Tag  |  การนมัสการ

เรียนนับ

ลูกชายฉันกำลังเรียนนับหนึ่งถึงสิบ เขานับทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นไปถึงต้นไม้ เขานับสิ่งที่ฉันมักจะมองข้าม เช่น ดอกไม้ตามทางไปโรงเรียนหรือนิ้วเท้าของฉัน

ลูกยังสอนให้ฉันกลับมานับอีกครั้ง บ่อยครั้งที่ฉันหมกมุ่นอยู่กับสิ่งต่างๆ ที่ยังทำไม่เสร็จหรือสิ่งที่ฉันไม่มี จนฉันพลาดโอกาสที่จะมองเห็นสิ่งดีรอบตัว ฉันลืมนับเพื่อนใหม่ในปีนี้ และคำอธิษฐานที่ได้รับคำตอบ ลืมนับน้ำตาแห่งความสุขและช่วงเวลาแห่งเสียงหัวเราะกับเพื่อนดีๆ

สิบนิ้วของฉันไม่พอนับพระพรทั้งหมดที่พระเจ้าประทานให้ทุกวัน “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ได้ทรงทวีพระราชกิจอันอัศจรรย์ของพระองค์และพระดำริของพระองค์แก่ข้าพระองค์ ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมพระองค์ ถ้าข้าพระองค์จะประกาศและบอกกล่าวแล้วก็มีมากมายเหลือที่จะนับ พระเจ้าของข้าพระองค์” (สดุดี 40:5) ยิ่งไปกว่านั้น ทำอย่างไรเราจึงจะเริ่มนับพระพรทั้งสิ้นเรื่องความรอด การคืนดีและชีวิตนิรันดร์ได้

ให้เราร่วมกับดาวิดในการสรรเสริญพระเจ้าสำหรับพระดำริอันประเสริฐที่ทรงมีต่อเราและทุกสิ่งที่ทรงทำเพื่อเรา เมื่อท่านกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระดำริของพระองค์ประเสริฐแก่ข้าพระองค์จริงๆ รวมกันเข้าก็ไพศาลนักหนา ถ้าข้าพระองค์จะนับก็มากกว่าเม็ดทราย“ (สดุดี 139:17-18)

ให้เราเรียนนับอีกครั้ง

ประตูแห่งการนมัสการ

เมื่อคุณไปตามเมืองสำคัญๆ ของโลก คุณจะได้เห็นประตูที่มีชื่อเสียงเช่น ประตูบรันเดนบูร์ก (เบอร์ลิน) ประตูยัฟฟา (เยรูซาเล็ม) และประตูที่ถนนดาวนิ่ง (ลอนดอน) ไม่ว่าประตูจะถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันหรือใช้ในพิธีการ ต่างก็สื่อถึงความแตกต่างระหว่างการอยู่ด้านนอกกับการอยู่ด้านใน ประตูเหล่านั้น บ้างก็เปิดให้ทุกคนเข้าได้ บ้างก็เปิดให้เฉพาะบางคน

ฮู-อา!

กองทัพสหรัฐฯใช้การคำรามว่า “ฮู-อา” เมื่อกองทหารแสดงความเห็นชอบ ไม่มีใครทราบความหมายดั้งเดิม แต่บางคนบอกว่ามาจาก อักษรย่อเก่าแก่ HUA = คือ ได้ยิน (Heard) เข้าใจ (Understood) และ รับรู้ (Acknowledged) ผมได้ยินคำนี้ครั้งแรก ในการฝึกขั้นพื้นฐาน

น้ำตาและเสียงหัวเราะ

ในค่ายรีทรีตปีที่แล้ว ฉันได้พบกับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานาน เราหัวเราะด้วยกัน แต่ก็ร้องไห้ด้วย เพราะที่ผ่านมาฉันคิดถึงพวกเขามากเหลือเกิน

ในวันสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน เราฉลองพระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู ซึ่งมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา ฉันยินดีในพระคุณของพระเจ้าผู้ประทานชีวิตนิรันดร์และวันแห่งความสุขกับเพื่อนๆ ให้ และฉันร้องไห้เมื่อคิดถึงสิ่งที่พระเยซูต้องเสียสละเพื่อไถ่ฉันจากความบาป

ฉันคิดถึงเอสราและวันแห่งความชื่นชมยินดีในกรุงเยรูซาเล็ม ผู้พลัดถิ่นได้กลับจากการเป็นเชลยและวางรากฐานของพระนิเวศแห่งพระเจ้าสำเร็จ ผู้คนร้องเพลงด้วยความยินดี แต่ปุโรหิตแก่เฒ่าบางคนร้องไห้ (อสร.3:10-12) พวกเขาอาจยังจำพระวิหารของซาโลมอนและความรุ่งเรืองในสมัยก่อนได้ หรือพวกเขาอาจกำลังเศร้าโศกกับความบาปที่เป็นเหตุให้ถูกจับไปเป็นเชลย

บางครั้งเมื่อเราเห็นพระเจ้ากระทำกิจ เราอาจมีความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้า และเศร้าเสียใจเมื่อคิดถึงความบาปที่ทำให้พระเยซูต้องสิ้นพระชนม์เพื่อเรา

คนอิสราเอลร้องเพลงและร้องไห้ เสียงนั้นได้ยินไปไกล (อสร.3:13) ขอให้อารมณ์ของเราเป็นการแสดงความรักและนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า และสัมผัสใจคนรอบข้างเรา

ความงามของโรม

ฉากหลังของการประสูติของพระเยซูคือจักรวรรดิโรมันอันรุ่งเรือง ในปี 27 ก่อนคริสตกาล ซีซาร์ออกัสตัส จักรพรรดิองค์แรกได้ยุติสงครามกลางเมืองที่ยาวนานมากว่า 200 ปีและเริ่มเปลี่ยนสถานที่ทรุดโทรมรอบเมืองให้เป็นอนุสาวรีย์ วิหาร สนามกีฬาและสถานที่ราชการ พลินิผู้อาวุโส นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันเรียกว่า “สิ่งก่อสร้างที่งดงามที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยประจักษ์”

กิ่งก่าคลาน

เมื่อเราคิดถึงกิ้งก่า เรามักจะนึกถึงความสามารถในการเปลี่ยนสีให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม แต่สัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้ยังมีลักษณะที่น่าสนใจอื่นอีก หลายครั้งที่ผมเฝ้าดูกิ้งก่าคลานไปบนทางเท้า แล้วสงสัยว่ามันจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างไร มันยื่นขาข้างหนึ่งออกไปอย่างลังเล แล้วเหมือนจะเปลี่ยนใจ ลองใหม่อีกครั้ง แล้วค่อยๆ วางเท้าลงอย่างไม่มั่นใจราวกลับกลัวพื้นจะถล่ม ผมจึงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินคนพูดว่า “สมาชิกคริสตจักรอย่าทำตัวเป็นกิ้งก่าที่พูดว่า ‘วันนี้ไปโบสถ์กัน ไม่ดีกว่า ไว้ค่อยไปอาทิตย์หน้า ไม่ละ รออีกสักพักดีกว่า!’ ”

เด็กน้อยนักตีกลอง

เพลงคริสต์มาสที่ชื่อว่า “เด็กน้อยนักตีกลอง” (The Little Drummer Boy) เขียนขึ้นในปี 1941 และเป็นที่รู้จักกันดี เดิมเพลงนี้ใช้ชื่อว่า“บทเพลงแห่งเสียงกลอง” (Carol of the Drum) มีที่มาจากเพลงพื้นเมืองของสาธารณรัฐเช็ก แม้ไม่มีการพูดถึงเด็กน้อยนักตีกลองในเรื่องราวคริสต์มาสที่บันทึกในพระธรรมมัทธิว 1-2 และลูกา 2 แต่ประเด็นของเพลงนี้สื่อให้เห็นความหมายสำคัญของการนมัสการ เนื้อเพลงบรรยายถึงเด็กชายคนหนึ่งที่นักปราชญ์เรียกให้มายังสถานที่ที่พระเยซูคริสต์ประสูติ แต่เด็กชายที่เป็นนักตีกลองนี้ไม่มีของขวัญอะไรเหมือนนักปราชญ์ เขาจึงให้ในสิ่งที่เขามี คือเขาตีกลอง และบอกว่า “ผมตีกลองให้ดีที่สุดเพื่อพระองค์”

จงสรรเสริญพระเจ้า

หลังจาก อาซาโมห์ เกียน จากกานาทำประตูนำทีมเยอรมันในการแข่งขันฟุตบอลเวิล์ดคัพปี 2014 เขาและเพื่อนร่วมทีมเต้นด้วยจังหวะพร้อมเพรียงกัน เมื่อมิโรซลาฟ โคลเซอจากเยอรมันทำประตูได้ในไม่กี่นาทีต่อมา เขาวิ่งแล้วตีลังกาหน้า "การแสดงความดีใจของนักฟุตบอลน่าสนใจมาก เพราะเผยให้เห็นบุคลิกภาพ ค่านิยม และความปรารถนาของพวกเขา" คลินท์ มาทิส ผู้ทำประตูให้ทีมอเมริกาในเวิลด์คัพปี 2002 กล่าว

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา