Month: กรกฎาคม 2023

อยู่ในทางของพระเจ้า

เมื่อหลายปีก่อนรถไฟบรรทุกผู้โดยสาร 218 คนตกรางทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 79 คนและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกกว่า 66 คน คนขับไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ แต่คลิปวิดีโอสามารถอธิบายได้ว่ารถไฟขบวนดังกล่าวแล่นเร็วเกินไปก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่โค้งมรณะ มีการจำกัดความเร็วสูงสุดที่รถไฟสามารถวิ่งได้เพื่อปกป้องผู้โดยสารรถไฟทุกคน แม้คนขับจะเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศสเปนที่มีประสบการณ์มานานถึงสามสิบปี แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นที่จะเพิกเฉยต่อการจำกัดความเร็วซึ่งทำให้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิต

ในเฉลยธรรมบัญญัติ 5 โมเสสได้ทบทวนขอบเขตของพันธสัญญาเดิมให้ประชากรของพระเจ้าฟัง โมเสสหนุนใจคนรุ่นใหม่ให้ถือว่าคำสอนของพระเจ้าเป็นพันธสัญญาระหว่างพวกเขากับพระเจ้า (ข้อ 3) จากนั้นท่านก็ทบทวนพระบัญญัติสิบประการ (ข้อ 7-21) โดยการย้ำถึงพระบัญญัติและบทเรียนจากการไม่เชื่อฟังของคนรุ่นก่อน โมเสสได้เชื้อเชิญให้คนอิสราเอลมีความยำเกรง ความถ่อมใจ และระลึกถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า พระเจ้าทรงเตรียมทางไว้ให้กับประชากรของพระองค์เพื่อพวกเขาจะไม่ทำลายชีวิตของตนเองหรือของผู้อื่น หากพวกเขาเพิกเฉยต่อพระปัญญาของพระเจ้า พวกเขาจะต้องพบกับอันตราย

วันนี้ในขณะที่พระเจ้าทรงนำเรา ขอให้พระคัมภีร์ทั้งหมดเป็นความยินดี เป็นที่ปรึกษา และเป็นรั้วป้องกันให้กับชีวิตของเรา และในขณะที่พระวิญญาณทรงชี้นำเรา เราสามารถอยู่ในทางที่มีการปกป้องอันชาญฉลาดของพระองค์ และมอบถวายชีวิตทั้งหมดของเราให้กับพระองค์ด้วยสุดใจ

คนชั้นล่าง

เพื่อนของฉันทำงานอยู่บนเรือพยาบาลที่มีชื่อว่าแอฟริกาเมอร์ซี่ ซึ่งให้บริการด้านการรักษาพยาบาลฟรีแก่ประเทศที่กำลังพัฒนา โดยเจ้าหน้าที่จะให้บริการผู้ป่วยที่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงการรักษาพยาบาลวันละหลายร้อยคน

ทีมงานโทรทัศน์ที่ขึ้นไปบนเรือเป็นระยะๆได้ถ่ายทำเรื่องราวที่น่าทึ่งของบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำการรักษาคนไข้ที่เป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่และโรคเท้าปุก บางครั้งพวกเขาจะลงไปที่ชั้นล่างเพื่อสัมภาษณ์ลูกเรือคนอื่นๆ แต่งานที่มิคทำมักจะไม่มีใครสังเกตเห็น

มิคซึ่งเป็นวิศวกรยอมรับว่าเขารู้สึกประหลาดใจที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำงานในสถานที่เช่นนั้น คือที่ห้องบำบัดน้ำเสียของเรือ ปริมาณขยะบนเรือในแต่ละวันนั้นมีมากกว่าสามหมื่นกิโลกรัม การจัดการกับขยะพิษนี้เป็นงานที่ยาก ถ้าไม่มีมิคคอยดูแลท่อและปั๊มน้ำ ปฏิบัติการช่วยชีวิตของแอฟริกาเมอร์ซี่จะยุติลง

เป็นเรื่องง่ายที่จะยกย่องคนเหล่านั้นที่อยู่บน “ดาดฟ้าเรือชั้นบนสุด” ของพันธกิจคริสเตียน ในขณะที่มองข้ามผู้ที่อยู่ในครัวด้านล่าง เมื่อชาวโครินธ์ ยกย่องผู้ที่มีของประทานพิเศษเหนือผู้อื่น เปาโลเตือนพวกเขาว่าผู้เชื่อทุกคนต่างก็มีบทบาทหน้าที่ในงานของพระคริสต์ (1 คร.12:7-20) และของประทานทุกอย่างล้วนมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคหรือการช่วยเหลือผู้อื่น (ข้อ 27-31) อันที่จริงยิ่งบทบาทนั้นโดดเด่นน้อยเท่าไหร่ ยิ่งสมควรจะได้รับเกียรติมากขึ้นเท่านั้น (ข้อ 22-24)

คุณเป็นคน “ชั้นล่าง” หรือเปล่า จงเงยหน้าขึ้น งานของคุณจะได้รับเกียรติจากพระเจ้าและสำคัญสำหรับเราทุกคน

กรุณาอยู่เงียบๆ

กรีนแบงก์ในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียเป็นชุมชนเล็กๆบนเทือกเขาแอปปาลาเชียนที่ขรุขระ เมืองนี้มีข้อยกเว้นที่สำคัญประการหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับเมืองเล็กๆ อีกหลายสิบเมืองที่อยู่ในบริเวณใกล้กัน คือชาวเมืองทั้ง 142 คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะไม่สามารถเข้าถึงสัญญาณไวไฟได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันคลื่นรบกวนจากสัญญาณไวไฟ หรือเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือใกล้กับหอสังเกตการณ์กรีนแบงก์ ซึ่งมีกล้องโทรทรรศน์ที่หันตรงไปยังท้องฟ้า ด้วยเหตุนี้กรีนแบงก์จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดเทคโนโลยีมากที่สุดในอเมริกาเหนือ

บางครั้งความเงียบคือสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดสำหรับการก้าวไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า พระเยซูเองทรงวางแบบอย่างในเรื่องนี้โดยการออกไปยังที่เปลี่ยวและเงียบสงบเพื่อพูดคุยกับพระบิดา ในลูกา 5:16 (TNCV) เราพบว่า “พระเยซูมักจะทรงปลีกตัวไปอยู่ในที่สงบและอธิษฐาน” คำสำคัญในข้อนี้อาจจะอยู่ที่คำว่า มักจะ นี่เป็นสิ่งที่พระคริสต์ทำเป็นประจำ และเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรา หากพระผู้สร้างจักรวาลยังตระหนักถึงความสำคัญของการพึ่งพาพระบิดา เราจะยิ่งต้องการพระองค์มากสักเพียงใด!

การออกไปยังสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อรับกำลังที่สดใหม่ท่ามกลางการทรงสถิตของพระเจ้าจะช่วยเตรียมเราให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกำลังใหม่จากพระองค์ วันนี้คุณจะพบสถานที่เช่นนี้ได้ที่ไหนบ้าง

เกมที่ยาวนาน

เมื่อประเทศของตูนเกิดการรัฐประหาร กองทัพเริ่มคุกคามผู้เชื่อในพระเยซูและฆ่าสัตว์เลี้ยงในฟาร์มของพวกเขา เมื่อไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ครอบครัวของตูนก็กระจัดกระจายไปยังประเทศต่างๆ เป็นเวลาเก้าปีที่ตูนต้องอยู่ในค่ายอพยพและห่างไกลจากครอบครัวเขารู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขา แต่ในระหว่างการพลัดพรากนั้นสมาชิกในครอบครัวสองคนได้เสียชีวิตลง และตูนเริ่มท้อแท้

นานมาแล้วมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องเผชิญกับการกดขี่อย่างโหดเหี้ยม พระเจ้าจึงทรงแต่งตั้งโมเสสให้นำผู้คนเหล่านั้น คือชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ โมเสสยอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อท่านไปเฝ้าฟาโรห์ กษัตริย์แห่งอียิปต์รังแต่จะเพิ่มการข่มเหงต่อชนชาติอิสราเอล (อพย.5:6-9) โดยกล่าวว่า “เราไม่รู้จักพระเจ้า และยิ่งกว่านั้นเราจะไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไปเป็นอันขาด” (ข้อ 2) ประชาชนพากันบ่นต่อว่าโมเสส ซึ่งท่านก็ไปบ่นกับพระเจ้าต่อ (ข้อ 20-23)

ท้ายที่สุดพระเจ้าได้ปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล และพวกเขาได้รับอิสรภาพที่พวกเขาต้องการ แต่ในวิถีทางและเวลาของพระเจ้า พระองค์ทรงเล่นเกมที่ยาวนานเพื่อสอนเราถึงพระลักษณะของพระองค์ และเตรียมเราสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น

ตูนใช้เวลาหลายปีในค่ายอพยพให้เป็นประโยชน์ จนเขาได้รับปริญญาโทจากโรงเรียนพระคริสตธรรมในนิวเดลี ตอนนี้เขาเป็นศิษยาภิบาลให้กับผู้ลี้ภัยที่เป็นคนชาติเดียวกับเขา ผู้ซึ่งได้พบกับบ้านหลังใหม่ ตูนเป็นพยานว่า “เรื่องราวของผมในฐานะผู้ลี้ภัยเป็นเบ้าหลอมสำหรับการเป็นผู้นำในฐานะผู้รับใช้” และเขาได้พูดถึงบทเพลงของโมเสสในอพยพ 15:2 ว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้พิทักษ์ผู้ออกรบแทนข้าพเจ้า” และวันนี้ พระองค์ทรงเป็นเช่นนั้นสำหรับเราเช่นกัน

ต้องการพระคุณเป็นพิเศษ

ขณะที่เราตกแต่งสถานที่สำหรับจัดงานพิเศษที่คริสตจักร ผู้หญิงที่เป็นแม่งานก็บ่นไม่หยุดเรื่องที่ฉันไม่มีประสบการณ์ หลังจากที่เธอเดินออกไป ผู้หญิงอีกคนก็เดินเข้ามาหาฉันและพูดว่า “อย่าไปสนใจเธอเลย เธอคือบุคคลที่เราเรียกว่า E.G.R - Extra Grace Required (ต้องการพระคุณเป็นพิเศษ)”

ฉันหัวเราะ จากนั้นไม่นานฉันก็เริ่มใช้ฉายาดังกล่าวกับใครก็ตามที่ฉันมีปัญหาด้วย หลายปีต่อมาฉันได้ยินข่าวการเสียชีวิตของ E.G.R. ผู้นี้ที่คริสตจักรแห่งเดิม ศิษยาภิบาลเล่าว่าเธอเป็นคนที่รับใช้พระเจ้าอยู่เบื้องหลังและมีจิตใจโอบอ้อมอารี ฉันขอพระเจ้ายกโทษที่ไปตัดสินและนินทาเธอ รวมถึงใครก็ตามในอดีตที่ฉันเคยเรียกเขาว่า E.G.R ทั้งๆที่ตัวฉันเองนั่นแหละที่ต้องการพระคุณเป็นพิเศษมากพอๆกับผู้เชื่อคนอื่นๆ

ในเอเฟซัส 2 อัครทูตเปาโลกล่าวว่าผู้เชื่อทุกคน “ตามสันดาน...เป็นคนควรแก่พระอาชญา” (ข้อ 3) แต่พระเจ้าทรงประทานของประทานแห่งความรอดแก่เราทั้งหลายทั้งๆที่เราไม่สมควรได้รับ เป็นของประทานที่เราไม่อาจทำสิ่งใดเพื่อจะได้มา “เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้” (ข้อ 9) แม้แต่คนเดียว

เมื่อเรายอมจำนนต่อพระเจ้าในทุกช่วงเวลาของการเดินทางแห่งชีวิตที่ยาวนาน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงนิสัยของเรา เพื่อเราจะสามารถสะท้อนถึงพระลักษณะของพระคริสต์ ผู้เชื่อทุกคนต้องการพระคุณเป็นพิเศษ แต่เราสามารถขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณของพระองค์ที่มีเพียงพออยู่เสมอ (2 คร.12:9)

ความเชื่อในยามอับปาง

ในเดือนมิถุนายนค.ศ. 1965 วัยรุ่นชาวตองก้าหกคนแล่นเรือออกจากเกาะที่พวกเขาพักอาศัยเพื่อไปผจญภัย แต่เมื่อพายุพัดเสากระโดงเรือและหางเสือจนพังในคืนแรก พวกเขาจึงลอยอยู่ในทะเลหลายวันโดยไม่มีอาหารหรือน้ำดื่ม ก่อนที่เรือจะไปเกยตื้นที่เกาะอาตาซึ่งไม่มีคนอาศัยอยู่ และต้องติดอยู่ที่นั่นถึงสิบห้าเดือนกว่าจะมีคนมาเจอพวกเขา

เด็กหนุ่มเหล่านั้นช่วยกันทำงานเพื่อความอยู่รอดบนเกาะอาตา พวกเขาทำแปลงผักขนาดเล็ก ทำโพรงในต้นไม้เพื่อกักเก็บน้ำฝน หรือแม้แต่สร้างโรงยิมชั่วคราว เมื่อเด็กคนหนึ่งขาหักจากการตกหน้าผา คนอื่นๆก็เข้าเฝือกให้โดยใช้กิ่งไม้และใบไม้ เมื่อมีการโต้เถียงกัน พวกเขาจะบังคับให้ทั้งสองฝ่ายคืนดีกัน และทุกวันพวกเขาจะเริ่มต้นและจบลงด้วยการร้องเพลงและอธิษฐาน เมื่อเด็กๆกลับมาในสภาพที่แข็งแรงหลังจากผ่านบททดสอบที่ทรหด ครอบครัวของพวกเขาต่างพากันประหลาดใจเพราะได้จัดงานศพให้พวกเขาไปแล้ว

การเป็นผู้เชื่อในพระเยซูในศตวรรษแรกอาจเป็นประสบการณ์ที่โดดเดี่ยว การถูกข่มเหงเพราะความเชื่อและถูกตัดขาดจากครอบครัว อาจทำให้คนๆนั้นรู้สึกโดดเดี่ยว เปโตรหนุนใจคนที่อยู่ในภาวะเหมือนเรืออัปปางเช่นนี้ให้ยังคงมีวินัยและอธิษฐาน (1ปต.4:7) ให้ดูแลกันและกัน (ข้อ 8) และให้ใช้ความสามารถที่มีเพื่อทำงานให้สำเร็จ (ข้อ 10-11) ในเวลาที่เหมาะสมพระเจ้าจะนำพวกเขาผ่านการทดสอบด้วย “เข้มแข็ง มั่นคง และแน่วแน่” (5:10 TNCV)

ในช่วงเวลาของการทดลอง เราจำเป็นต้องมี “ความเชื่อในยามอับปาง” จงอธิษฐานและทำงานด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แล้วพระเจ้าจะทรงนำเราผ่านพ้นไป

ทุกความโศกเศร้า

เอมิลี่ ดิ๊กคินสันกวีแห่งศตวรรษที่ 19 เขียนว่า “ฉันวัดทุกความเศร้าโศกที่ฉันพบด้วยสายตาที่คับแคบและสำรวจ ฉันสงสัยว่ามันจะหนักเหมือนกับของฉันไหม หรือมีขนาดที่เล็กกว่าของฉัน” บทกวีนี้เป็นภาพสะท้อนที่สะเทือนใจ ถึงการที่ผู้คนแบกความบาดเจ็บที่พวกเขาถูกทำร้ายในรูปแบบต่างๆมาตลอดชีวิต ดิ๊กคินสันจบบทกวีอย่างลังเลด้วยคำปลอบโยนเพียงว่า “ความชูใจที่ทิ่มแทง” โดยเห็นภาพบาดแผลของตัวเองปรากฏอยู่ในรอยแผลของพระผู้ช่วยให้รอดบนกางเขน “ฉันยังคงรู้สึกเชื่ออย่างเหลือเกินว่า บาดแผลบางส่วนนั้น ก็เหมือนกับบาดแผลของฉัน”

วิวรณ์บรรยายภาพพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดของเราว่าเป็นดัง “พระเมษโปดกผู้ทรงถูกปลงพระชนม์” (5:6; ดูข้อ 12) บาดแผลของพระองค์ยังปรากฏให้เห็น เป็นบาดแผลที่เกิดจากการแบกรับความบาปและความสิ้นหวังของประชากรของพระองค์ (1ปต.2:24-25) เพื่อพวกเขาจะมีชีวิตและความหวังใหม่

และวิวรณ์กล่าวถึงวันข้างหน้าที่พระผู้ช่วยให้รอดจะทรง “เช็ดน้ำตาทุกๆ หยด” จากดวงตาของลูกๆของพระองค์ (21:4) พระเยซูจะไม่ช่วยให้พวกเขาเจ็บปวดน้อยลง แต่จะทรงทอดพระเนตรและใส่พระทัยในความเศร้าโศกของแต่ละคนอย่างแท้จริง ขณะที่ทรงเชื้อเชิญพวกเขาเข้าสู่ความจริงของชีวิตใหม่แห่งการเยียวยาในอาณาจักรของพระองค์ ที่ซึ่ง “ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป” (ข้อ 4) ที่ซึ่งน้ำแห่งการเยียวยาจะไหลออกมา “จากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย” (ข้อ 6; ดู 22:2)

เพราะองค์พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงแบกทุกความเศร้าโศกของเราไว้ เราจึงสามารถพบกับการพักสงบและการเยียวยาในอาณาจักรของพระองค์ได้

ความหวังท่ามกลางความเศร้าโศก

หลุยส์เป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและขี้เล่น เธอจะสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนที่พบเธอ เมื่ออายุได้ห้าขวบเธอเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าด้วยโรคหายาก การจากไปอย่างกะทันหันของเธอสร้างความสะเทือนใจให้กับเดย์เดย์และปีเตอร์ผู้เป็นพ่อแม่ และทุกคนที่ทำงานกับพวกเขา เราต่างก็เศร้าโศกไปกับพวกเขาด้วย

กระนั้นเดย์เดย์และปีเตอร์ก็พบพลังที่จะก้าวต่อไป เมื่อผมถามเดย์เดย์ว่า พวกเขารับมือได้อย่างไร เธอบอกว่าพวกเขาได้รับพลังมาจากการมุ่งความสนใจไปยังที่ที่หลุยส์อยู่ นั่นก็คือในอ้อมแขนอันเปี่ยมไปด้วยความรักของพระเยซู “เราชื่นชมยินดีกับลูกสาวของเราผู้ซึ่งเวลาในโลกได้หมดลง เพื่อเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์” เธอกล่าว “โดยพระคุณและกำลังจากพระเจ้า เราจึงสามารถเดินผ่านความเศร้าโศกและทำในสิ่งที่พระองค์ทรงมอบหมายให้เราทำต่อไปได้”

เดย์เดย์ได้รับการชูใจจากความเชื่อมั่นที่เธอมีในพระทัยของพระเจ้าผู้ทรงสำแดงพระองค์เองผ่านทางพระเยซู ความหวังที่พระคัมภีร์พูดถึงนั้นไม่ได้เป็นแค่การมองโลกในแง่ดี แต่เป็นความแน่ใจอย่างแท้จริงในพระสัญญาของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่มีวันผิดสัญญา ในท่ามกลางความโศกเศร้าเราสามารถยึดมั่นในความจริงที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจนี้ได้ ดังที่เปาโลได้ปลอบใจผู้ที่กำลังโศกเศร้าเพราะเพื่อนที่จากไปว่า “เราเชื่อว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และทรงคืนพระชนม์แล้ว โดยพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำบรรดาคนที่ล่วงหลับไปแล้วนั้นมากับพระองค์” (1ธส.4:14) ขอให้ความหวังนี้ทำให้เราได้รับกำลังและการชูใจแม้ในท่ามกลางความเศร้าโศกในวันนี้

ระลึกถึงในคำอธิษฐาน

มัลคอล์ม เคลาต์ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้รับพระราชทานเหรียญ Maundy Money ประจำปี 2021 จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับงานปรนนิบัตรับใช้ที่มอบให้กับชายหญิงชาวอังกฤษเป็นประจำทุกปี เคลาต์ ผู้มีอายุหนึ่งร้อยปีในปีนั้นที่เขาได้รับเหรียญจากการแจกพระคัมภีร์จำนวนหนึ่งพันเล่มตลอดชีวิตของเขา และเขาได้จดรายชื่อของทุกคนที่ได้รับพระคัมภีร์ไว้และอธิษฐานเผื่อพวกเขาเป็นประจำ

ความสัตย์ซื่อในการอธิษฐานของเคลาต์เป็นตัวอย่างอันทรงพลังของความรักแบบที่เราพบตลอดงานเขียนของเปาโลในพันธสัญญาใหม่ เปาโลมักจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับจดหมายว่าท่านอธิษฐานเผื่อพวกเขาเป็นประจำ ท่านเขียนถึงฟีเลโมนสหายของท่านว่า “เมื่อข้าพเจ้านึกถึงท่านในคำอธิษฐาน ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ” (ฟม.1:4 TNCV) และในจดหมายถึงทิโมธี เปาโลเขียนว่า “ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านในคำอธิษฐานอยู่เสมอทั้งวันทั้งคืน” (2ทธ.1:3 TNCV) ส่วนคริสตจักรในกรุงโรม เปาโลย้ำว่าท่านระลึกถึงพวกเขาในคำอธิษฐาน “เสมอ” และ “ทุกครั้ง” (รม.1:9-10 TNCV)

แม้ว่าเราอาจไม่มีผู้คนนับพันให้อธิษฐานเผื่อเหมือนเคลาต์ แต่การตั้งใจอธิษฐานเผื่อคนที่เรารู้จักนั้นมีพลัง เพราะพระเจ้าทรงตอบสนองต่อท่าทีในการอธิษฐานเช่นนั้น เมื่อพระวิญญาณทรงกระตุ้นเตือนให้อธิษฐานเผื่อใครบางคน ฉันพบว่าปฏิทินอธิษฐานแบบเรียบง่ายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ การแบ่งรายชื่อเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ในปฏิทินช่วยให้ฉันอธิษฐานอย่างสัตย์ซื่อ ช่างเป็นการสำแดงความรักที่สวยงามเมื่อเราระลึกถึงผู้อื่นในคำอธิษฐาน

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา