Month: มกราคม 2023

ผู้ทรงค้ำจุนพระพร

วันที่ 15 มกราคม 1919 ถังเก็บกากน้ำตาลขนาดใหญ่ระเบิดในบอสตัน กากน้ำตาลมากกว่าสองล้านแกลลอนพุ่งสูงถึง 15 ฟุตเป็นคลื่นพัดผ่านถนนด้วยความเร็วกว่า 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กวาดเอารางรถไฟ อาคาร ผู้คนและสัตว์ไป กากน้ำตาลอาจดูเหมือนไม่น่าจะสร้างปัญหาได้ แต่ในวันนั้นมันเป็นอันตรายจนถึงตายได้ มีผู้เสียชีวิต 21 คนและได้รับบาดเจ็บมากกว่า 150 คน

บางครั้งกระทั่งสิ่งดีๆ เช่นกากน้ำตาลก็อาจทำให้เราสูญเสียอย่างไม่คาดคิด ก่อนที่คนอิสราเอลจะเข้าสู่ดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับพวกเขา โมเสสเตือนประชาชนว่าอย่าอวดตัวในสิ่งที่พวกเขาจะได้รับ “เกรงว่า เมื่อท่านได้รับประทานอิ่มหนำ ได้สร้างบ้านเรือนดีๆ และได้อาศัยอยู่ในนั้น และเมื่อฝูงวัวและฝูงแพะแกะของท่านทวีขึ้น มีเงินทองมากขึ้น จิตใจของท่านทั้งหลายจะผยองขึ้น และท่านทั้งหลายก็ลืมพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย” พวกเขาจะต้องไม่ถือว่าความมั่งคั่งนี้มาจากกำลังหรือความสามารถของตนเอง ในทางกลับกัน โมเสสกล่าวว่า “จงจำพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ให้กำลังแก่ท่านที่จะได้ทรัพย์สมบัตินี้” (ฉธบ.8:12-14, 17-18)

สิ่งดีทั้งหมด รวมถึงสุขภาพกายและทักษะที่จำเป็นในการหาเลี้ยงชีพเป็นพระพรจากพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรัก แม้เมื่อเราทำงานหนัก ก็เป็นพระองค์เองที่ทรงค้ำจุนเราไว้ โอ ให้เรารับพระพรของเราด้วยมือที่เปิดกว้าง เพื่อเราจะสรรเสริญพระเจ้าในพระเมตตาที่ทรงประทานแก่เราด้วยใจกตัญญู!

หมดไฟ

“ฉันไม่คิดว่าจะทำอย่างนี้อีกต่อไปได้” เพื่อนของฉันพูดทั้งน้ำตาขณะเล่าถึงความรู้สึกสิ้นหวังอันท่วมท้นที่เธอต้องเผชิญในฐานะพยาบาลในวิกฤตสุขภาพระดับโลก “ฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกฉันให้เป็นพยาบาล แต่ฉันรู้สึกหนักเกินไปและหมดแรง” เธอสารภาพ เมื่อเห็นว่ามีเมฆหมอกแห่งความอ่อนล้าปกคลุมเธอ ฉันจึงตอบว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกหมดหวัง แต่ขอพระเจ้าประทานการทรงนำที่เธอกำลังแสวงหาและประทานกำลังที่จะอดทนต่อไป” ในขณะนั้นเองเธอตัดสินใจที่จะตั้งใจแสวงหาพระเจ้าโดยการอธิษฐาน ไม่นานหลังจากนั้นเพื่อนของฉันก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยจุดมุ่งหมายใหม่ เธอไม่เพียงแต่มีกำลังใจที่จะเป็นพยาบาลต่อไป แต่พระเจ้ายังประทานกำลังแก่เธอที่จะรับใช้ผู้คนได้มากขึ้นด้วยการเดินทางไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศ

ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราพึ่งพาพระเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือและกำลังใจได้ตลอดเวลาเมื่อเรารู้สึกว่ามีภาระหนักเกินไป เพราะ “พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย” (อสย.40:28) ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์กล่าวว่าพระบิดาของเราในสวรรค์ “ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง” (ข้อ 29) แม้ว่าพระกำลังของพระเจ้าจะคงอยู่นิรันดร์ แต่พระองค์ทรงรู้ดีว่าเราจะเจอกับวันที่เรารู้สึกหมดพลังทั้งในฝ่ายร่างกายและจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ข้อ 30) แต่เมื่อเราพึ่งพาพระเจ้าเพื่อจะรับกำลัง แทนที่จะพยายามวิ่งฝ่าอุปสรรคต่างๆในชีวิตเพียงลำพัง พระองค์ก็จะทรงฟื้นฟูและประทานกำลังใหม่แก่เราที่จะตัดสินใจมุ่งมั่นต่อไปด้วยความเชื่อ

เจ็ดนาทีแห่งความหวาดหวั่น

เมื่อยานสำรวจดาวอังคาร เพอร์เซเวียแรนส์ ลงจอดบนดาวเคราะห์สีแดงดวงนั้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2021 บรรดาผู้ที่เฝ้าดูการมาถึงของมันต้องอดกลั้นใจต่อ “เจ็ดนาทีแห่งความหวาดหวั่น” เมื่อยานอวกาศสิ้นสุดการเดินทางด้วยระยะทาง 467 ล้านกิโลเมตร มันต้องผ่านขั้นตอนการลงจอดที่ซับซ้อนซึ่งต้องทำด้วยตัวเอง สัญญาณจากดาวอังคารสู่โลกใช้เวลาหลายนาที ดังนั้นนาซ่าจึงไม่ได้ยินเสียงจากเพอร์เซเวียแรนส์ในระหว่างการลงจอด การติดต่อกันไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับทีมที่ใช้ความพยายามและทรัพยากรอย่างมากในภารกิจนี้

บางครั้งเราอาจพบกับช่วงเวลาแห่งความกลัวเมื่อเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ยินจากพระเจ้า เราอธิษฐานแต่ไม่ได้รับคำตอบ ในพระคัมภีร์เราพบคนที่ได้รับคำตอบของคำอธิษฐานอย่างรวดเร็ว (ดู ดนล.9:20-23) และคนที่ไม่ได้รับคำตอบเป็นเวลานาน (ดูเรื่องราวของฮันนาห์ใน 1 ซมอ.1:10-20) บางทีตัวอย่างที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดของคำตอบที่ล่าช้า คือเรื่องที่สร้างความหวาดหวั่นในใจของมารีย์และมารธา เมื่อพวกเขาขอให้พระเยซูช่วยลาซารัสน้องชายที่กำลังป่วยอยู่ (ยน.11:3) พระเยซูทรงมาช้าและน้องชายของพวกเขาเสียชีวิต (ข้อ 6-7, 14-15) แต่สี่วันต่อมาพระคริสต์ประทานคำตอบโดยให้ลาซารัสฟื้นขึ้นจากความตาย (ข้อ 43-44)

การรอคอยคำตอบของคำอธิษฐานอาจเป็นเรื่องยาก แต่พระเจ้าทรงสามารถปลอบโยนและช่วยเหลือเมื่อเรา “มีใจกล้าเข้าใกล้พระที่นั่งแห่งพระคุณ [ของพระองค์] ...เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ” (ฮบ.4:16)

เสื้อโค้ทสีชมพู

เบรนด้ากำลังเดินไปยังทางออกของห้างสรรพสินค้า ขณะที่สีชมพูระเรื่อจากตู้จัดแสดงดึงดูดสายตา เธอหันมาและยืนตะลึงหน้า “เสื้อโค้ทผ้าฝ้ายสีลูกกวาด” โอ ฮอลลี่คงจะชอบมากทีเดียว! การเงินของเพื่อนร่วมงานเธอซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้นค่อนข้างตึงตัว และขณะที่เบรนด้ารู้ว่าฮอลลี่ต้องการเสื้อโค้ทที่อบอุ่น เธอก็มั่นใจเช่นกันว่าเพื่อนของเธอจะไม่มีวันยอมเสียเงินซื้อของเหล่านี้ให้ตัวเอง หลังจากลังเลเล็กน้อย เบรนด้ายิ้ม หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาแล้วจัดการให้ส่งเสื้อโค้ทไปที่บ้านของฮอลลี่ เธอติดการ์ดที่ไม่ลงชื่อว่า “คุณเป็นที่รักอย่างมาก” เบรนด้าแทบจะเดินตัวลอยไปที่รถของเธอด้วยความยินดี

ความยินดีเป็นผลพลอยได้จากการให้ที่พระเจ้าทรงสะกิดใจเรา ดังที่เปาโลสอนชาวโครินธ์เรื่องศิลปะแห่งการเอื้อเฟื้อ ท่านกล่าวว่า “ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี” (2 คร.9:7) ท่านยังระบุอีกว่า “นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก” (ข้อ 6)

บางครั้งเรานำเงินสดใส่ในถุงถวาย บางครั้งก็ถวายออนไลน์ให้กับพันธกิจที่เหมาะสม และมีบางครั้งที่พระเจ้าทรงนำให้ตอบสนองความต้องการของเพื่อนด้วยการแสดงออกถึงความรักของพระองค์อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการที่เรามอบถุงเครื่องอุปโภคบริโภค การเติมน้ำมันรถให้...หรือกระทั่งของขวัญเป็นเสื้อโค้ทสีชมพูที่สมบูรณ์แบบ

ความกรุณาต่อคุณและผม

หนึ่งในผลกระทบที่ตามมาจากการระบาดของโควิด 19 คือการเทียบท่าเรือสำราญและกักตัวผู้โดยสาร หนังสือพิมพ์ วอลล์สตรีทเจอนัล เสนอบทความพิเศษที่มีการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวบางคน โดยให้แสดงความคิดเห็นว่าการกักตัวเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกันมากขึ้นอย่างไรบ้าง มีผู้โดยสารรายหนึ่งพูดติดตลกว่า คู่สมรสของตนซึ่งมีความจำดีเยี่ยมสามารถหยิบยกความผิดทุกอย่างที่เขาเคยทำมาได้ และเขารู้สึกได้ว่าเธอยังไม่จบ!

เรื่องราวเช่นนี้อาจทำให้เรายิ้ม เตือนเราถึงความเป็นมนุษย์ปุถุชนและให้สติเราว่า เรามักจะยึดติดเกินไปกับสิ่งที่เราควรจะปล่อยวาง แต่กระนั้นจะ​มีสิ่งใดที่ช่วย​ให้เรา​มี​ความ​กรุณา​ต่อ​ผู้​ที่​ทำ​ร้าย​เราได้บ้าง ให้เรามองดูพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเราตามที่พระองค์ทรงเปิดเผยให้เห็นในพระคัมภีร์ตอนต่างๆ อย่างเช่นสดุดี 103:8-12

การแปลความของพระคัมภีร์ฉบับเดอะแมสเสจ (The Message) ในข้อ 8-10 นั้นน่าสนใจ “พระเจ้าทรงพระกรุณาและมีพระคุณ ทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง พระองค์จะไม่ทรงจับผิด ดุว่า หรือทรงกริ้วอยู่เป็นนิตย์ พระองค์มิได้ทรงปฏิบัติต่อเราตามเรื่องบาปของเรา หรือทรงลงโทษอย่างเต็มขนาดตามความบาปผิดของเรา” การทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในขณะที่เราอ่านพระคัมภีร์ด้วยใจอธิษฐาน อาจทำให้เราเปลี่ยนความคิดในเรื่องแผนมุ่งร้ายที่จะเอาคืนหรือลงโทษ และอาจกระตุ้นให้เราอธิษฐานเพื่อตัวเองและเผื่อคนเหล่านั้นที่เราอาจถูกทดลองให้ทำร้ายพวกเขาด้วยการไม่สำแดงพระคุณ ความเมตตากรุณา และการให้อภัย

รักที่ให้อภัย

แปดสิบปีของการแต่งงาน! ปู่ทวดพีทและย่าทวดรูธของสามีฉันฉลองวาระพิเศษนี้ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 หลังจากได้มีโอกาสพบกันในปี 1941 ขณะที่รูธยังเรียนมัธยมปลาย หนุ่มสาวคู่นี้กระตือรือร้นที่จะแต่งงานกันมากจนหนีตามกันไปหลังจากที่รูธจบการศึกษา พีทและรูธเชื่อว่าพระเจ้าทรงนำพวกเขามาอยู่ร่วมกันและทรงนำพาในตลอดปีเดือนที่ผ่านมานี้

เมื่อใคร่ครวญถึงเวลาแปดทศวรรษของชีวิตแต่งงาน พีทและรูธต่างเห็นพ้องต้องกันว่ากุญแจดอกเดียวในการรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาคือ การตัดสินใจเลือกที่จะอภัย ใครก็ตามที่มีความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งจะเข้าใจดีว่าเราทุกคนต้องการการอภัยอยู่เสมอ จากการที่เราทำร้ายกันและกันในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะด้วยคำพูดที่ไร้ความปราณี การผิดสัญญา หรืองานที่ลืมทำ

มีพระธรรมตอนหนึ่งในพระคัมภีร์ที่เขียนขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้เชื่อในพระเยซูอยู่ร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เปาโลกล่าวถึงบทบาทสำคัญของการให้อภัย เมื่อหนุนใจให้ผู้อ่านเลือก “ใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพใจอดทนไว้นาน” (คส.3:12) เปาโลหนุนใจเพิ่มเติมอีกว่า “ถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน จงยกโทษให้กันและกัน” (ข้อ 13) ที่สำคัญที่สุด ปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างพวกเขาต้องมีความรักเป็นเครื่องนำทาง (ข้อ 14)

ความสัมพันธ์ทั้งหลายที่หล่อหลอมให้เรามีคุณลักษณะตามที่เปาโลระบุไว้นั้นคือพระพร ขอพระเจ้าทรงช่วยเราทุกคนที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งถูกหล่อหลอมขึ้นจากความรักและการให้อภัย

ต่อสู้กับสิ่ง “ฉูดฉาด”

ในรายการ ดิแอนดี้กริฟฟิธโชว์ ทีวีซีรี่ย์ในยุค 1960 ชายคนหนึ่งบอกแอนดี้ว่า เขาควรปล่อยให้โอพีลูกชายตัดสินใจเองว่าอยากจะใช้ชีวิตอย่างไร แอนดี้ไม่เห็นด้วย “คุณไม่อาจปล่อยให้เด็กหนุ่มตัดสินใจด้วยตัวเองได้ เพราะเขาจะคว้าเอาสิ่งฉูดฉาดอันแรกที่ติดริบบิ้นแวววาวเอาไว้ และเมื่อเขาพบว่ามีข้อผูกมัดซ่อนอยู่ มันก็สายเกินไป ความคิดผิดๆมากมายมาพร้อมกับสีสันฉูดฉาดแวววาวซึ่งยากที่จะทำให้พวกเขาเชื่อว่าในระยะยาวอาจมีสิ่งอื่นที่ดีกว่า” เขาสรุปว่าสิ่งสำคัญสำหรับพ่อแม่คือ สร้างแบบอย่างพฤติกรรมที่ถูกต้องและช่วย “ขจัดสิ่งล่อลวงออกไป”

คำพูดของแอนดี้สอดคล้องกับสติปัญญาที่พบในพระธรรมสุภาษิต“จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น” (22:6) แม้ว่าหลายคนอาจเข้าใจว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสัญญา แต่จริงๆแล้วเป็นคำแนะนำสั่งสอน เราทุกคนถูกเรียกให้ตัดสินใจเชื่อในพระเยซูด้วยตนเอง แต่เราสามารถช่วยวางรากฐานจากพระวจนะโดยผ่านความรักที่เรามีต่อพระเจ้าและพระคัมภีร์ และเราอธิษฐานทูลขอได้ที่เด็กๆในการดูแลของเราเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่พวกเขาจะเลือกต้อนรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด และเดินในทางของพระองค์ ไม่ใช่ “ในทางของคนตลบตะแลง” (ข้อ 5)

โดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ชัยชนะที่เรามีเหนือ “สิ่งฉูดฉาด” เป็นคำพยานที่มีพลังมากเช่นกัน พระวิญญาณของพระเยซูทรงช่วยเราที่จะต่อต้านการทดลอง และหล่อหลอมชีวิตของเราให้เป็นแบบอย่างที่ควรค่าแก่การเลียนแบบ

ไม่ขาดทุน

รูเอลเพื่อนของฉันไปร่วมงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนมัธยมที่จัดขึ้นที่บ้านของอดีตเพื่อนร่วมชั้น คฤหาสน์ริมน้ำใกล้กับอ่าวมะนิลาหลังนั้นสามารถรองรับผู้ร่วมงานได้สองร้อยคน และนั่นทำให้รูเอลรู้สึกตัวเล็กลง

“หลายปีมานี้ ผมมีความสุขที่ได้ดูแลคริสตจักรในชนบทห่างไกล” รูเอลบอกกับฉัน “และถึงแม้ผมรู้ว่าไม่ควร แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาความมั่งคั่งทางวัตถุของเพื่อนร่วมชั้น ผมคิดเฉไฉไปว่า ชีวิตจะต่างออกไปอย่างไรถ้าผมใช้ปริญญาของผมเพื่อจะกลายเป็นนักธุรกิจแทน”

“แต่ต่อมาผมก็เตือนตัวเองว่า ไม่มีอะไรที่น่าอิจฉา” รูเอลพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ผมลงทุนชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้า และผลลัพธ์จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์” ฉันจะจดจำใบหน้าอันสุขสงบของเขาตลอดไปในขณะที่เขากล่าวคำพูดเหล่านั้น

รูเอลดึงสันติสุขมาจากคำอุปมาของพระเยซูในมัทธิว 13:44-46 เขารู้ว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด การแสวงหาและดำเนินชีวิตเพื่อแผ่นดินของพระองค์อาจมีหลายรูปแบบ สำหรับบางคนอาจหมายถึงพันธกิจเต็มเวลา ขณะที่สำหรับคนอื่นๆอาจหมายถึงการดำเนินชีวิตที่สำแดงข่าวประเสริฐในที่ทำงาน ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงเลือกใช้เราอย่างไร เราก็ยังคงวางใจและเชื่อฟังการทรงนำของพระองค์ได้ โดยรู้ดีเหมือนชายคนนั้นในคำอุปมาของพระเยซู คือรู้ถึงคุณค่าของขุมทรัพย์ที่ไม่มีวันเสื่อมสลายที่เราได้รับ ทุกสิ่งในโลกนี้มีค่าน้อยกว่าทั้งหมดที่เราได้รับในการติดตามพระเจ้า (1 ปต.1:4-5)

ชีวิตของเราเมื่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ จะเกิดผลนิรันดร์

หายไป ได้พบ ชื่นชมยินดี

“พวกเขาเรียกผมว่า ‘เจ้าแห่งแหวน’ จนในปีนี้ผมได้พบแหวนที่หายไป 167 วงแล้ว” ระหว่างที่ผมเดินเล่นบนชายหาดกับคารี่ภรรยา เราหยุดพูดคุยกับชายสูงอายุที่ใช้เครื่องตรวจจับโลหะเพื่อสแกนบริเวณชายหาดใต้แนวคลื่น “บางครั้งก็มีชื่ออยู่ที่แหวน” เขาอธิบาย “และผมชอบที่ได้เห็นหน้าเจ้าของตอนที่ผมส่งแหวนคืน ผมจะโพสต์แจ้งไว้ในช่องทางออนไลน์และตรวจดูว่ามีใครติดต่อแผนกของหายไหม หลายปีมานี้ผมได้พบแหวนหลายวงที่หายไป” เมื่อเราเอ่ยว่า ผมก็ชอบที่จะตรวจจับโลหะเช่นกันแต่ไม่ได้ทำบ่อยนัก คำพูดของเขาขณะจากกันคือ “คุณไม่มีทางรู้ จนกว่าคุณจะออกไป!”

เราพบ “การค้นหาและการช่วยกู้” อีกแบบหนึ่งในลูกาบทที่ 15 พระเยซูทรงถูกวิจารณ์เรื่องการเอาใจใส่คนบาปที่ห่างไกลพระเจ้า (ข้อ 1-2) เพื่อตอบสนองคำพูดนั้น พระองค์ตรัสสามเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่หายไปและได้พบอีก คือ แกะเงินเหรียญและบุตรชาย ชายที่พบแกะที่หายไปนั้น “ก็ยกขึ้นใส่บ่าแบกมาด้วยความเปรมปรีดิ์ เมื่อถึงบ้านแล้ว จึงเชิญพวกมิตรสหายและเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน พูดกับเขาว่า ‘จงเปรมปรีดิ์กับข้าพเจ้าเถิด’ ” (ลก.15:5-6) จุดสูงสุดของเรื่องราวทั้งหมดคือ การได้ค้นพบคนที่หลงหายไปเพื่อพระคริสต์ และความปีติยินดีที่เกิดขึ้นเพราะได้พบกับพวกเขาในพระองค์

พระเยซูเสด็จมา “เพื่อจะเที่ยวหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด” (19:10) และพระองค์ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์โดยรักคนทั้งหลายที่กลับมาหาพระเจ้า (มธ.28:19) ความชื่นชมยินดีที่ได้เห็นผู้อื่นกลับใจมาหาพระองค์นั้นรอคอยเราอยู่ เราจะไม่มีทางรู้จนกว่าเราจะออกไป

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา