระองค์ด้วย (มธ.9:20-22) เธอมีเหตุผลที่จะกลัว เพราะกฎบัญญัติของยิวถือว่าเธอเป็นผู้มีมลทิน และการนำมลทินของเธอไปสู่ผู้อื่นนั้นอาจนำผลร้ายแรงมาสู่เธอ (ลนต.15:25-27) แต่ความคิดที่ว่า ถ้าเราได้แตะต้องฉลองพระองค์เท่านั้น นำให้เธอเดินต่อไป คำภาษากรีกที่แปลว่า “แตะต้อง” ในมัทธิว 9:21 นั้นไม่ได้หมายถึงการแตะเพียงผิวเผินแต่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นคือ “การยึดเอาไว้” หรือ “การทำตัวให้ติด” หญิงนั้นยึดพระเยซูไว้แน่น เธอเชื่อว่าพระองค์จะรักษาเธอได้

ในท่ามกลางฝูงชนมากมายนั้น พระเยซูทรงเห็นความเชื่ออย่างสุดใจของหญิงคนหนึ่ง เช่นเดียวกัน เมื่อเรายอมเสี่ยงโดยความเชื่อและยึดพระคริสต์ไว้ในยามลำบาก พระองค์จะทรงต้อนรับเราและช่วยเหลือเรา เราสามารถเล่าเรื่องของเราให้พระองค์ฟังได้โดยไม่ต้องกลัวการปฏิเสธหรือการลงโทษ พระเยซูทรงบอกกับเราในวันนี้ว่า “ยึดเราไว้”

รองเท้าบูทนำโชค

ทอมรู้สึกถึงเสียง “คลิก” อันเยือกเย็นภายใต้รองเท้าคอมแบทของเขาเมื่อสายเกินไป เขากระโดดออกมาตามสัญชาตญาณด้วยพลังจากอะดรีนาลีน เจ้าวัตถุอันตรายที่ซ่อนอยู่ใต้ดินไม่ระเบิด ภายหลังหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิดได้นำวัตถุระเบิดแรงสูงหนักราว 36 กิโลกรัมขึ้นมาจากจุดนั้น ทอมใส่รองเท้าบูทคู่นั้นจนมันขาด เขาเรียกมันว่า “รองเท้าบูทนำโชคของผม”

ทอมอาจยึดติดอยู่กับรองเท้าบูทคู่นั้นเพื่อระลึกถึงช่วงเวลาเฉียดตายของเขา แต่หลายคนมีแนวโน้มที่จะคิดว่าวัตถุต่างๆ “นำโชค” ได้ หรือแม้กระทั่งเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้มากกว่านั้นว่าสามารถ “ให้พร” ได้ เป็นเรื่องอันตรายเมื่อเราให้คุณค่ากับสิ่งของหรือแม้แต่สัญลักษณ์ว่าเป็นแหล่งพระพรของพระเจ้า

ชนชาติอิสราเอลเรียนรู้เรื่องนี้ด้วยความยากลำบาก กองทัพชาวฟีลิสเตียเอาชนะพวกเขาในสงคราม เมื่ออิสราเอลใคร่ครวญถึงเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้ มีคนหนึ่งได้คิดถึงการนำ “หีบพันธสัญญาของพระเจ้า” มาในสนามรบ (1 ซมอ.4:3) ซึ่งดูเป็นความคิดที่ดี (ข้อ 6-9) เพราะหีบพันธสัญญาก็เป็นวัตถุที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์

แต่คนอิสราเอลมีมุมมองที่ไม่ถูกต้อง ด้วยตัวหีบพันธสัญญาเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้ เมื่อคนอิสราเอลวางความเชื่อไว้ที่วัตถุแทนการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าผู้เที่ยงแท้องค์เดียว พวกเขาก็ต้องทนทุกข์ต่อความพ่ายแพ้ที่แย่ยิ่งกว่าครั้งแรก และศัตรูได้เอาหีบพันธสัญญาไป (ข้อ 10-11)

สิ่งของที่ใช้ย้ำเตือนให้เราอธิษฐานหรือขอบคุณพระเจ้าสำหรับความประเสริฐของพระองค์นั้นไม่เป็นอันตราย แต่มันไม่ใช่แหล่งที่มาของพระพร แหล่งพระพรนั้นคือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว

รักผ่านคำอธิษฐาน

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่จอห์นเป็นคนค่อนข้างฉุนเฉียวเมื่ออยู่ที่โบสถ์ เขาอารมณ์ร้าย เรียกร้องสูง และหยาบคายอยู่บ่อยครั้ง เขาบ่นอยู่เสมอว่าไม่ได้รับการ “รับใช้” ที่ดีพอ และอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ไม่ทำหน้าที่ของตนเอง จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ยากที่จะรัก

ดังนั้นเมื่อผมได้ยินว่าเขาเป็นมะเร็ง จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะอธิษฐานเผื่อเขา จิตใจของผมเต็มไปด้วยความทรงจำถึงคำพูดร้ายๆและท่าทีที่ไม่น่ารักของเขา แต่เมื่อระลึกถึงคำสั่งของพระเยซูที่ให้เรารักกัน ผมก็อธิษฐานอย่างเรียบง่ายให้จอห์นทุกวัน ไม่กี่วันต่อมาผมพบว่าผมเริ่มคิดถึงความไม่น่ารักของเขาน้อยลง เขาคงเจ็บปวดน่าดูนะ ผมคิด เขาคงรู้สึกหลงทางอยู่แน่ๆ

จึงได้เข้าใจว่าการอธิษฐานคือการเปิดตัวเรา ความรู้สึกและความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่นต่อพระเจ้า โดยอนุญาตให้พระองค์ได้เข้ามาและมอบมุมมองของพระองค์ให้เรา การมอบเจตจำนงค์และความรู้สึกให้พระองค์ในคำอธิษฐานนั้นเปิดโอกาสให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาเปลี่ยนหัวใจของเราอย่างช้าๆแต่มั่นคง แน่นอนว่าการทรงเรียกให้รักศัตรูของพระเยซูนั้นเชื่อมโยงกับการทรงเรียกให้อธิษฐาน “จงอธิษฐานเพื่อคนที่เคี่ยวเข็ญท่าน” (ลก.6:28)

ผมต้องยอมรับว่าผมยังต้องต่อสู้ในการคิดแง่บวกกับจอห์น แต่ด้วยการช่วยเหลือของพระวิญญาณ ผมกำลังเรียนรู้ที่จะมองเขาผ่านสายตาและหัวใจของพระเจ้า ในฐานะเป็นคนที่ควรได้รับการให้อภัยและความรัก

ชัยชนะสูงสุดของพระเยซู

ที่ค่ายทหารบางแห่งในทวีปยุโรปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการส่งเสบียงทางอากาศที่แปลกประหลาดมาให้ทหารที่คิดถึงบ้าน นั่นคือ เปียโน พวกมันถูกผลิตขึ้นแบบพิเศษโดยให้มีเหล็กแค่ 10% จากปริมาณปกติ มีการติดกาวกันน้ำชนิดพิเศษและผ่านขั้นตอนป้องกันแมลง เปียโนเหล่านั้นมีพื้นผิวขรุขระและเรียบง่าย แต่ได้มอบความบันเทิงที่สร้างกำลังใจให้ทหารที่มารวมตัวกันเพื่อร้องเพลงที่คุ้นเคยที่บ้านอยู่หลายชั่วโมง

การร้องเพลงโดยเฉพาะเพลงสรรเสริญนั้นเป็นทางหนึ่งที่ผู้เชื่อในพระเยซูจะพบความสงบในสงครามเช่นกัน กษัตริย์เยโฮชาฟัททรงรู้ความจริงในเรื่องนี้เมื่อทรงเผชิญกับศัตรูที่บุกรุก (2 พศด.20) พระองค์ทรงกลัวจึงเรียกให้ทุกคนมาชุมนุมกันเพื่ออดอาหารและอธิษฐาน (ข้อ 3-4) พระเจ้าทรงตอบสนองโดยให้พระองค์นำทหารออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูและทรงสัญญาว่าพวกเขา “ไม่จำเป็น...จะต้องสู้รบในสงครามครั้งนี้” (ข้อ 17) เยโฮชาฟัทเชื่อในพระเจ้าและตอบสนองด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงตั้งนักร้องให้นำหน้ากองทัพและร้องสรรเสริญพระเจ้าสำหรับชัยชนะที่พวกเขาเชื่อว่าจะได้เห็น (ข้อ 21) และเมื่อเพลงสรรเสริญเริ่มขึ้น พระองค์ทรงเอาชนะศัตรูและช่วยกู้คนของพระองค์อย่างอัศจรรย์ (ข้อ 22)

ชัยชนะไม่ได้มาในเวลาและรูปแบบที่เราต้องการเสมอไป แต่เรายังสามารถประกาศชัยชนะสูงสุดของพระเยซูที่ได้ทรงพิชิตความบาปและความตายมาแล้วเพื่อเราได้ เราเลือกที่จะพักสงบอยู่ในจิตวิญญาณแห่งการนมัสการสรรเสริญได้ในท่ามกลางสงคราม

รู้จักเสียงพระผู้เลี้ยง

ตอนผมเป็นเด็กอาศัยอยู่ที่ฟาร์มในรัฐเทนเนสซี่ ผมใช้เวลาช่วงบ่ายอันสดใสเดินเตร่ไปกับเพื่อนสนิท เรามักจะเข้าไปในป่า ขี่ลูกม้า ไปดูสนามแข่งม้า และแอบเข้าไปในคอกม้าเพื่อดูคาวบอยฝึกม้า แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้ยินเสียงผิวปากของพ่อที่ดังชัดเจนผ่านสายลมและเสียงพูดคุยอื่นๆ ผมจะทิ้งทุกอย่างที่กำลังทำอยู่และกลับบ้าน สัญญาณนั้นชัดเจนและผมรู้ว่าพ่อกำลังเรียกผม หลายสิบปีต่อมาผมก็ยังจำเสียงนั้นได้

พระเยซูทรงบอกกับสาวกว่าพระองค์เป็นผู้เลี้ยง และผู้ที่ติดตามพระองค์คือแกะ “แกะย่อมฟังเสียงของ[ผู้เลี้ยง]” พระองค์ตรัส “ท่านเรียกชื่อแกะของท่าน และนำออกไป” (ยน.10:3) ในช่วงเวลาที่ผู้นำและผู้สอนหลายคนพยายามจะทำให้สาวกของพระคริสต์สับสนโดยการอ้างถึงอำนาจของตน พระเยซูตรัสว่าเสียงแห่งความรักของพระองค์ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน และแตกต่างจากเสียงอื่น “แกะก็ตาม (ผู้เลี้ยง) ไป เพราะรู้จักเสียงของท่าน” (ข้อ 4)

ให้เราระมัดระวังในการฟังเสียงของพระเยซูและไม่เพิกเฉยต่อเสียงนั้นด้วยความโง่เขลา เพราะความจริงที่สำคัญยังคงอยู่ คือ พระผู้เลี้ยงทรงเรียกอย่างชัดเจน และแกะของพระองค์ฟังเสียงพระองค์ พระเยซูได้ตรัสแล้ว บางครั้งอาจโดยผ่านทางข้อพระคัมภีร์ จากคำพูดของเพื่อนผู้เชื่อ หรือการเร้าของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเราได้ยินเสียงนั้นชัดเจนแล้ว

ความพินาศถูกทำลาย

“เจ้าลูกนกจะบินพรุ่งนี้แล้ว!” คาริภรรยาของผมปลื้มใจในพัฒนาการของนกกระจิบที่อยู่ในตะกร้าซึ่งแขวนอยู่ระเบียงหน้าบ้านเรา เธอเฝ้าดูพวกมันทุกวัน คอยถ่ายรูปเวลาแม่นกเอาอาหารมาที่รัง

คาริตื่นแต่เช้าในวันถัดมาเพื่อจะไปดูพวกมัน เธอย้ายพืชสีเขียวที่คลุมรังอยู่ออกไปข้างๆ แต่แทนที่จะเห็นลูกนก ดวงตาของเธอก็พบเข้ากับดวงตาเรียวเล็กของงู งูเลื้อยลงมาตามผนังเข้าไปในรังนกและกินพวกมันทั้งหมด

คาริรู้สึกโกรธและใจสลาย ผมอยู่นอกเมือง เธอจึงโทรหาเพื่อนให้มาเอางูออกไป แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว

พระคัมภีร์พูดถึงงูอีกตัวหนึ่งที่ทิ้งความพินาศไว้ในทางของมัน งูในสวนเอเดนหลอกลวงเอวาเกี่ยวกับต้นไม้ที่พระเจ้าห้ามไม่ให้เธอกิน “เจ้าจะไม่ตายจริงดอก” งูหลอก “เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว” (ปฐก.3:4-5)

ความบาปและความตายเข้ามาในโลกเพราะผลการไม่เชื่อฟังพระเจ้าของอาดัมและเอวา และการหลอกลวงจาก “งูดึกดำบรรพ์ ผู้ซึ่งเป็นพญามาร” นั้นยังดำเนินต่อไป (วว.20:2) แต่พระเยซูทรงมาเพื่อ“ทำลายกิจการของมาร” (1 ยน.3:8) และโดยพระองค์เราจึงได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระเจ้า วันหนึ่งพระองค์จะทรงสร้าง “สิ่งสารพัดขึ้นใหม่” (วว.21:5)

พิซซ่าแห่งความมุ่งมั่น

เมื่ออายุ12 ปี อิบราฮิมมาจากแอฟริกาฝั่งตะวันตกถึงประเทศอิตาลีโดยไม่รู้ภาษาอิตาลีเลยสักคำ เขามีปัญหาการพูดตะกุกตะกักและต้องเจอกับการดูหมิ่นจากคนที่ไม่ชอบผู้อพยพ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้หยุดยั้งชายหนุ่มวัยยี่สิบปีกว่าผู้ทำงานหนักจนได้เปิดร้านพิซซ่าในเมืองเทรนโตประเทศอิตาลี กิจการเล็กๆของเขาได้เอาชนะคำครหาของทุกคนด้วยการเป็นร้านพิซซ่าติดหนึ่งในห้าสิบอันดับแรกของโลก

จากนั้นความหวังของเขาคือการได้แบ่งปันอาหารให้เด็กๆข้างถนนในอิตาลี เขาจึงเริ่มโครงการ “พิซซ่าการกุศล” โดยการขยายวัฒนธรรมนาโปลิตัน ซึ่งก็คือการที่ลูกค้าซื้อกาแฟเพิ่มคนละแก้วเผื่อคนที่ขาดแคลน (เรียกว่า caffe sospeso) ให้มาเป็นพิซซ่า (pizza sospesa) แทน และเขายังหนุนใจเด็กๆผู้อพยพให้มองข้ามอคติในอดีตและไม่ยอมแพ้ด้วย

ความมุ่งมั่นนี้ทำให้นึกถึงคำสอนของเปาโลต่อชาวกาลาเทียที่ให้ทำความดีต่อไป “อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร” (กท.6:9) เปาโลยังพูดต่อว่า “เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ” (ข้อ 10)

อิบราฮิมเป็นผู้อพยพที่เจอกับอคติและอุปสรรคด้านภาษา แต่ยังสร้างโอกาสที่จะทำความดี อาหารกลายเป็น “สะพาน” สู่ความอดทนและความเข้าใจ เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นเช่นนี้แล้ว เราเองควรหาโอกาสที่จะทำความดี และพระเจ้าจะได้รับเกียรติเมื่อพระองค์ทรงทำงานผ่านความพยายามอย่างแน่วแน่ของเรา

ต้อนรับกลับบ้านโดยพระเจ้า

หลังจากที่เชอร์แมน สมิธ รับดีแลนด์ แม็คคัลโลว์เข้าทีมเพื่อเล่นอเมริกันฟุตบอลให้มหาวิทยาลัยไมอามี่ เขาเริ่มรักเด็กคนนี้และกลายเป็นเหมือนพ่อที่ดีแลนด์ไม่เคยมี ดีแลนด์ชื่นชมในตัวเชอร์แมนมากและตั้งใจว่าจะเป็นเหมือนเขาในวันหนึ่ง สิบกว่าปีต่อมาเมื่อดีแลนด์ตามหาแม่ผู้ให้กำเนิดเขา เธอทำให้เขาตกใจมากเมื่อบอกกับเขาว่า “พ่อของลูกชื่อ เชอร์แมน สมิธ” ใช่แล้ว เชอร์แมน สมิธคนนั้นนั่นเอง โค้ชสมิธตกใจที่รู้ว่าเขามีลูกชาย และดีแลนด์เองก็ตกใจที่คนซึ่งเขาเทิดทูนเหมือนพ่อนั้นคือพ่อเขาจริงๆ!

ครั้งต่อมาที่พวกเขาพบกัน เชอร์แมนกอดดีแลนด์และพูดว่า “ลูกชายของพ่อ” ดีแลนด์ไม่เคยได้ยินคำนี้จากพ่อมาก่อน เขารู้ว่าเชอร์แมน “พูดด้วยความรู้สึกว่า ‘ฉันภูมิใจ นี่ลูกชายฉัน’” และเขาตื้นตันใจมาก

เราเองก็ควรรู้สึกตื้นตันใจในความรักอันสมบูรณ์ของพระบิดาในสวรรค์ของเรา ยอห์นบันทึกไว้ว่า “จงดูเถิด พระบิดาทรงโปรดประทานความรักแก่เราทั้งหลายเพียงไร ที่เราจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า” (1 ยน.3:1) เราเองก็ตกตะลึงไม่แพ้ดีแลนด์ผู้ซึ่งไม่เคยคิดว่าเชอร์แมนจะเป็นพ่อของเขา นี่เป็นเรื่องจริงหรือนี่ ยอห์นยืนยันว่าจริง “และเราก็ได้เป็นเช่นนั้น” (ข้อ 1)

ถ้าคุณเชื่อในพระเยซู พระบิดาของพระองค์ก็คือบิดาของคุณ คุณอาจรู้สึกว่าคุณกำพร้า โดดเดี่ยวในโลกนี้ แต่ความจริงคือคุณมีพ่อ พระองค์ผู้เดียวที่สมบูรณ์แบบ และพระองค์ทรงภูมิใจที่ได้เรียกคุณว่าเป็นลูกของพระองค์

การช่วยกู้ของพระเจ้า

อาสาสมัครผู้มีใจเมตตาได้รับฉายา “ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์” จากความพยายามอันกล้าหาญของเขา เจค มานนากำลังติดตั้งแผงโซล่าอยู่ในพื้นที่งาน เมื่อเขาเข้าร่วมการค้นหาเร่งด่วนเพื่อตามหาเด็กหญิงวัยห้าขวบที่หายตัวไป ขณะที่เพื่อนบ้านค้นหาตามโรงรถและสนามหญ้า มานนาใช้เส้นทางที่นำไปสู่ป่าในบริเวณใกล้เคียงที่ซึ่งเขาเห็นเด็กหญิงอยู่ในเลนตมลึกประมาณสะโพก เขาลุยไปในโคลนเหนียวอย่างระมัดระวังเพื่อจะดึงเธอออกจากที่นั่น และพาเธอที่แม้จะเปียกโชกแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆกลับบ้านไปหาแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ

เช่นเดียวกับเด็กหญิงคนนั้น ดาวิดก็มีประสบการณ์ในการช่วยกู้เช่นกัน ท่าน “เพียรรอคอย” ให้พระเจ้าตอบสนองต่อการร้องขอความเมตตาด้วยสุดใจของท่าน (สดด.40:1) และพระองค์ทรงตอบ พระเจ้าทรงโน้มพระองค์ลงมาสดับฟังเสียงร้องของท่านและตอบสนองด้วยการช่วยกู้ท่านจากสภาวะ “เลนตม” (ข้อ 2) โดยกระทำให้ย่างเท้าแห่งชีวิตของดาวิดมั่นคง การช่วยกู้จากเลนตมแห่งชีวิตในอดีตยิ่งผลักดันให้ท่านต้องการที่จะร้องเพลงสรรเสริญ เพื่อให้พระเจ้าเป็นความไว้วางใจในเหตุการณ์ในอนาคตของท่าน และเพื่อแบ่งปันเรื่องราวของท่านต่อคนอื่น (ข้อ 3-4)

เมื่อเราเจออุปสรรคในชีวิต เช่น ความลำบากด้านการเงิน ปัญหาในชีวิตแต่งงาน และความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ให้เราร้องทูลต่อพระเจ้าและเพียรรอคอยให้พระองค์ทรงตอบ (ข้อ 1) พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น ทรงพร้อมจะช่วยเราในเวลาที่เราต้องการและประทานที่อันมั่นคงซึ่งเราจะยืนหยัดอยู่ได้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา