Month: กันยายน 2023

จงสงบนิ่ง

หลังจากที่ฉันปรับตัวให้คุ้นเคยในอ่างบำบัดแล้ว ร่างกายของฉันก็ลอยอยู่เหนือน้ำอย่างสบาย ห้องมืดลงและเสียงดนตรีที่เล่นคลอเบาๆก็เงียบลง ฉันเคยอ่านพบว่าอ่างน้ำสำหรับลอยตัวนี้สามารถบำบัดโรคได้ โดยช่วยบรรเทาความเครียดและความวิตกกังวล แต่นี่เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ราวกับว่าความวุ่นวายในโลกหยุดลง และฉันได้ยินความคิดจากภายในส่วนลึกที่สุดของตนเองได้อย่างชัดเจน ฉันปล่อยให้ประสบการณ์ที่ปรับสมดุลและฟื้นคืนความกระปรี้กระเปร่านี้ เตือนให้รู้ว่ามีพลังในความนิ่งสงบ

เราจะพักได้อย่างสบายที่สุดในความนิ่งสงบแห่งการทรงสถิตของพระเจ้า ผู้ทรงเสริมกำลังและประทานสติปัญญาที่จำเป็นแก่เราเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เราเผชิญในแต่ละวัน เมื่อเราสงบนิ่ง โดยการขจัดเสียงและสิ่งรบกวนต่างๆ ในชีวิตเราออกไป พระองค์จะทรงประทานกำลังเพื่อให้เราได้ยินพระสุรเสียงอันอ่อนโยนของพระองค์ชัดเจนยิ่งขึ้น (สดด.37:7)

แม้ว่าอ่างน้ำสำหรับลอยตัวเพื่อการบำบัดนี้จะเป็นรูปแบบหนึ่งของความสงบนิ่ง แต่พระเจ้าประทานวิธีการที่ง่ายกว่าโดยการใช้เวลาอยู่กับพระองค์โดยไม่ถูกรบกวน พระองค์ตรัสว่า “ฝ่ายท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่าน” (มธ.6:6) เมื่อเราแสวงหาคำตอบในเรื่องความท้าทายต่างๆของชีวิตภายใต้การสงบนิ่งอยู่ต่อการทรงสถิตที่เปี่ยมไปด้วยพระสิริของพระองค์นั้น (สดด.37:5-6) พระเจ้าจะทรงนำย่างเท้าของเรา และให้ความชอบธรรมของพระองค์ส่องสว่างผ่านตัวเรา

สติปัญญาแบบใด

ก่อนวันอีสเตอร์ในปี 2018 ผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งเข้าไปในตลาดแล้วสังหารคนไปสองคนและจับผู้หญิงคนที่สามเป็นตัวประกัน เมื่อความพยายามขอปล่อยตัวผู้หญิงล้มเหลว ตำรวจนายหนึ่งจึงยื่นข้อเสนอกับผู้ก่อการร้าย ให้ปล่อยตัวผู้หญิงแล้วจับเขาไปแทน

ข้อเสนอนี้น่าตกใจเพราะขัดแย้งกับสติปัญญาโดยทั่วไป คุณสามารถบอกถึง “สติปัญญา” ของวัฒนธรรมหนึ่งได้เสมอจากคำกล่าวที่มักถูกพูดถึง เหมือนคำพูดของคนดังที่ถูกโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย “การผจญภัยยิ่งใหญ่ที่สุดคือการใช้ชีวิตตามฝันของคุณ” อีกประโยคกล่าวว่า “รักตัวเองก่อน แล้วทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง” และประโยคที่สาม “ทำในสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อตัวคุณเอง” หากเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านั้น เขาคงคิดถึงตัวเองก่อนแล้ววิ่งหนีไป

อัครทูตยากอบกล่าวว่ามีปัญญาสองแบบในโลก คือปัญญา “อย่างโลก” และปัญญา “จากเบื้องบน” แบบแรกถูกกำหนดโดยความมักใหญ่ใฝ่สูงและการวุ่นวายอันเห็นแก่ตนเอง (ยก.3:14-16) ส่วนแบบที่สองนั้นมาจากใจอ่อนสุภาพ การยอมจำนนและการสร้างสันติ (ข้อ 13,17-18) ปัญญาอย่างโลกให้ความสำคัญกับตนเองเป็นอันดับแรก ส่วนปัญญาจากเบื้องบนนั้นชื่นชมผู้อื่น ซึ่งนำไปสู่ชีวิตที่ประพฤติดีด้วยใจอ่อนสุภาพ (ข้อ 13)

ผู้ก่อการร้ายยอมรับข้อเสนอของตำรวจ ตัวประกันถูกปล่อยตัว ตำรวจนายนั้นถูกยิงและอีสเตอร์ครั้งนั้นโลกได้เห็นชายบริสุทธิ์คนหนึ่งตายแทนผู้อื่น

ปัญญาจากเบื้องบนนำไปสู่การประพฤติดีด้วยใจอ่อนสุภาพเพราะปัญญานั้นวางพระเจ้าไว้เหนือตนเอง (สภษ.9:10) แล้วสติปัญญาแบบใดที่คุณใช้ในวันนี้

พระสัญญาที่สำเร็จ

ในช่วงฤดูร้อนตอนที่ยังเป็นเด็ก ฉันจะเดินทางกว่า 300 กิโลเมตรเพื่อไปพักกับคุณปู่คุณย่าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ฉันมาตระหนักในภายหลังว่าฉันได้รับถ่ายทอดสติปัญญาจากทั้งสองท่านที่ฉันรักไว้อย่างมากมาย ประสบการณ์ชีวิตของท่านและการเดินกับพระเจ้าทำให้ท่านมีมุมมองที่ความคิดในวัยเยาว์ของฉันยังไม่อาจจินตนาการได้ การสนทนากับท่านในเรื่องความสัตย์ซื่อของพระเจ้าทำให้ฉันมั่นใจว่าพระเจ้านั้นทรงคู่ควรที่เราจะไว้วางใจและพระองค์จะทรงทำให้พระสัญญาที่ให้ไว้สำเร็จทั้งสิ้น

มารีย์มารดาของพระเยซูยังเป็นเพียงหญิงสาวเมื่อทูตสวรรค์มาเยี่ยมเยียน ข่าวอันน่าเหลือเชื่อที่กาเบรียลมาคงเป็นที่ตกตะลึงมาก กระนั้นเธอก็เต็มใจรับเรื่องที่ยากนี้โดยพระคุณ (ลก.1:38) แต่บางทีการที่มารีย์ไปเยี่ยมนางเอลีซาเบธญาติของเธอที่ชราแล้วซึ่งมีครรภ์อย่างน่าอัศจรรย์เช่นกัน (นักวิชาการบางคนเชื่อว่านางอาจอายุถึงหกสิบปี) คงทำให้เธอได้รับการปลอบโยนเมื่อนางเอลีซาเบธยืนยันคำพูดของกาเบรียลอย่างกระตือรือร้นว่า เธอคือมารดาของพระเมสสิยาห์ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้ (ข้อ 39-45)

เมื่อเราเติบโตขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์เหมือนอย่างคุณปู่คุณย่าของฉัน เราเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงรักษาบรรดาพระสัญญาของพระองค์ พระองค์ทรงทำตามพระสัญญาที่จะประทานบุตรคนหนึ่งแก่นางเอลีซาเบธและเศคาริยาห์สามีของนาง (ข้อ 57-58) และบุตรนั้นคือยอห์นผู้ให้บัพติศมา ที่ได้กลายมาเป็นผู้เตรียมทางแห่งพันธสัญญาที่ประทานให้ไว้หลายร้อยปีก่อนหน้า เป็นพระสัญญาที่จะเปลี่ยนวิถีแห่งอนาคตของมนุษยชาติ พระเมสสิยาห์ที่ทรงสัญญาไว้ คือพระผู้ช่วยให้รอดของโลกนั้นกำลังเสด็จมาแล้ว! (มธ.1:21-23)

ยอมรับการ(ทรง)นำ

กลิ่นของหนังฟอกและเมล็ดพืชอบอวลในอากาศขณะเรายืนอยู่ในโรงนาที่มิเชลล์เพื่อนของฉันกำลังสอนลูกสาวฉันขี่ม้า ลูกม้าสีขาวของมิเชลล์อ้าปากขณะเธอสาธิตวิธีวางบังเหียนไว้ด้านหลังฟันของมัน เมื่อเธอดึงสายบังเหียนมาคล้องเหนือหูมันนั้น มิเชลล์อธิบายว่าบังเหียนนี้สำคัญ เพราะจะช่วยให้ผู้ขี่สามารถชะลอม้าและบังคับทิศทางไปทางซ้ายหรือขวาได้

บังเหียนของม้าก็เหมือนกับลิ้นของมนุษย์ ขนาดเล็กแต่มีความสำคัญ ทั้งสองมีอิทธิพลมากต่อสิ่งใหญ่โตและมีกำลัง เพราะบังเหียนก็คือม้า ส่วนลิ้นนั้นก็คือคำพูดของเรา (ยก.3:3, 5)

คำพูดของเราอาจลื่นไหลไปคนละทิศทางได้ “เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และด้วยลิ้นนั้นเราก็แช่งด่ามนุษย์” (ข้อ 9) น่าเศร้าที่พระคัมภีร์เตือนว่าการควบคุมคำพูดของเราเป็นเรื่องยากมาก เพราะคำพูดออกมาจากใจ (ลก.6:45) แต่ขอบคุณพระเจ้าที่พระวิญญาณของพระองค์ซึ่งสถิตอยู่ในผู้เชื่อทุกคน ทรงช่วยให้เราเติบโตในความอดกลั้นใจ ความดี และการรู้จักบังคับตน (กท.5:22-23) เมื่อเราร่วมมือกับพระวิญญาณ จิตใจของเราจะเปลี่ยนแปลง และคำพูดของเราก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน คำแช่งด่ากลายเป็นคำสรรเสริญ คำโกหกหลีกทางให้ความจริง คำวิจารณ์แปรเปลี่ยนเป็นคำหนุนใจ

การควบคุมลิ้นไม่ใช่แค่การฝึกตนเองให้พูดในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น แต่คือการยอมรับในการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อว่าคำพูดของเราจะก่อให้เกิดความเมตตากรุณาและการหนุนใจที่โลกของเราต้องการ

พระเจ้าแห่งความประหลาดใจ

ห้องประชุมมืดลงและนักศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายพันคนก้มศีรษะขณะที่นักเทศน์นำเราอธิษฐานถวายตัว ขณะเขาเรียกคนเหล่านั้นที่รู้สึกถึงการทรงเรียกให้ไปรับใช้ในการประกาศยังต่างแดน ฉันรู้สึกได้ว่าลินเนตต์เพื่อนของฉันลุกจากที่นั่งและรู้ว่าเธอให้คำมั่นว่าจะใช้ชีวิตและรับใช้ในฟิลิปปินส์ แต่ฉันไม่รู้สึกถึงการเร้าใจให้ลุกขึ้น ฉันเห็นความต้องการในสหรัฐอเมริกา จึงอยากแบ่งปันความรักของพระเจ้าที่ดินแดนบ้านเกิดของฉัน แต่ในอีกสิบปีหลังจากนั้น ฉันอยากจะไปสร้างครอบครัวที่อังกฤษ โดยหาทางรับใช้พระเจ้าในหมู่เพื่อนบ้านที่พระองค์จะประทานให้ ความคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของฉันเปลี่ยนไปเมื่อฉันตระหนักว่า พระเจ้าทรงเชื้อเชิญฉันไปในการผจญภัยที่แตกต่างไปจากที่ฉันคาดไว้

พระเยซูมักจะทำให้ผู้คนที่พบพระองค์ประหลาดใจ รวมทั้งชาวประมงที่ทรงเรียกให้ติดตามพระองค์ เมื่อพระคริสต์ประทานภารกิจใหม่แก่พวกเขาในการจับคน เปโตรและอันดรูว์ละแห “ทันที” และตามพระองค์ไป (มธ.4:20) ส่วนยากอบและยอห์น ก็ละเรือ “ในทันใดนั้น” (ข้อ 22) พวกเขาออกเดินทางผจญภัยครั้งใหม่ไปกับพระเยซู ไว้วางใจในพระองค์แม้ไม่รู้ว่าตนเองกำลังจะไปที่ใด

แน่นอนว่า พระเจ้าทรงเรียกผู้คนจำนวนมากให้รับใช้พระองค์ ณ ที่ซึ่งพวกเขาอยู่! แต่ไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือออกเดินทางไป เราทุกคนล้วนมองไปที่พระองค์ด้วยความคาดหวังว่าจะทรงทำให้เราประหลาดใจ ด้วยประสบการณ์และโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะได้มีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ในแบบที่เราอาจไม่เคยคิดฝันว่าจะเป็นไปได้

แสดงความเมตตากรุณา

หลายเดือนหลังการแท้งบุตร วาเลอรี่ตัดสินใจนำสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วออกขาย เจอรัลด์นายช่างฝีมือเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตรกระตือรือร้นมาซื้อเปลเด็กที่เธอกำลังขาย ในขณะที่ภรรยาของเขาได้พูดคุยกับวาเลอรี่และรู้เรื่องความสูญเสียของเธอ เมื่อเจอรัลด์ได้ยินถึงเรื่องราวนั้นในระหว่างทางกลับบ้าน เขาจึงตัดสินใจนำเปลมาทำเป็นของที่ระลึกให้วาเลอรีไว้ดูต่างหน้า หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเขามอบม้านั่งที่งดงามให้เธอทั้งน้ำตา “ยังมีคนดีๆหลงเหลืออยู่ และนี่คือข้อพิสูจน์” วาเลอรี่กล่าว

นางรูธและนางนาโอมีได้พบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นเดียวกับวาเลอรี่ สามีและลูกชายสองคนของนาโอมีเสียชีวิต และเวลานี้เธอกับรูธลูกสะใภ้ผู้สูญเสียไม่มีทายาทและไม่มีใครเลี้ยงดูพวกนาง (นรธ.1:1-5) นั่นคือจุดที่โบอาสก้าวเข้ามา เมื่อรูธไปเก็บรวงข้าวตกที่เหลือในทุ่งนา โบอาสซึ่งเป็นเจ้าของนาได้สอบถามถึงเธอ เมื่อรู้ว่าเธอเป็นใคร เขาก็ดีต่อเธอ (2:5-9) รูธรู้สึกแปลกใจจึงถามว่า “ทำไมท่านจึงมองดิฉันด้วยความเอาใจใส่” (ข้อ 10) เขาตอบว่า “ทุกอย่างที่เจ้าได้ปฏิบัติต่อแม่ผัวของเจ้า ตั้งแต่สามีของเจ้าเสียชีวิตแล้ว มีคนมาเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว” (ข้อ 11)

ต่อมาโบอาสแต่งงานกับนางรูธและเลี้ยงดูนาโอมี (บทที่ 4) บรรพบุรุษของดาวิดและของพระเยซูได้ถือกำเนิดขึ้นผ่านการแต่งงานของพวกเขา ขณะที่พระเจ้าทรงใช้เจอรัลด์และโบอาสเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงความทุกข์โศกของผู้อื่น พระองค์ก็ทรงทำงานผ่านเราเพื่อแสดงความกรุณาและเห็นอกเห็นใจในความเจ็บปวดของผู้อื่นได้

ฉันเป็นคนไม่สำคัญ! แล้วเธอเป็นใคร

ในบทกลอนที่ขึ้นต้นว่า “ฉันเป็นคนไม่สำคัญ! แล้วเธอล่ะเป็นใคร” เอมิลี่ ดิ๊กคินสันท้าทายความพยายามในทุกทางของผู้คนที่อยากจะเป็น “คนสำคัญ” และส่งเสริมการเป็นคนธรรมดาที่เต็มไปด้วยความสุขและชื่นบานในเสรีภาพที่มีแทน เพราะ “การเป็นคนสำคัญนั้นช่างน่าเศร้า! เหมือนเช่นกบซึ่งเราเห็นกันทั่วไป / ร้องบอกชื่อตัวเองในวันคืนยาวนานของชีวิต / ให้หนองบึงที่ชื่นชมฟัง!”

การมีอิสระที่จะปล่อยวางความต้องการที่จะเป็น “คนสำคัญ” ลงได้นั้นสะท้อนถึงคำพยานของเปาโล ก่อนจะพบพระคริสต์ เปาโลมีตำแหน่งทางศาสนาอันน่าประทับใจยาวเหยียด ซึ่งเห็นได้ชัดว่า “มีเหตุที่จะไว้ใจในเนื้อหนัง” (ฟป.3:4)

แต่การเผชิญหน้ากับพระเยซูเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง เมื่อเห็นว่าความสำเร็จทางศาสนาของท่านช่างว่างเปล่าเมื่อคำนึงถึงความรักที่เสียสละของพระคริสต์ เปาโลสารภาพว่า “ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า...และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์” (ข้อ 8) ความปรารถนาอย่างมากที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวของท่านคือ “การจะรู้จักพระคริสต์...ในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้นและร่วมทุกข์กับพระองค์ คือยอมตั้งอารมณ์ตายเหมือนพระองค์” (ข้อ 10)

เป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆที่พยายามจะเป็น “คนสำคัญ” ด้วยตัวเราเอง แต่การรู้จักพระเยซู การยอมสูญเสียตัวตนของเราไปภายใต้ความรักและชีวิตที่พระองค์ทรงมอบให้นั้น คือการค้นพบตัวตนของเราอีกครั้ง (ข้อ 9) ซึ่งมีทั้งเสรีภาพและความครบบริบูรณ์

ทุกอย่างขัดขวางฉัน

“เมื่อเช้านี้ข้าพเจ้าคิดว่าตนเองร่ำรวยมาก แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะมีสักดอลล่าร์หนึ่งไหม” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐยูลิสซิส เอส.แกรนท์กล่าวถ้อยคำเหล่านั้นในวันที่เขาถูกหุ้นส่วนธุรกิจฉ้อโกงเงินออมทั้งชีวิตไป หลายเดือนต่อมาแกรนท์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่รักษาไม่หาย ด้วยความกังวลในเรื่องการหาเลี้ยงครอบครัว เขาจึงยอมรับข้อเสนอจากนักเขียนมาร์ค ทเวนในการตีพิมพ์บันทึกความทรงจำของเขา ซึ่งเขาเขียนเสร็จหนึ่งสัปดาห์ก่อนเสียชีวิต

พระคัมภีร์บอกเราถึงอีกคนหนึ่งที่ต้องเผชิญความทุกข์อย่างแสนสาหัส ยาโคบเชื่อว่าโยเซฟบุตรชายของตน “ย่อยยับเสียแล้ว” โดย “สัตว์ร้ายกัดกินเขาเสียแล้ว” (ปฐก.37:33) ในเวลาต่อมาสิเมโอนบุตรชายก็ถูกจับไปเป็นเชลยในต่างแดน ขณะเดียวกันยาโคบกลัวว่าเบนยามินบุตรชายจะถูกพรากไปจากท่านเช่นกัน เมื่อรู้สึกหมดกำลัง ท่านร้องว่า “เราต้องทนความทุกข์เหล่านี้ทั้งหมด!” (42:36)

แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น ถ้ายาโคบจะรู้สักนิดว่าโยเซฟบุตรชายของท่านยังมีชีวิตอยู่ และพระเจ้าทรงกระทำกิจอยู่ “เบื้องหลัง” เพื่อรื้อฟื้นครอบครัวของท่านขึ้นใหม่ เรื่องราวของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพระองค์เป็นผู้ที่เราไว้วางใจได้ แม้เมื่อเรามองไม่เห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในสถานการณ์ของเรา

หนังสือบันทึกความทรงจำของแกรนท์ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งและครอบครัวของเขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้เขาไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเห็นสิ่งนี้ แต่ภรรยาของเขาได้เห็น การมองเห็นของเรานั้นจำกัด แต่ไม่ใช่สำหรับพระเจ้า และโดยการมีพระเยซูเป็นความหวังของเรา “ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา” (รม.8:31) ขอให้เราวางใจพระองค์ในวันนี้

ความเมตตาอย่างล้นเหลือ

เควิน ฟอร์ดพนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดไม่เคยขาดงานเลยในตลอดยี่สิบเจ็ดปี เมื่อวิดีโอที่เขาแสดงความรู้สึกขอบคุณอย่างนอบน้อมสำหรับของขวัญ
เล็กๆ น้อยๆ ที่ตนได้รับเป็นที่ระลึกจากการให้บริการหลายสิบปีถูกเปิดเผย ผู้คนหลายพันร่วมกันแสดงความเมตตาต่อเขา “มันเหมือนความฝัน ฝันที่เป็นจริง” เขากล่าวเมื่อความพยายามในการระดมทุนมียอดเงิน 250,000 ดอลล่าร์ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เศษ

เยโฮยาคีนกษัตริย์ยูดาห์ผู้ถูกเนรเทศก็เป็นผู้ที่ได้รับความเมตตาอย่างล้นเหลือเช่นกัน พระองค์ถูกจองจำเป็นเวลาสามสิบเจ็ดปีก่อนที่ความเมตตากรุณาของกษัตริย์บาบิโลนจะส่งผลให้พระองค์ได้รับการปล่อยตัว “[กษัตริย์] ได้นำท่านออกมาจากคุก พระองค์ตรัสอย่างเมตตาต่อท่าน และให้นั่งบนที่นั่งเหนือกว่าบรรดากษัตริย์ทั้งหลายที่อยู่ในบาบิโลน” (ยรม.52:31-32) เยโฮยาคีนได้รับฐานะใหม่ เครื่องแต่งกายใหม่และที่อยู่อาศัยใหม่ ชีวิตใหม่ของพระองค์ได้รับการจัดหาอย่างเต็มที่จากกษัตริย์

เรื่องนี้แสดงถึงภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นในฝ่ายวิญญาณ เมื่อผู้ที่เชื่อในการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นของพระเยซูได้รับการช่วยกู้จากการที่พวกเขาเหินห่างจากพระเจ้า โดยที่พวกเขาเองและคนอื่นๆไม่ได้มีส่วนใดๆ พวกเขาถูกนำออกจากความมืดและความตายไปสู่ความสว่างและชีวิต พวกเขาถูกนำเข้ามาสู่ครอบครัวของพระเจ้าเพราะพระเมตตาอย่างเหลือล้นของพระองค์

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา