Month: พฤษภาคม 2023

พระองค์ทรงได้ยินคุณ

ตำราฟิสิกส์ซึ่งเขียนโดยชาร์ล ริบอร์ก มานน์และจอร์ช แรนซัม ทวิสส์ตั้งคำถามว่า “เมื่อต้นไม้ต้นหนึ่งโค่นล้มในป่าที่ห่างไกลผู้คน และไม่มีสัตว์อยู่ใกล้ที่จะได้ยิน มันส่งเสียงหรือไม่” ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คำถามนี้ทำให้เกิดการอภิปรายทางปรัชญาและวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเสียง การรับรู้ และการดำรงอยู่ ทว่ายังไม่มีคำตอบที่สมบูรณ์ที่สุด

คืนหนึ่งในขณะที่ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้าใจกับปัญหาที่ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ฉันก็นึกถึงคำถามนี้ เมื่อไม่มีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ พระเจ้าทรงได้ยินไหมขณะเผชิญความตายที่คุกคามและรู้สึกอ่อนกำลังเพราะความทุกข์ใจ ผู้เขียนสดุดี 116 อาจรู้สึกถูกทอดทิ้ง ท่านจึงร้องทูลพระเจ้าโดยรู้ว่าพระองค์ทรงสดับฟังและจะทรงช่วยท่าน ผู้ประพันธ์เพลงสดุดีบันทึกว่า “พระองค์ทรงฟังเสียงและคำวิงวอนของข้าพเจ้า...พระองค์ทรงเงี่ยพระกรรณฟังข้าพเจ้า” (ข้อ 1-2) ในยามที่ไม่มีใครรู้ถึงความเจ็บปวดของเรานั้น พระเจ้าทรงรู้ เมื่อไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของเรา พระเจ้าทรงได้ยิน

การรู้ว่าพระเจ้าจะทรงสำแดงความรักของพระองค์และปกป้องเรา (ข้อ5-6) เราจึงพักสงบได้ในยามยากลำบาก (ข้อ 7) คำภาษาฮีบรูที่แปลว่า “ที่พัก” (manoakh) บรรยายถึงสถานที่ที่เงียบสงบและปลอดภัย เราจึงปราศจากความกังวลและเข้มแข็งขึ้นได้ โดยมั่นใจในการทรงสถิตและความช่วยเหลือจากพระเจ้า

คำถามที่ตั้งโดยมานน์และทวิสส์นำไปสู่คำตอบมากมาย แต่คำถามที่ว่า พระเจ้าทรงได้ยินไหม นั้นตอบได้ง่ายดายว่า แน่นอนพระองค์ทรงได้ยิน

งานวิจัยเกี่ยวกับคุณย่า/ยาย

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอมอรีใช้การสแกนด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อศึกษาสมองของพวกคุณย่า/ยาย พวกเขาวัดการตอบสนองความรู้สึกร่วมที่คุณย่า/ยายมีต่อรูปภาพที่มีหลานๆของตนเอง ลูกๆที่โตแล้ว และเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก ผลการศึกษาพบว่าพวกคุณย่า/ยายมีความรู้สึกร่วมต่อหลานของตัวเองมากกว่าลูกที่โตแล้ว นี่เป็นผลมาจากสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ตัวแปรที่น่ารัก” หลานๆของพวกเขา “เป็นที่หลงรัก” มากกว่าผู้ใหญ่

ก่อนที่เราจะพูดว่า “แหม!” เราอาจต้องพิจารณาคำพูดของเจมส์ ริลลิ่งผู้ทำการศึกษานี้ว่า “ถ้าหลานของพวกเขากำลังยิ้ม (คุณย่า/ยาย) ก็รู้สึกได้ถึงความสุขของเด็ก และถ้าหลานร้องไห้ พวกเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดและความทุกข์ของเด็ก”

ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งบรรยาย “ภาพสแกน (MRI)” ถึงความรู้สึกของพระเจ้าขณะมองดูประชากรของพระองค์ว่า “พระองค์ทรงเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าด้วยความยินดี…ด้วยความรักของพระองค์ พระองค์จะทรงเริงโลดเพราะเจ้าด้วยร้องเพลงเสียงดัง” (ศฟย.3:17) พระคัมภีร์บางฉบับแปลความตอนนี้ว่า “เจ้าจะทำให้พระทัยของพระองค์เปี่ยมด้วยความยินดี และจะทรงร้องเพลงด้วยเสียงดัง” เช่นเดียวกับคุณย่า/ยายที่เห็นอกเห็นใจ พระเจ้าก็ทรงรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเรา “พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของเขา” (อสย.63:9) และพระองค์รู้สึกถึงความยินดีของเรา “เพราะพระเจ้าทรงปรีดีในประชากรของพระองค์” (สดด. 149:4)

เมื่อเราท้อแท้ ก็เป็นการดีที่จะระลึกว่าพระเจ้าทรงมีความรู้สึกต่อเราจริงๆ ทรงไม่ใช่พระเจ้าที่เย็นชาและห่างไกล แต่เป็นผู้ที่รักและเปรมปรีดิ์ในตัวเรา นี่คือเวลาที่จะเข้าใกล้พระองค์ สัมผัสถึงรอยยิ้มและฟังพระองค์ร้องเพลง

พระเจ้าจำชื่อเราได้

ในวันอาทิตย์หลังจากที่ฉันเริ่มงานในฐานะผู้นำอนุชนที่คริสตจักรแห่งหนึ่งและได้พบอนุชนมากมาย ฉันได้คุยกับวัยรุ่นที่นั่งข้างแม่ของเธอ เมื่อฉันทักทายสาวน้อยขี้อายด้วยรอยยิ้ม ฉันเรียกชื่อเธอและถามเธอว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอเงยหน้าขึ้นดวงตาสีน้ำตาลงดงามเบิกกว้าง เธอเองก็ยิ้มและพูดเบาๆว่า “คุณจำชื่อของฉันได้” เพียงแค่เรียกชื่อเด็กสาวคนนั้นที่อาจรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สลักสำคัญในคริสตจักรที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่ ฉันได้เริ่มความสัมพันธ์แห่งความไว้วางใจ เธอรู้สึกว่าถูกมองเห็นและมีคุณค่า

ในอิสยาห์ 43 พระเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เพื่อถ่ายทอดข้อความที่คล้ายกันให้กับคนอิสราเอลว่า พวกเขาถูกมองเห็นและมีค่า แม้ในตลอดช่วงที่ตกเป็นเชลยและอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระเจ้าทรงเห็นพวกเขาและรู้จักพวกเขา “ตามชื่อ” (ข้อ 1) พวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้า พวกเขาเป็นของพระองค์ แม้พวกเขาอาจรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่พวกเขา “ล้ำค่า” และความ “รัก” ของพระองค์อยู่กับพวกเขา (ข้อ 4 TNCV) และควบคู่ไปกับการเตือนความจำว่าพระเจ้าทรงรู้จักชื่อพวกเขา ทรงกล่าวถึงทุกสิ่งที่พระองค์จะทรงทำเพื่อพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาอันยากลำบาก เมื่อพวกเขาผ่านการทดลองต่างๆ พระองค์จะทรงอยู่กับพวกเขา (ข้อ 2) พวกเขาไม่ต้องกลัวหรือกังวลเพราะพระเจ้าทรงจดจำชื่อพวกเขาได้

พระเจ้าทรงรู้จักชื่อบุตรชายหญิงแต่ละคนของพระองค์ และนั่นคือข่าวประเสริฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราผ่านสายน้ำเชี่ยวลึกแห่งความยากลำบากของชีวิต

ฉันเป็นใคร

ในปีค.ศ. 1859 โจชัว อับราฮัม นอร์ตันประกาศตนเป็นจักรพรรดิแห่งสหรัฐอเมริกา นอร์ตันได้สร้างความมั่งคั่งและสูญเสียมันไปจากการขนส่งในซานฟรานซิสโก ทว่าเขาต้องการอัตลักษณ์ใหม่ คือเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อหนังสือพิมพ์ซานฟรานซิสโก อีฟนิ่ง บูลเลทินตีพิมพ์คำประกาศของ “จักรพรรดิ” นอร์ตัน ผู้อ่านส่วนใหญ่หัวเราะ นอร์ตันออกแถลงการณ์ที่มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขความเจ็บป่วยของสังคม เขาพิมพ์สกุลเงินของตนเอง และถึงกับเขียนจดหมายไปหาสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียเพื่อขอแต่งงานและรวมอาณาจักรเข้าด้วยกัน เขาสวมเครื่องแบบทหารหลวงที่ออกแบบโดยช่างตัดเสื้อท้องถิ่น ผู้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งกล่าวว่า นอร์ตันดูเหมือน “พระราชาทุกตารางนิ้ว” แต่แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ เราสร้างตัวตนที่เราเป็นขึ้นมาเองไม่ได้

พวกเราส่วนใหญ่ใช้เวลาหลายปีเพื่อค้นหาว่าเราเป็นใคร และสงสัยว่าเรามีคุณค่าอะไร เราเสาะหา พยายามตั้งชื่อหรือนิยามตนเอง แต่พระเจ้าเท่านั้นที่บอกความจริงได้ว่าแท้จริงแล้วเราเป็นใคร และขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเรียกเราว่าบุตรชายหญิงของพระองค์ เมื่อเรารับเอาความรอดในพระเยซูองค์พระบุตร ยอห์นกล่าวว่า “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์…พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า (ยน.1:12) และอัตลักษณ์ทั้งสิ้นนี้เป็นของประทาน เราเป็นที่รักของพระองค์ “ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ หรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า” (ข้อ 13)

พระเจ้าประทานชื่อและอัตลักษณ์ของเราในพระคริสต์ เราจึงหยุดที่จะดิ้นรนและเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่นได้ เพราะพระองค์ทรงบอกว่าเราเป็นใคร

สำรวจดวงดาว

ในปี 2021 โดยความพยายามจากหลายประเทศได้นำไปสู่การส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากโลกกว่า 1.6 ล้านกิโลเมตรเพื่อทำการสำรวจจักรวาลให้ละเอียดขึ้น กล้องนี้จะส่องดูในอวกาศห้วงลึกและตรวจสอบดวงดาวและสิ่งมหัศจรรย์อื่นๆในท้องฟ้า

นี่คือเทคโนโลยีทางดาราศาสตร์ที่น่าทึ่ง และถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีก็จะทำให้เราได้รูปภาพและข้อมูลที่มหัศจรรย์ แต่ภารกิจของมันไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่จริงแล้ว ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์กล่าวถึงการสำรวจดวงดาวเมื่อท่านกล่าวว่า “จงแหงนหน้าขึ้นดูว่า ผู้ใดสร้างสิ่งเหล่านี้ พระองค์ผู้ทรงนำบริวารออกมาตามจำนวน” (อสย.40:26) “คืนแล้วคืนเล่า” ที่ดวงดาวเหล่านั้นกล่าวถึงองค์ผู้ทรงสร้างของเราผู้ทำให้จักรวาลอันกว้างใหญ่เกินความเข้าใจนี้เกิดขึ้น (สดด.19:2 TNCV) และในจักรวาลนั้นมีดวงส่องแสงนับไม่ถ้วนที่แต่งเติมความงดงามแก่ท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเงียบๆ (ข้อ 3)

และคือพระเจ้าเองผู้ตัดสินว่าจะมีดวงส่องแสงกี่ดวงบนนั้น “พระองค์ทรงนับจำนวนดาว พระองค์ทรงตั้งชื่อมันทุกดวง” (สดด.147:4) เมื่อมนุษย์ส่งเครื่องตรวจอันซับซ้อนและน่าทึ่งออกไปสำรวจจักรวาล เราจึงได้ชื่นชมความอัศจรรย์อันน่าหลงใหลที่มันค้นพบ เพราะทุกการสำรวจล้วนชี้กลับไปยังองค์ผู้ทรงสร้างระบบสุริยะและทุกอย่างนอกเหนือจากนั้น ใช่แล้ว “ฟ้าสวรรค์ประกาศพระสิริของพระเจ้า” (19:1) รวมทั้งดวงดาวและทุกสิ่งด้วย

การนำด้วยความรัก

ในวิดีโอที่ถูกส่งต่ออย่างแพร่หลายเป็นเรื่องของแม่หมีที่พยายามพาลูกหมีจอมซนทั้งสี่ตัวของเธอข้ามถนนที่วุ่นวายนั้นทำให้ฉันยิ้มด้วยความเข้าใจ ช่างเป็นความรู้สึกร่วมที่มีความสุขขณะที่ดูแม่หมีอุ้มลูกหมีข้ามถนนทีละตัว แล้วลูกหมีเหล่านั้นก็เดินกลับมาฝั่งเดิม หลังจากความพยายามที่ดูน่าหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง แม่หมีก็สามารถจัดการลูกหมีทั้งสี่ตัวให้ข้ามถนนไปได้อย่างปลอดภัย

ภาพของการทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยของแม่หมีที่ปรากฏในวิดีโอนั้นตรงกับภาพที่เปาโลใช้อธิบายความห่วงใยของท่านที่มีต่อคนในคริสตจักรเมืองเธสะโลนิกา แทนที่จะเน้นย้ำถึงสิทธิอำนาจของท่าน เปาโลกลับเปรียบเทียบงานของท่านท่ามกลางพวกเขาว่าเป็นดังพ่อแม่ที่ห่วงใยลูก (1 ธส.2:7,11) ความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อชาวเธสะโลนิกา (ข้อ 8) ผลักดันให้เปาโลคอยหนุนใจ ปลอบโยน และผลักดันให้พวกเขา “ใช้ชีวิตอย่างสมควรต่อพระเจ้า” (ข้อ 12) การเรียกร้องอย่างแน่วแน่ให้พวกเขาใช้ชีวิตในทางของพระเจ้านั้น เกิดจากความปรารถนาที่เปี่ยมด้วยความรักของท่านที่อยากจะเห็นพวกเขาถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกด้านของชีวิต

ตัวอย่างของเปาโลสามารถเป็นแนวทางในการเป็นผู้นำให้กับเราได้ โดยเฉพาะในเวลาที่บทบาทความรับผิดชอบนั้นทำให้เราเหนื่อยล้า เราสามารถรักคนเหล่านั้นที่อยู่ในการดูแลของเราอย่างอ่อนโยนและมั่นคงได้ ด้วยการเสริมกำลังจากพระวิญญาณของพระเจ้าเมื่อเราหนุนใจและนำพวกเขามาหาพระเยซู

เพื่อเห็นแก่ความรัก

การวิ่งมาราธอนคือการผลักดันตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่สำหรับนักวิ่งมัธยมปลายคนหนึ่ง การแข่งวิ่งข้ามประเทศกลับเป็นการผลักดันคนอื่น ทุกการพบปะและฝึกซ้อม ซูซาน เบิร์จแมนวัยสิบสี่ปีต้องผลักดันเจฟฟรีย์พี่ชายของเธอในรถวีลแชร์ ตอนเจฟฟรีย์อายุยี่สิบสองเดือนเขามีภาวะหัวใจหยุดเต้น ทำให้สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงและมีภาวะสมองพิการวันนี้ซูซานเสียสละเป้าหมายในการวิ่งของเธอเพื่อเจฟฟรีย์จะได้ร่วมแข่งขันกับเธอด้วย ช่างเป็นความรักและการเสียสละที่น่าประทับใจ!

อัครสาวกเปาโลนึกถึงความรักและการเสียสละเมื่อท่านหนุนใจให้ผู้อ่าน “รักกันฉันพี่น้อง” (รม.12:10) ท่านรู้ว่าผู้เชื่อในกรุงโรมกำลังต่อสู้กับความอิจฉา ความโกรธ และความไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรง (ข้อ 18) ท่านจึงหนุนใจพวกเขาที่จะให้ความรักของพระเจ้าครอบครองจิตใจ ความรักเช่นนี้ซึ่งหยั่งรากอยู่ในความรักของพระคริสต์จะต่อสู้เพื่อความดีงามในผู้อื่น เป็นความรักที่จริงใจและนำไปสู่การแบ่งปัน (ข้อ 13) คนเหล่านั้นที่มีความรักเช่นนี้จะเห็นว่าผู้อื่นสมควรได้รับเกียรติมากกว่าตนเอง (ข้อ 16)

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เรากำลังวิ่งแข่งในความรักไปพร้อมกับการช่วยให้ผู้อื่นเข้าเส้นชัย แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นเรื่องยาก แต่การทำเช่นนี้จะนำพระเกียรติมาสู่พระเยซู ดังนั้นเพื่อเห็นแก่ความรัก ขอให้เราพึ่งพาพระองค์ที่จะหนุนกำลังเรา ให้รักและปรนนิบัติผู้อื่น

ผมขับรถเป็นอย่างไร

“เฮ้ย!” ผมร้องตะโกนเมื่อรถบรรทุกซ่อมบำรุงขับตัดหน้าไปนั่นเป็นตอนที่ผมเห็นข้อความว่า “ผมขับรถเป็นอย่างไร” พร้อมด้วยเบอร์โทรศัพท์ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย เสียงผู้หญิงถามถึงเหตุผลที่ผมโทรไป และผมระบายความไม่พอใจของผม เธอจดเลขรถบรรทุกและพูดอย่างอิดโรยว่า “คุณรู้ไหม คุณสามารถโทรมาแจ้งถึงคนที่ขับรถดีได้ตลอดเวลาเลยนะ”

คำพูดที่อ่อนล้าของเธอทำลายความมั่นใจในความชอบธรรมของผมไปทันที ความอับอายถาโถมเข้ามา ด้วยความรีบเร่งที่จะได้ “ความยุติธรรม” ผมไม่ได้หยุดคิดว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของผมจะส่งผลต่อผู้หญิงคนนี้กับงานที่ยากของเธออย่างไร ความเชื่อที่ไม่ได้เกิดผลเป็นการกระทำของผม ณ เวลานั้น ได้สร้างความเสียหายอย่างมาก

ช่องว่างระหว่างการกระทำและความเชื่อของเราคือสิ่งที่พระธรรมยากอบมุ่งเน้น เราได้อ่านในยากอบ 1:19-20 ว่า “ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ได้กระทำให้เกิดความชอบธรรมแห่งพระเจ้า” ท่านเสริมอีกว่า “จงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้นซึ่งเป็นการลวงตนเอง” (ข้อ 22)

ไม่มีใครในพวกเราที่สมบูรณ์แบบ บางครั้ง “การขับเคลื่อน” ของชีวิตเราก็ต้องการความช่วยเหลือ ในแบบที่ต้องเริ่มด้วยการสารภาพและทูลขอการช่วยเหลือจากพระเจ้า โดยวางใจให้พระองค์คอยขัดเกลาอุปนิสัยของเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา