ในวันอาทิตย์หลังจากที่ฉันเริ่มงานในฐานะผู้นำอนุชนที่คริสตจักรแห่งหนึ่งและได้พบอนุชนมากมาย ฉันได้คุยกับวัยรุ่นที่นั่งข้างแม่ของเธอ เมื่อฉันทักทายสาวน้อยขี้อายด้วยรอยยิ้ม ฉันเรียกชื่อเธอและถามเธอว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอเงยหน้าขึ้นดวงตาสีน้ำตาลงดงามเบิกกว้าง เธอเองก็ยิ้มและพูดเบาๆว่า “คุณจำชื่อของฉันได้” เพียงแค่เรียกชื่อเด็กสาวคนนั้นที่อาจรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สลักสำคัญในคริสตจักรที่เต็มไปด้วยผู้ใหญ่ ฉันได้เริ่มความสัมพันธ์แห่งความไว้วางใจ เธอรู้สึกว่าถูกมองเห็นและมีคุณค่า

ในอิสยาห์ 43 พระเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์เพื่อถ่ายทอดข้อความที่คล้ายกันให้กับคนอิสราเอลว่า พวกเขาถูกมองเห็นและมีค่า แม้ในตลอดช่วงที่ตกเป็นเชลยและอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระเจ้าทรงเห็นพวกเขาและรู้จักพวกเขา “ตามชื่อ” (ข้อ 1) พวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้า พวกเขาเป็นของพระองค์ แม้พวกเขาอาจรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่พวกเขา “ล้ำค่า” และความ “รัก” ของพระองค์อยู่กับพวกเขา (ข้อ 4 TNCV) และควบคู่ไปกับการเตือนความจำว่าพระเจ้าทรงรู้จักชื่อพวกเขา ทรงกล่าวถึงทุกสิ่งที่พระองค์จะทรงทำเพื่อพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาอันยากลำบาก เมื่อพวกเขาผ่านการทดลองต่างๆ พระองค์จะทรงอยู่กับพวกเขา (ข้อ 2) พวกเขาไม่ต้องกลัวหรือกังวลเพราะพระเจ้าทรงจดจำชื่อพวกเขาได้

พระเจ้าทรงรู้จักชื่อบุตรชายหญิงแต่ละคนของพระองค์ และนั่นคือข่าวประเสริฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราผ่านสายน้ำเชี่ยวลึกแห่งความยากลำบากของชีวิต