ถูกทอดทิ้งเพื่อเรา
การมีเพื่อนอยู่ใกล้ทำให้เราทนความเจ็บปวดได้มากขึ้นใช่หรือไม่ นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเวอร์จีเนียได้ทำการศึกษาเพื่อตอบคำถามนี้ เขาอยากรู้ว่าสมองมีปฏิกิริยาอย่างไรและแตกต่างกันหรือไม่ เมื่อบุคคลเผชิญกับความเจ็บโดยลำพัง แล้วจับมือคนแปลกหน้าหรือจับมือเพื่อนสนิทไว้
ผู้เลี้ยงตลอดชีวิต
เมื่อลูกชายของฉันขึ้นชั้นเรียนใหม่ เขาโอดครวญว่า “ผมอยากได้ครูคนเดิมไปตลอดชีวิต” เราต้องช่วยให้เขาเข้าใจว่าการเปลี่ยนครูเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เราอาจสงสัยว่า มีความสัมพันธ์ใดที่จะดำรงไปตลอดชีวิต
ยาโคบผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวได้พบความสัมพันธ์นั้นแล้ว หลังจากใช้ชีวิตผ่านความเปลี่ยนแปลงหลายครั้งและการสูญเสียผู้เป็นที่รัก เขาตระหนักว่ายังมีผู้หนึ่งที่อยู่กับเขาเสมอ เขาอธิษฐานว่า “ขอพระเจ้า...ผู้ทรงบำรุงเลี้ยงชีวิตข้าพเจ้าตั้งแต่เกิดมาจนวันนี้...โปรดอวยพรแก่เด็กทั้งสองนี้” (ปฐมกาล 48:15-16)
ยาโคบเป็นคนเลี้ยงแกะ เขาจึงเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพระเจ้าเป็นดั่งผู้เลี้ยงกับแกะ นับตั้งแต่แกะเกิด เติบโต จนแก่ ผู้เลี้ยงจะดูแลมันทั้งกลางวันและกลางคืน เขานำทางมันในเวลากลางวันและคอยปกป้องมันในเวลากลางคืน ดาวิดก็เป็นคนเลี้ยงแกะ และมีความมั่นใจเช่นเดียวกัน แต่เขาย้ำความมั่นใจนี้ในมุมมองนิรันดร์กาลว่า “ข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์” (สดุดี 23:6)
การเปลี่ยนครูเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ถือเป็นข่าวดีที่ได้รู้ว่าเรามีความสัมพันธ์ที่คงอยู่ไปตลอดทั้งชีวิต องค์พระผู้เลี้ยงทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเราตลอดเวลาที่เราอยู่บนโลกนี้ (มัทธิว 28:20) และเมื่อชีวิตที่นี่สิ้นสุดลง เราจะได้ใกล้ชิดพระองค์มากกว่าเดิม
คงอยู่ตลอดไป
เพื่อนของฉันที่เพิ่งผ่านปัญหาหลายอย่างเขียนว่า “เมื่อฉันคิดถึงชีวิตนักศึกษาในสี่เทอมที่ผ่านมา หลายสิ่งเปลี่ยนแปลง มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป”
จัดการภาพลักษณ์
รัฐสภาอังกฤษฉลองวันเกิดครบรอบอายุ 80 ปีของวินสตัน เชอร์ชิลโดยเชิญศิลปิน เกรแฮม ซัตเธอแลนด์มาวาดภาพเหมือนของรัฐบุรุษผู้นี้ เชอร์ชิลถามศิลปินว่า “คุณจะวาดผมออกมายังไง? เป็นทูตสวรรค์ หรือหมาบูลด็อก” เชอร์ชิลชอบภาพที่ผู้คนมักเปรียบเทียบตัวเขาทั้งสองแบบ แต่ซัตเธอแลนด์ตอบว่าเขาจะวาดตามสิ่งที่เขาเห็น
เชอร์ชิลไม่ชอบผลงานชิ้นนี้ ซัตเธอแลนด์วาดภาพเชอร์ชิลในอิริยาบถที่นั่งทรุดตัวอยู่บนเก้าอี้ หน้าตาบึ้งตึงอย่างที่ทุกคนชินตา ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่ยกยอปอปั้น หลังจากเปิดเผยภาพออกสู่สาธารณชน เชอร์ชิลซ่อนภาพนั้นไว้ในห้องใต้ดิน และทำลายรูปนั้นอย่างลับๆ ในภายหลัง
เราเองก็อยากมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาคนอื่นไม่ต่างกับเชอร์ชิล ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ ความงาม ความเข้มแข็ง หรือการเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า เราทุ่มเทเพื่อปกปิดมุมที่ ‘น่าเกลียด’ ของตัวเอง บางทีในใจลึกๆ เรากลัวจะไม่เป็นที่รักถ้าตัวจริงของเราถูกเปิดเผยออกมา
เมื่ออิสราเอลถูกบาบิโลนจับไปเป็นเชลย พวกเขาตกต่ำถึงที่สุด เพราะทำบาป พระเจ้าจึงอนุญาตให้ศัตรูได้ชัยชนะ แต่ทรงบอกคนอิสราเอลว่าอย่ากลัว เพราะทรงรู้จักชื่อของเขาและจะทรงอยู่ด้วยในทุกๆ การทดลอง (อสย.43:1-2) พวกเขาปลอดภัยอยู่ในพระหัตถ์ (อสย.43:13) และ ‘มีค่า’ สำหรับพระองค์ (อสย.43:4) ไม่ว่าจะทำตัวน่าเกลียดแค่ไหน พระเจ้าก็ยังทรงรักเขา
เราจะแสวงหาการยอมรับจากมนุษย์น้อยลง เมื่อเข้าใจความจริงนี้ พระเจ้ารู้จักตัวตนของเราและยังทรงรักเราอย่างลึกซึ้งเกินจะหยั่งได้ (อฟ.3:18)
หยาดฝนชื่นใจ
ฉันต้องการหยุดพักจึงออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ขณะที่เดินอยู่ก็สะดุดตากับต้นอ่อนสีเขียวเล็กๆ ที่งอกขึ้นมาจากดินโคลน ซึ่งในอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเติบโตเป็นดอกแดฟโฟดีลที่สวยงาม บ่งบอกว่าความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิกำลังมา ฤดูหนาวผ่านพ้นไปอีกปีหนึ่งแล้ว
ขณะที่อ่านพระธรรมโฮเชยา เราอาจรู้สึกเหมือนกับฤดูหนาวยาวนานไม่สิ้นสุด เพราะพระเจ้าทรงมอบหมายหน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงให้โฮเชยา คือการแต่งงานกับหญิงเจ้าชู้ ซึ่งเป็นภาพที่สื่อให้เห็นถึงความรักที่พระผู้สร้างมีต่อคนอิสราเอล (ฮชย.1:2-3) โกเมอร์ภรรยาของโฮเชยาผิดคำมั่นสัญญาของการแต่งงาน แต่โฮเชยาก็ยังต้อนรับนางกลับมา และปรารถนาให้นางรักและทุ่มเทต่อท่านเพียงผู้เดียว (ฮชย.3:1-3)เช่นกัน พระเจ้าก็ปรารถนาให้เรารักพระองค์ด้วยกำลัง และความมุ่งมั่นที่ไม่จางหายไปเหมือนหมอกยามเช้า
แล้วเราจะมีปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างไร เราแสวงหาพระองค์เฉพาะในเวลาที่เจอเรื่องทุกข์ใจหรือ หรือแสวงหาคำตอบในเวลาที่เราโศกเศร้า แต่พอถึงช่วงเวลาแห่งความสุขกลับเมินเฉยต่อพระองค์ เราเหมือนคนอิสราเอลหรือไม่ ที่ใจโลเลไปหารูปเคารพในยุคนี้ ซึ่งรวมไปถึงภารกิจยุ่งเหยิง ความสำเร็จ และการมีอิทธิพลเหนือผู้อื่น
ขอให้เราถวายตัวอีกครั้งกับพระเจ้า ผู้ทรงรักเราอย่างแน่แท้เหมือนดอกไม้ที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ
อ้อมแขนที่เปิดกว้าง
วันที่ฉันกับแดน สามีของฉันเริ่มดูแลพ่อแม่วัยชราของเรา เราคล้องแขนกันและรู้สึกราวกับว่ากำลังจะกระโดดหน้าผา เราไม่รู้เลยว่าระหว่างที่เราดูแลพ่อแม่ งานที่ยากที่สุดซึ่งเราเผชิญคือการยอมให้พระเจ้าทรงค้นดูและหล่อหลอมหัวใจของเรา และยอมให้พระองค์ใช้เวลาพิเศษนี้สร้างเราขึ้นใหม่ให้เป็นเหมือนพระองค์
ในวันที่ฉันรู้สึกว่ากำลังหมดแรง และเกินความควบคุมของฉัน พระเจ้าเปิดเผยให้เห็นแผนการ ข้อจำกัด ความกลัว เย่อหยิ่งและเห็นแก่ตัวของฉัน ทรงใช้จุดที่ฉันแตกสลายเพื่อทรงสำแดงความรักและการให้อภัยต่อฉัน
ศิษยาภิบาลบอกฉันว่า “วันที่ดีที่สุดคือวันที่คุณเห็นว่าตัวเองเป็นใคร คือคนที่สิ้นหวังหากไม่มีพระคริสต์ แล้วเห็นตัวเองอย่างที่พระองค์เห็นคุณ คือคนที่ครบบริบูรณ์เมื่ออยู่ในพระองค์” นี่คือพระพรของการเป็นผู้ดูแลพ่อแม่ เมื่อได้เห็นแล้วว่าทรงสร้างให้ฉันเป็นใคร ฉันหันกลับร้องไห้และวิ่งไปสู่อ้อมแขนของพระองค์ ฉันร้องทูลร่วมกับผู้เขียนสดุดีว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงค้นดูข้าพระองค์และทรงทราบจิตใจของข้าพระองค์” (สดด.139:23)
ฉันขออธิษฐานเผื่อ ในยามที่คุณเผชิญวิกฤติ ให้คุณหันกลับและวิ่งมาสู่อ้อมแขนแห่งความรักและการให้อภัยของพระเจ้า
ความรักที่สมบูรณ์
เธอเสียงสั่นเมื่อเล่าว่าเธอมีปัญหากับลูกสาว เธอกังวลเรื่องเพื่อนๆของลูก ที่ดูน่าสงสัย แม่ผู้ห่วงใยจึงริบโทรศัพท์มือถือและตามไปคุมลูกสาวทุกที่ ทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ลูกแย่ลงเรื่อยๆ
ด้วยรักกับรองเท้าคู่เก่า
บางครั้งผมกับภรรยาพูดต่อประโยคที่อีกฝ่ายกำลังจะพูดได้ กว่าสามสิบปีของชีวิตแต่งงาน เราคุ้นเคยกับวิธีที่อีกฝ่ายคิดและพูดมากขึ้นเรื่อยๆ เราอาจไม่ต้องพูดจนจบประโยค แค่คำคำเดียวหรือการชำเลืองมองก็เพียงพอที่จะสื่อความคิดได้
การที่เราเป็นแบบนี้ทำให้เราสบายใจเหมือนรองเท้าคู่เก่าที่คุณใส่อยู่เรื่อยๆ เพราะสวมสบายพอดี บางครั้งเราถึงกับเรียกกันและกันด้วยความรักว่า “รองเท้าเก่าของฉัน” ซึ่งเป็นคำชื่นชมที่อาจเข้าใจยาก หากคุณไม่รู้จักเราดี ตลอดหลายปีความสัมพันธ์ของเราได้พัฒนาภาษาเฉพาะตัวขึ้น ทั้งยังมีการแสดงออกที่เป็นผลของความรักและความไว้ใจตลอดหลายสิบปี
เรารู้สึกอุ่นใจที่ได้รู้ว่าพระเจ้าทรงรักเราด้วยความสนิทสนมอันลึกซึ้ง ดาวิดเขียนว่า “ข้าแต่พระเจ้า แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว” (สดด.139:4) ลองนึกภาพว่าคุณได้สนทนากับพระเยซูเงียบๆ และคุณกำลังพูดจากส่วนลึกที่สุดในใจให้พระองค์ฟัง เมื่อใดที่คุณพูดไม่ออก พระองค์ก็ทรงยิ้มกับคุณด้วยความเข้าใจและทรงตอบสนองอย่างถูกต้อง แม้คุณไม่ได้พูดออกมา ช่างดีจริงที่ได้รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเลือกสรรคำเหมาะๆ จึงจะพูดกับพระเจ้าได้ พระองค์ทรงรักเราและรู้จักเราดีพอที่จะเข้าใจ
ความรักที่ถูกเปิดเผย
เมื่อจู่ๆ มีป้าย “ฉันรักเธอ” สีชมพูเต็มเมืองเวลล์แลนด์ในแคนาดา แมรีแอนน์ เฟิร์ธ นักข่าวท้องถิ่นตัดสินใจสืบหาต้นตอ แต่ก็ไม่พบอะไร หลังจากนั้นมีป้ายใหม่ๆ ออกมาพร้อมชื่อสวนสาธารณะและวันเวลา