Month: ตุลาคม 2021

ทำให้ฤดูกาลกลับคืนมา

ไลซ่าต้องการหาวิธีทำให้ฤดูกาลกลับคืนมา ของตกแต่งมากมายสำหรับฤดูใบไม้ร่วงที่เธอเห็นดูเหมือนเพื่อเฉลิมฉลองความตาย บางอันดูน่าสยดสยองและน่ากลัว

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อต้านความมืดด้วยวิธีง่ายๆ ไลซ่าเริ่มด้วยการเขียนสิ่งที่เธอรู้สึกขอบพระคุณลงบนฟักทองลูกใหญ่ “แสงสว่าง” เป็นสิ่งแรก ในไม่ช้าผู้มาเยือนก็ทยอยเติมสิ่งอื่นๆเพิ่มเข้าไป บางสิ่งดูแปลกประหลาดเช่น “เส้นขยุกขยิก” สิ่งอื่นๆดูเป็นการเป็นงานเช่น “บ้านที่อบอุ่น” “รถที่ใช้งานได้” แต่ยังมีสิ่งอื่นอีกที่ทำให้เจ็บปวด เช่น ชื่อของคนที่เรารักที่ตายจากไป คำขอบพระคุณนั้นเริ่มเชื่อมต่อยาวเป็นลูกโซ่จนพันรอบฟักทองนั้น

พระธรรมสดุดีบทที่ 104 เสนอคำอธิษฐานเพื่อการสรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งต่างๆที่เรามักมองข้าม “พระองค์ทรงกระทำให้น้ำพุพลุ่งขึ้นมาในหุบเขา น้ำนั้นก็ไหลไประหว่างเขา” (ข้อ 10) ผู้ประพันธ์ร้อง “พระองค์ทรงให้หญ้างอกมาเพื่อสัตว์เลี้ยง และผักให้มนุษย์ได้ดูแล” (ข้อ 14) แม้ยามค่ำคืนก็ดีและเหมาะสม “พระองค์ทรงให้เกิดความมืดและเป็นกลางคืน เป็นสัตว์ของป่าไม้คลานออกมา” (ข้อ 20) แต่แล้ว “เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น...มนุษย์ก็ออกไปทำงานของเขา ไปทำภารกิจของเขาจนเวลาเย็น” (ข้อ 22-23) ทั้งหมดนี้ผู้เขียนสดุดีสรุปว่า “ข้ามีชีวิตอยู่ตราบใด ข้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระเจ้าของข้า” (ข้อ 33)

ในโลกที่ไม่รู้วิธีรับมือกับความตายนี้ แม้เพียงคำสรรเสริญที่เล็กน้อยที่สุดแด่พระผู้สร้างของเราก็สามารถกลายเป็นความหวังที่เปล่งประกายเจิดจ้า

การทรงเรียกครั้งใหม่

เคซี่หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นและลูกสมุนของเขางัดแงะไปตามบ้านและรถยนต์ ปล้นร้านสะดวกซื้อ และตีรันฟันแทงกับแก๊งอื่นๆ สุดท้ายเคซี่ถูกจับและตัดสินจำคุก ในเรือนจำเขากลายเป็น “หัวหน้าใหญ่” และใช้มีดที่ทำขึ้นเองทำร้ายคนอื่นระหว่างการจลาจล

ต่อมาไม่นานเขาถูกขังเดี่ยว ขณะฝันกลางวันอยู่ในห้องขัง เคซี่สัมผัสถึง “ภาพเคลื่อนไหว” ของเรื่องราวช่วงสำคัญๆในชีวิตเขา และภาพของพระเยซูที่ถูกพาไปตรึงที่กางเขน และทรงตรัสกับเขาว่า “เราทำสิ่งนี้เพื่อเจ้า” เคซี่ทรุดลงกับพื้นร้องไห้และสารภาพบาปของเขา หลังจากนั้นเขาเล่าประสบการณ์นี้ให้กับอนุศาสนาจารย์ในเรือนจำฟัง ผู้ซึ่งได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระเยซูและมอบพระคัมภีร์ให้เคซี่ “นั่นคือจุดเริ่มต้นการเดินทางแห่งความเชื่อของผม” เคซี่พูด ในที่สุดเขาได้รับการปล่อยตัวให้กลับสู่ห้องขังรวมที่ซึ่งเขาถูกทำร้ายเพราะความเชื่อของเขา แต่เขามีสันติสุข เพราะ “เขาได้พบกับการทรงเรียกครั้งใหม่ คือให้บอกผู้ต้องขังคนอื่นเรื่องพระเยซู”

ในจดหมายถึงทิโมธี อัครทูตเปาโลพูดถึงฤทธิ์อำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพระคริสต์ พระเจ้าทรงเรียกเราออกจากชีวิตที่เต็มด้วยการกระทำผิดให้มาติดตามและรับใช้พระเยซู (2 ทธ.1:9) เมื่อเราต้อนรับพระองค์โดยความเชื่อ เราปรารถนาที่จะเป็นพยานที่มีชีวิตถึงความรักของพระคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยเราให้ทำเช่นนั้นได้ แม้ต้องพบความยากลำบากขณะแสวงหาโอกาสที่จะแบ่งปันข่าวดี (ข้อ 8) เช่นเดียวกับเคซี่ ให้เรามีชีวิตเพื่อการทรงเรียกครั้งใหม่ของเรา

พระเจ้าทรงร้องเพลงให้คุณ

สิบเจ็ดเดือนหลังจากที่ลูกชายคนแรกของเราเกิด ลูกสาวตัวน้อยก็ตามมา ผมดีใจมากเมื่อคิดว่าจะได้ลูกสาว แต่ก็กังวลเพราะขณะที่เราพอจะรู้เรื่องของเด็กผู้ชายบ้าง เด็กผู้หญิงกลับเป็นเรื่องที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อน เราตั้งชื่อเธอว่าซาราห์ สิทธิพิเศษอย่างหนึ่งของผมคือได้กล่อมเธอนอนเพื่อให้ภรรยาผมได้พัก ผมไม่มั่นใจว่าเพราะอะไรแต่ผมเริ่มร้องเพลงกล่อมให้เธอหลับ และเพลงที่ผมเลือกคือ “เธอเป็นแสงสว่างของฉัน” (You Are My Sunshine) ไม่ว่าจะอุ้มเธอไว้หรือยืนอยู่เหนือเปลของเธอ ผมมักร้องเพลงให้เธอและผมรักทุกนาทีเหล่านั้น ตอนนี้เธออายุ 20 กว่าแล้ว และผมยังคงเรียกเธอว่า “แสงสว่าง”

พวกเรามักคิดถึงการร้องเพลงของเหล่าทูตสวรรค์ แต่คุณคิดถึงการร้องเพลงของพระเจ้าครั้งสุดท้ายเมื่อไร ใช่แล้ว พระเจ้าทรงร้องเพลง ยิ่งไปกว่านั้น คุณคิดว่าพระเจ้าทรงร้องเพลงให้คุณครั้งล่าสุดเมื่อใด เศฟันยาห์มีความชัดเจนในข้อความที่ท่านส่งไปเยรูซาเล็ม “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า” ทรงชื่นชมยินดีในตัวคุณมากจนพระองค์ “ทรงเริงโลดเพราะเจ้าด้วยร้องเพลงเสียงดัง” (3:17) แม้ว่าข้อความนี้พูดกับเยรูซาเล็มโดยตรง แต่ก็เหมือนกับพระเจ้าทรงร้องเพลงให้พวกเรา ซึ่งเป็นผู้ที่ยอมรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดเช่นกัน! พระองค์ทรงร้องเพลงอะไร พระคัมภีร์ไม่ได้บอกชัดเจนในเรื่องนี้ แต่บทเพลงนั้นก่อกำเนิดมาจากความรักของพระองค์ เราจึงวางใจได้ว่าเป็นสิ่งที่จริง น่านับถือ ถูกต้อง บริสุทธิ์ น่ารักและน่ายกย่อง (ฟป.4:8 TNCV)

พระเจ้าทรงฟังอยู่ไหม

เมื่อฉันร่วมรับใช้ในทีมดูแลผู้มานมัสการในคริสตจักร หน้าที่หนึ่งของฉันคืออธิษฐานตามคำขอที่เขียนไว้ในบัตรตรงม้านั่งระหว่างการนมัสการ เผื่อสุขภาพของคุณป้า เผื่อการเงินของคู่สามีภรรยา ขอให้หลานชายได้พบพระเจ้า ฉันไม่ค่อยได้ยินถึงผลลัพธ์ของคำอธิษฐานเหล่านี้ คนส่วนใหญ่ไม่ลงชื่อไว้ และฉันไม่มีทางรู้ได้ว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานนั้นอย่างไร ต้องสารภาพว่าบางครั้งฉันก็สงสัยว่า พระองค์ทรงฟังจริงๆไหม เกิดอะไรขึ้นจากคำอธิษฐานของฉันบ้างไหม

ตลอดชั่วชีวิตของเรา พวกเราส่วนใหญ่มักตั้งคำถามว่า “พระเจ้าทรงได้ยินฉันไหม” ฉันจำได้ถึงคำทูลอ้อนวอนขอลูกของฉัน ที่เหมือนกับนางฮันนาห์ซึ่งไม่ได้รับคำตอบอยู่หลายปี และคำอ้อนวอนให้พ่อของฉันได้พบความเชื่อ แต่ท่านจากไปโดยไม่ได้มีการรับเชื่อที่ชัดเจนใดๆ

ตลอดเวลาหลายพันปีมีตัวอย่างมากมายที่เห็นได้อย่างชัดเจนของการที่พระเจ้าทรงโน้มลงมาสดับฟัง ทั้งเสียงโอดครวญของชนชาติอิสราเอลที่ตกเป็นทาส (อพย.2:24) โมเสสบนภูเขาซีนาย (ฉธบ.9:19) โยชูวาที่กิลกาล (ยชว.10:14) คำอธิษฐานขอลูกของนางฮันนาห์ (1 ซมอ.1:10-17) ดาวิดร้องขอการช่วยกู้ให้พ้นจากกษัตริย์ซาอูล (2 ซมอ.22:7)

พระธรรม 1 ยอห์น 5:14 ขยายความเรื่องนี้ให้กับเรา “ถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา” คำว่า “ฟัง” หมายถึงการเอาใจใส่และตอบสนองต่อสิ่งที่ได้ยิน

วันนี้เมื่อเราเข้าหาพระเจ้า ขอให้เรามั่นใจในพระกรรณที่คอยสดับฟังของพระองค์ซึ่งทอดยาวผ่านประวัติศาสตร์แห่งประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงได้ยินคำอ้อนวอนของเรา

วัตถุประสงค์ของการทนทุกข์

“ถ้ าเช่นนั้นคุณกำลังบอกว่ามันอาจไม่ใช่ความผิดของฉันก็ได้” คำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมประหลาดใจ พวกเรากำลังพูดคุยกันถึงสิ่งที่ผมแบ่งปันในเช้าวันนั้นตอนไปเป็นวิทยากรรับเชิญที่คริสตจักรของเธอ “ฉันป่วยเรื้อรัง” เธออธิบาย “ฉันอธิษฐาน อดอาหาร สารภาพบาปและทำทุกวิธีที่มีคนบอกว่าจะช่วยให้หาย แต่ฉันก็ยังป่วยอยู่ ฉันจึงคิดว่าคงต้องโทษตัวเอง”

ผมรู้สึกเศร้าใจกับคำสารภาพของผู้หญิงคนนั้น เธอได้รับ “สูตรสำเร็จ” ฝ่ายวิญญาณเพื่อใช้แก้ปัญหาที่มี แต่เธอกลับโทษตัวเองเมื่อสูตรเหล่านั้นใช้ไม่ได้ผล ที่แย่ไปกว่านั้นคือ สูตรสำเร็จที่ใช้รับมือกับการทนทุกข์เหล่านี้ถูกหักล้างไปแล้วตั้งแต่หลายยุคก่อน

พูดง่ายๆก็คือสูตรสำเร็จนี้บอกว่า หากคุณกำลังทนทุกข์นั้นแสดงว่าคุณมีบาป เมื่อโยบสูญเสียฝูงสัตว์ ลูกๆและสุขภาพ เพื่อนๆได้ใช้สูตรนี้กับท่าน “ผู้ที่ไร้ความผิดเคยพินาศหรือ” เอลีฟัสสงสัยว่าโยบมีความผิด (โยบ 4:7) บิลดัดยังบอกกับโยบอีกว่าลูกๆของท่านตายเพราะพวกเขาทำบาป (8:4) โดยไม่สนใจสาเหตุที่แท้จริงของภัยพิบัติที่โยบได้รับ (1:6- 2:10) พวกเขาซ้ำเติมด้วยเหตุผลที่ตื้นเขินสำหรับความเจ็บปวดที่โยบได้รับ แต่ต่อมาพวกเขาถูกพระเจ้าทรงตำหนิ (42:7)

การทนทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิตในโลกที่ชั่วร้าย เช่นเดียวกับโยบ การทนทุกข์สามารถเกิดจากสาเหตุที่เราอาจไม่มีวันได้รู้ แต่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์สำหรับคุณที่ยิ่งใหญ่กว่าความเจ็บปวดที่คุณต้องสู้ทน อย่าหมดกำลังใจเพราะหลงเชื่อสูตรสำเร็จที่ตื้นเขินเหล่านั้น

ตั้งไว้เป็นพิเศษ

รถสามล้อเครื่องในประเทศศรีลังกาที่เรียกกันว่า “ตุ๊กตุ๊ก” เป็นยานพาหนะที่สะดวกและเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคน ลอร์เรนผู้อาศัยในกรุงโคลอมโบเมืองหลวงตระหนักว่าพวกเขาคือทุ่งนาแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ วันหนึ่งขณะโดยสารรถตุ๊กตุ๊ก เธอพบคนขับรถที่เป็นมิตรและยินดีพูดคุยเรื่องศาสนากับเธอ เธอบอกกับตัวเองว่าครั้งต่อไปเธอจะคุยเรื่องข่าวประเสริฐกับคนขับรถ

ในพระธรรมโรมเปาโลเริ่มต้นด้วยการพูดถึงตัวเองว่าเป็น “ผู้ซึ่งได้ทรงตั้งไว้ให้ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า” (รม.1:1) ในภาษากรีกคำว่า “ข่าวประเสริฐ” คือคำว่า evangelion ซึ่งหมายถึง “ข่าวดี” เปาโลต้องการบอกว่าเป้าหมายหลักของท่านคือการประกาศข่าวดีของพระเจ้า

ข่าวดีนี้คืออะไร พระธรรมโรม 1:3 พูดถึงข่าวประเสริฐของพระเจ้าว่า “เกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์” ข่าวดีนี้คือพระเยซู! พระเจ้าพระองค์เองทรงเป็นผู้ที่ต้องการจะบอกกับโลกว่า พระเยซูเสด็จมาเพื่อช่วยเราจากความบาปและความตาย และพระองค์ทรงเลือกเราให้เป็นช่องทางในการสื่อสารของพระองค์ ช่างเป็นความจริงที่อ่อนน้อมถ่อมตนจริงๆ!

การแบ่งปันข่าวดีเป็นสิทธิพิเศษที่ผู้เชื่อในพระเยซูทุกคนได้รับ เรา “ได้รับพระคุณ” ให้ประกาศถึงความเชื่อนี้แก่ผู้อื่น (ข้อ 5-6) พระเจ้าทรงตั้งเราไว้ให้ประกาศข่าวประเสริฐอันน่าตื่นเต้นแก่ผู้ที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะในรถตุ๊กตุ๊ก หรือที่ใดก็ตาม ขอให้เราเป็นเหมือนลอร์เรนที่มองหาโอกาสในชีวิตประจำวันของเรา เพื่อบอกผู้อื่นถึงข่าวดีซึ่งก็คือพระเยซู

การทดสอบ

ครั้งแรกที่ผมพาพวกลูกชายของผมไปปีนเขาโคโรลาโดฟอร์ทีนเนอร์ ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงไม่น้อยกว่า 14,000 ฟุต พวกเขารู้สึกกังวล พวกเขาจะทำสำเร็จไหม พวกเขาพร้อมสำหรับความท้าทายนี้หรือยัง ลูกคนสุดท้องหยุดพักบ่อยๆตลอดทาง “พ่อ ผมไปต่อไม่ไหวแล้ว” เขาพูดซ้ำๆ แต่ผมเชื่อว่าการทดสอบนี้ดีสำหรับพวกเขา และผมอยากให้เขาวางใจผม ราว 1.6 กิโลเมตรก่อนถึงยอดเขา ลูกคนที่ยืนกรานว่าไปต่อไม่ไหวรวบรวมพลังอีกครั้งและแซงหน้าพวกเราไปถึงจุดสูงสุด เขาดีใจมากที่วางใจผมแม้จะมีความกลัว

ผมประหลาดใจในความวางใจของอิสอัคที่มีต่อบิดาขณะที่พวกเขาเดินขึ้นเขา ยิ่งกว่านั้นผมพ่ายแพ้ให้กับความวางใจในพระเจ้าของอับราฮัมขณะที่ท่านยกมีดขึ้นเพื่อฆ่าบุตรชาย (ปฐก.22:10) แม้จิตใจจะสับสนและว้าวุ่นแต่อับราฮัมเชื่อฟังพระเจ้า โดยพระเมตตาทูตสวรรค์ได้หยุดยั้งท่านไว้ “อย่าแตะต้องเด็กนั้นหรือกระทำอะไรเขาเลย” ทูตของพระเจ้าพูด (ข้อ 12) พระเจ้าไม่เคยมีพระประสงค์ให้อิสอัคตาย

เมื่อเปรียบเทียบเรื่องราวที่พิเศษนี้กับชีวิตของเราด้วยการไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตประโยคแรกให้ดี “พระเจ้าทรงลองใจอับราฮัม” (ข้อ 1) จากการทดสอบอับราฮัมได้เรียนรู้ว่าท่านไว้วางใจพระเจ้ามากเพียงไร ท่านค้นพบหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้า และการจัดเตรียมที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์

ในท่ามกลางความสับสน ความมืดมิดและการทดสอบของเรา เราได้เรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเราและพระเจ้าของเรา และเราอาจพบว่าการทดสอบนำเราไปสู่ความวางใจในพระเจ้าที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

พูด วางใจ รู้สึก

“ห้ามพูด ห้ามวางใจ ห้ามรู้สึก เป็นกฎที่เราใช้ดำเนินชีวิต” เฟรดเดอริค บุชเนอร์กล่าวไว้ในบันทึกอันทรงพลังที่ชื่อว่า บอกความลับ “และวิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่แหกกฎ” บุชเนอร์กำลังอธิบายประสบการณ์ที่เขาเรียกว่า “กฎที่ไม่ได้บัญญัติของครอบครัวที่เสียสมดุล” ในครอบครัวของเขา “กฎ” นั้นแปลว่าบุชเนอร์ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงหรือเศร้าโศกในการฆ่าตัวตายของพ่อ ซึ่งทำให้เขาไม่เหลือใครที่จะวางใจให้พูดถึงความเจ็บปวดของเขา

คุณเคยมีประสบการณ์แบบนี้ไหม พวกเราหลายคนโดยทางใดทางหนึ่งเคยเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับความรักจอมปลอม ที่เรียกร้องให้เราไม่พูดถึงสิ่งที่ทำร้ายเราอย่างตรงไปตรงมาหรือเก็บเงียบเอาไว้ “ความรัก” เช่นนั้นถูกควบคุมโดยความกลัว และเป็นรูปแบบหนึ่งของการตกเป็นทาส

เราไม่อาจลืมได้ว่าความรักที่พระเยซูทรงเชื้อเชิญให้เรารับนั้น แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความรักที่มีข้อแม้ที่เราพบเจอเสมอ ซึ่งเป็นความรักที่เรามักกลัวว่าจะสูญเสียมันไป ตามที่เปาโลอธิบายว่า โดยความรักของพระคริสต์นั้นจะทำให้เราสามารถเข้าใจได้ในที่สุดว่า การไม่ต้องมีชีวิตอยู่ในความกลัวนั้นหมายถึงอะไร (รม.8:15) และเริ่มเข้าใจถึงเสรีภาพอย่างมีศักดิ์ศรี (ข้อ 21) สิ่งนี้จะเป็นไปได้เมื่อเรารู้ว่าเราอยู่ในความรักที่ลึกซึ้ง แท้จริงและไม่มีข้อแม้ เรามีเสรีภาพที่จะพูด วางใจ และรู้สึกได้อีกครั้ง เพื่อจะเรียนรู้ถึงความหมายของการมีชีวิตโดยปราศจากความกลัว

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา