รูเอลเพื่อนของฉันไปร่วมงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนมัธยมที่จัดขึ้นที่บ้านของอดีตเพื่อนร่วมชั้น คฤหาสน์ริมน้ำใกล้กับอ่าวมะนิลาหลังนั้นสามารถรองรับผู้ร่วมงานได้สองร้อยคน และนั่นทำให้รูเอลรู้สึกตัวเล็กลง

“หลายปีมานี้ ผมมีความสุขที่ได้ดูแลคริสตจักรในชนบทห่างไกล” รูเอลบอกกับฉัน “และถึงแม้ผมรู้ว่าไม่ควร แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาความมั่งคั่งทางวัตถุของเพื่อนร่วมชั้น ผมคิดเฉไฉไปว่า ชีวิตจะต่างออกไปอย่างไรถ้าผมใช้ปริญญาของผมเพื่อจะกลายเป็นนักธุรกิจแทน”

“แต่ต่อมาผมก็เตือนตัวเองว่า ไม่มีอะไรที่น่าอิจฉา” รูเอลพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ผมลงทุนชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้า และผลลัพธ์จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์” ฉันจะจดจำใบหน้าอันสุขสงบของเขาตลอดไปในขณะที่เขากล่าวคำพูดเหล่านั้น

รูเอลดึงสันติสุขมาจากคำอุปมาของพระเยซูในมัทธิว 13:44-46 เขารู้ว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด การแสวงหาและดำเนินชีวิตเพื่อแผ่นดินของพระองค์อาจมีหลายรูปแบบ สำหรับบางคนอาจหมายถึงพันธกิจเต็มเวลา ขณะที่สำหรับคนอื่นๆอาจหมายถึงการดำเนินชีวิตที่สำแดงข่าวประเสริฐในที่ทำงาน ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงเลือกใช้เราอย่างไร เราก็ยังคงวางใจและเชื่อฟังการทรงนำของพระองค์ได้ โดยรู้ดีเหมือนชายคนนั้นในคำอุปมาของพระเยซู คือรู้ถึงคุณค่าของขุมทรัพย์ที่ไม่มีวันเสื่อมสลายที่เราได้รับ ทุกสิ่งในโลกนี้มีค่าน้อยกว่าทั้งหมดที่เราได้รับในการติดตามพระเจ้า (1 ปต.1:4-5)

ชีวิตของเราเมื่ออยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ จะเกิดผลนิรันดร์