Month: พฤษภาคม 2024

วันที่ 9 - พระคุณสำหรับวันนี้ | รับกำลังใหม่

รับกำลังใหม่

จิตแพทย์โรเบิร์ต โคลส์ สังเกตเห็นรูปแบบของผู้ที่หมดไฟในการรับใช้ สัญญาณเตือนแรกคือมีความอ่อนล้า ต่อมาคือสงสัยว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลย แล้วก็เริ่มขมขื่น ท้อแท้ มีอาการซึมเศร้า และในที่สุดก็หมดไฟ

หลังจากเขียนหนังสือที่เกี่ยวกับการเยียวยาจากความฝันที่แตกสลาย ผมยุ่งกับการไปบรรยายในที่ต่างๆ การช่วยคนให้มีความหวังหลังจากผิดหวังเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่ก็ต้องแลกมาด้วยบางสิ่ง วันหนึ่งผมรู้สึกหน้ามืดขณะที่กำลังเดินขึ้นเวที ผมนอนไม่พอและการไปพักร้อนก็ไม่ทำให้หายล้า แต่คิดว่าต้องฟังปัญหาของคนอื่นอีก ก็ทำให้ผมรู้สึกแย่มาก ผมกำลังเป็นแบบที่โคลส์พูดไว้

พระคัมภีร์บอกวิธีเอาชนะการหมดไฟไว้สองประการ อิสยาห์ 40 บอกว่า พระองค์ประทานกำลังแก่ผู้เหน็ดเหนื่อยเมื่อเขาหวังใจในพระองค์ (ข้อ 29-31) ผมต้องพักในพระเจ้า วางใจให้พระองค์กระทำกิจแทนที่จะฝืนต่อไปด้วยกำลังของตัวเองที่เหลือน้อยลงทุกที และสดุดี 103 บอกว่าพระเจ้าทรงทำให้เราอิ่มด้วยของดี (ข้อ 5) รวมถึงการยกโทษและการทรงไถ่ (ข้อ 3-4) ความยินดีและการเล่นสนุกมาจากพระองค์เช่นกัน เมื่อผมจัดตารางเวลาใหม่ โดยเพิ่มเวลาในการอธิษฐาน พักผ่อน และทำงานอดิเรกอย่างเช่นการถ่ายภาพ ผมจึงกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง

การหมดไฟเริ่มจากความอ่อนล้า ให้เราหยุดก่อนที่จะเป็นมากกว่านั้น เราจะรับใช้ผู้อื่นได้ดีที่สุดเมื่อชีวิตเรามีทั้งการนมัสการและการพักผ่อน

เขียนโดย เชอริดัน วอยซี

คิดใคร่ครวญ :
ในเวลานี้ คุณมีภาระอะไรที่จะมอบคืนพระเจ้าบ้าง คุณได้รับกำลังใหม่โดยการอธิษฐาน อ่านพระคำ และการเล่นที่ดีอย่างไรบ้าง

อธิษฐาน :
ข้าแต่พระเจ้าที่รัก วันนี้ข้าพระองค์อยากมีกำลังขึ้นดุจนกอินทรี ข้าพระองค์วางใจให้พระองค์ทรงทำการในความเหน็ดเหนื่อยที่ข้าพระองค์มี และขอรับการเติมเต็มฝ่ายวิญญาณจากพระองค์ด้วยใจยินดี

วันที่ 8 - พระคุณสำหรับวันนี้ | ด้วยปีกนกอินทรี

ด้วยปีกนกอินทรี

โทนี่และแชรอนนิ่งอึ้งด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าอาการป่วยต่อเนื่องของโทนี่มีผลต่อสมองและระบบประสาท ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่การเสียชีวิต หลังการวินิจฉัย แชรอนถามโทนี่ว่าเขากำลังคิดอะไร เขาตอบว่า “นกอินทรี” เธอพยักหน้ารับทราบ

ตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตแต่งงาน พวกเขาให้คำมั่นว่าจะวางใจพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลายากลำบาก เพื่อจะสามารถ “บินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี” (อิสยาห์ 40:31) พวกเขาได้เรียนรู้ว่านกอินทรีใช้ลมและกระแสอากาศที่พัดมาจากเนินเขาและภูเขาเพื่อช่วยยกพวกมันให้บินได้สูงขึ้นในขณะที่ทะยานขึ้นไป และในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับโรคร้ายที่ทำให้อ่อนกำลัง แชรอนกล่าวว่า “โทนี่และฉันเลือกที่จะบินขึ้นสูงเหนือพายุ” ในแต่ละวันพวกเขาพึ่งพากำลังจากพระเจ้าเพื่อยกพวกเขาขึ้นเหนือความรู้สึกสิ้นหวัง

ในขณะที่อิสยาห์เปิดเผยถ้อยคำจากพระเจ้า ชาวอิสราเอลก็กำลังหมดหวังเช่นเดียวกัน เพราะเขาอาศัยอยู่ห่างไกลจากบ้านในดินแดนแห่งพันธสัญญา พระเจ้าทรงเตือนว่าพระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย (ข้อ 28) และพระองค์ทรงเพิ่มแรงแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง (ข้อ 29) พวกเขาเพียงมุ่งมองไปที่พระองค์เท่านั้น

โทนี่เสียชีวิตหลังการวินิจฉัยโรค 8 ปี แต่เขาและแชรอนไม่เคยรู้สึกว่าพระเจ้าทอดทิ้ง เพราะพวกเขาพึ่งพาพระองค์วันต่อวัน เมื่อเราต้องเผชิญกับความท้าทายทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ หรือจิตวิญญาณ ขอให้เรามุ่งมองที่พระเจ้าเพื่อขอกำลังในการบินขึ้นสูงด้วยปีกเหมือนนกอินทรีเช่นกัน

เขียนโดย เอมี่ บูเช พาย

คิดใคร่ครวญ :
อะไรที่จะช่วยคุณได้เมื่อเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต? คุณจะสามารถรับการเสริมเรี่ยวแรงจากพระเจ้าได้อย่างไร?

อธิษฐาน :
องค์พระเยซู เมื่อข้าพระองค์รู้สึกกังวลและกลัว ขอทรงโปรดเติมความหวังและกำลังเมื่อข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์

วันที่ 7 - พระคุณสำหรับวันนี้ | ขอพระคุณและสันติสุขเป็นของท่าน

ขอพระคุณและสันติสุขเป็นของท่าน

ปี 2020 เป็นปีที่ท้าทายอย่างแท้จริง โคโรนาไวรัสระบาดทั่วโลก ปัญหาทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นทุกแห่ง ความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติคุกรุ่น เป็นเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในระดับโลกอย่างที่คาดไม่ถึงมาก่อน ซึ่งก่อให้เกิดความกลัวและความวิตกกังวลไปทั่ว

ไม่ว่าคุณจะได้รับข่าวทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เว็บไซต์ หรือจากการสนทนากับเพื่อนบ้าน คุณจะพบว่าแทบไม่มีข่าวดีเลย เกือบทุกคืนที่ภรรยาและผมดูรายการถ่ายทอดข่าวต่างประเทศด้วยกัน แม้ว่าผู้ประกาศข่าวจะพยายามจบการรายงานข่าวด้วยเรื่องราวที่ให้ความหวัง แต่เรื่องดีเหล่านั้นไม่สามารถทดแทนความรู้สึกถึงการที่สิ่งต่างๆ กำลังพังทลายลงได้
สำหรับเปโตรผู้คุ้นเคยกับความยากลำบาก ในขณะที่เขียนจดหมายฉบับแรก เป็นเวลาเลวร้ายมากสำหรับผู้เชื่อในพระคริสต์ที่ต้องหลบหนีการตามทำร้ายและสังหารจากเนโร แต่กระนั้น จดหมายของเขายังเต็มไปด้วยความหวังสำหรับผู้ที่ต้องการพักเหนื่อยจากข่าวร้าย โดยที่คำเริ่มต้นจดหมายนั้นช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความทุกข์ทรมานที่ผู้เชื่อเผชิญอยู่ “ขอพระคุณและสันติสุขจงบังเกิดทวีคูณแก่ท่านทั้งหลายด้วยเถิด” (1 เปโตร 1:2)

ในช่วงเวลาที่ดี การทักทายด้วยถ้อยคำเช่นนี้ไม่เป็นสิ่งที่ยาก แต่ในเวลาแห่งความกลัวและวิตกกังวล เปโตรหนุนใจให้ผู้อ่านจดหมายในขณะนั้นและรวมถึงเราด้วย ที่จะระลึกถึงพระคุณและสันติสุขในพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นของขวัญอันดีเลิศจากพระเจ้า เป็น “มรดกอันล้ำค่า” “ซึ่งไม่รู้เปื่อยเน่า” (ข้อ 4) เป็นความหวังที่มีชัยเหนือข่าวร้ายของวันนี้ และเตือนให้เรามุ่งมองที่พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งเติมเต็มเราด้วย “ความปีติยินดีเป็นล้นพ้นเหลือที่จะกล่าวได้” (ข้อ 8) เมื่อเรามอบแต่ละวันของเราไว้กับพระเจ้า

เขียนโดย อดัม อาร์ ฮอล์ซ

คิดใคร่ครวญ :
คุณคิดว่าการใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าช่วยให้คุณยืนหยัดผ่านเวลาแห่งความกลัวและความวิตกกังวลได้อย่างไร? ข้อพระคำตอนใดที่คุณต้องการท่องจำไว้เพื่อใช้ในเวลาที่ยากลำบาก?

อธิษฐาน :
พระบิดา เมื่อข้าพระองค์เผชิญกับฤดูกาลที่ยากลำบากในชีวิต โปรดช่วยให้ข้าพระองค์เชื่อว่า พระองค์จะทรงยึดมั่นจิตใจข้าพระองค์ไว้ในความหวัง และเชื่อว่าพระองค์อยู่เหนือความกังวลและความกลัวที่ล้อมรอบข้าพระองค์อยู่…

วันที่ 6 - พระคุณสำหรับวันนี้ | พระเจ้ารู้ว่าเรารู้สึก

พระเจ้ารู้ว่าเรารู้สึก

เซียร์ร่าท่วมท้นไปด้วยความทุกข์ใจที่ลูกชายต้องต่อสู้กับการติดยาเสพติด “ฉันรู้สึกแย่” เธอบอก “เวลาอธิษฐานฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้เลยพระเจ้าจะคิดว่าฉันไม่มีความเชื่อไหม”

“ฉันไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงคิดอย่างไร” ฉันตอบ “แต่ฉันรู้ว่าพระองค์รับมือกับอารมณ์ที่แท้จริงได้ พระองค์รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร” ฉันอธิษฐานและหลั่งน้ำตากับเซียร์ร่าเมื่อเราวิงวอนขอการปลดปล่อยให้แก่ลูกชายของเธอ

พระคัมภีร์มีตัวอย่างมากมายของคนที่ปล้ำสู้กับพระเจ้าในยามที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ ผู้เขียนสดุดี 42 แสดงถึงความปรารถนาที่จะได้สัมผัสกับสันติสุขแห่งการทรงสถิตด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า ท่านรับรู้ถึงน้ำตาและความกดดันจากความทุกข์ใจที่มีความว้าวุ่นภายในคลี่คลายลงด้วยเสียงสรรเสริญด้วยความวางใจ เมื่อท่านเตือนตนเองถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า ท่านให้กำลัง “จิตวิญญาณ” ของตนว่า “จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะถวายสดุดีแด่พระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์และพระเจ้าของข้าพเจ้า” (ข้อ 11) ท่านต่อสู้ระหว่างความจริงที่ท่านรู้เกี่ยวกับพระเจ้า และอารมณ์อันท่วมท้นที่ไม่อาจปฏิเสธได้

พระเจ้าทรงสร้างเราตามพระฉายาของพระองค์ให้มีความรู้สึก หยดน้ำตาที่ไหลเพื่อผู้อื่นแสดงถึงความรักและความเมตตา ไม่ใช่การขาดความเชื่อ เราเข้าหาพระเจ้าได้ทั้งที่แผลยังใหม่อยู่หรือกลายเป็นแผลเป็นไปแล้ว เพราะพระองค์รู้ว่าเรารู้สึกเช่นไร คำอธิษฐาน ความเงียบ ไม่ว่าจะไร้เสียง มีเสียงสะอื้น หรือด้วยเสียงตะโกนอย่างมั่นใจ ล้วนแสดงว่าเราเชื่อวางใจในพระสัญญาว่าพระองค์จะทรงฟังและดูแลเรา

เขียนโดย โซชิลท์ ดิกซัน

คิดใคร่ครวญ :
คุณพยายามซ่อนความรู้สึกอะไรไว้จากพระเจ้า เหตุใดจึงเป็นเรื่องยากที่จะเปิดเผยความรู้สึกอัดอั้นหรือทุกข์ใจกับพระเจ้า

อธิษฐาน :
พระบิดาผู้ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง ขอบพระคุณที่ทรงยืนยันว่าพระองค์ทรงรู้ว่าข้าพระองค์มีความรู้สึกและจำเป็นต้องจัดการกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอนี้

วันที่ 5 - พระคุณสำหรับวันนี้ | ยามมืดมนกับคำอธิษฐานจากใจ

ยามมืดมนกับคำอธิษฐานจากใจ

เมื่อพบความยากลำบากของการปรับตัวเข้ากับความปกติใหม่ สตรีที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่งถึงกับกล่าวออกมาว่า “ฉันอยู่ในมุมมืด” ซึ่งห้าคำนี้บ่งบอกถึงความเจ็บปวดสาหัสที่อยู่ภายในของเธอ และท่ามกลางความท้าทายนั้น เธอยอมรับว่าเธอต้องต่อสู้กับความสิ้นหวังและหมดกำลังใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยดึงเธอออกจากความรู้สึกดำดิ่ง คือการแบ่งปันความทุกข์กับเพื่อนที่ห่วงใย

เราทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่อ่อนแอ ซึ่งอาจกินเวลายาวนานเป็นชั่วโมง วัน หรือหลายเดือน การต่อสู้ในช่วงเวลาเหล่านี้เปรียบเหมือนการเดินผ่านหุบเขาและทางทุรกันดารซึ่งไม่ใช่สิ่งแปลก แต่การจะผ่านไปได้ด้วยดีเป็นเรื่องที่ท้าทาย และการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตอาจเป็นสิ่งที่จำเป็น

เราได้เรียนรู้ผ่านคำอธิษฐานของดาวิดในสดุดี 143 ซึ่งเป็นช่วงมืดมนในชีวิตของเขา เราไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่เขาเผชิญอย่างแน่ชัด แต่คำอธิษฐานของเขาสอนเราให้ อธิษฐานอย่างตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยความหวัง “เพราะศัตรูไล่กวดข้าพระองค์ มันขยี้ชีวิตข้าพระองค์ลงถึงดิน มันได้กระทำให้ข้าพระองค์นั่งในที่มืด เหมือนคนที่ตายนานแล้ว เพราะฉะนั้นใจของข้าพระองค์อ่อนระอาอยู่ในข้าพระองค์จิตใจภายในข้าพระองค์ก็กลัวลาน” (ข้อ 3-4) สำหรับผู้เชื่อในพระเยซู การยอมรับถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจกับตัวเอง กับเพื่อนสนิท หรือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ขอให้เราเข้าหาพระเจ้า (ทั้งความคิดและทั้งหมดของเรา) ด้วยการอธิษฐานอ้อนวอนอย่างจริงใจเช่นเดียวกับที่กล่าวไว้ในข้อ 7-10 แล้วช่วงเวลาที่มืดมนจะกลับกลายเป็นเวลาแห่งการอธิษฐานที่ลึกซึ้ง ด้วยการแสวงหาทางสว่างแห่งชีวิตที่พระเจ้าเท่านั้นที่ประทานให้ได้

เขียนโดย อาเธอร์ แจคสัน

คิดใคร่ครวญ :
ท่ามกลางเวลามืดมิดที่สุด คุณมักตอบสนองอย่างไร? เหตุใดจึงยากที่จะยอมรับปัญหาของเราอย่างตรงไปตรงมา ทั้งต่อตัวเอง ต่อคนรอบข้าง และต่อพระเจ้า?

อธิษฐาน :
พระบิดา ขอทรงฟื้นฟูข้าพระองค์และให้ความหวังในพระองค์นั้นคงอยู่ และเมื่อข้าพระองค์รู้สึกดำดิ่ง เพราะความมืดมิดคืบคลานเข้ามาในชีวิตทั้งภายในและภายนอก โปรดช่วยข้าพระองค์เข้าหาพระองค์ด้วยการอธิษฐาน

วันที่ 4 - พระคุณสำหรับวันนี้ | ความหวังที่เบ่งบาน

ความหวังที่เบ่งบาน

ในเมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อพื้นที่ที่มีหญ้าขึ้นรกได้รับการถางและทำให้สดใสด้วยดอกไม้และต้นไม้ที่สวยงาม ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็พลอยมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นไปด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ

“มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่าพื้นที่สีเขียวนั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต” ดร.ยูจิเนีย เซาท์กล่าว “และนั่นเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะกับคนที่อาศัยในย่านที่ยากจน” เซาท์เป็นอาจารย์จากคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และเป็นผู้เขียนร่วมของงานวิจัยชิ้นนี้

คนอิสราเอลและยูดาห์ที่ถูกข่มเหงได้พบความหวังใหม่ในนิมิตของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ที่พระเจ้าจะรื้อฟื้นพวกเขาขึ้นใหม่อย่างงดงาม ในท่ามกลางการลงโทษและการพิพากษาที่อิสยาห์ได้พยากรณ์ไว้ก่อนหน้านั้น พระสัญญาที่นำความหวังอันสดใสนี้ได้หยั่งรากลง “ถิ่นทุรกันดารและที่แห้งแล้งจะยินดีทะเลทรายจะเปรมปรีดิ์และผลิดอกอย่างต้นดอกฝรั่น มันจะออกดอกอุดมและเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบาน” (อิสยาห์ 35:1-2)

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรในวันนี้ เราสามารถชื่นชมยินดีในวิถีทางอันงดงามที่พระบิดาในสวรรค์ทรงรื้อฟื้นเราด้วยความหวังที่สดใหม่และการทรงสร้างของพระองค์ เมื่อเราท้อแท้ การใคร่ครวญถึงพระสิริและความงดงามของพระเจ้าจะช่วยให้เรามีกำลังขึ้น อิสยาห์หนุนใจเราว่า “จงหนุนกำ‌ลังของมือที่อ่อนและกระ‌ทำหัว‍เข่าที่อ่อนให้มั่น‍คง” (ข้อ 3)

ดอกไม้เพียงไม่กี่ดอกจะจุดประกายความหวังของเราอีกครั้งได้หรือไม่? ผู้เผยพระวจนะตอบว่า ได้ พระเจ้าผู้ทรงประทานความหวังให้กับเราก็เช่นกัน

เขียนโดย แพทริเซีย เรย์บอน

คิดใคร่ครวญ :
เมื่อรู้สึกสิ้นหวัง คุณมักจะตอบสนองอย่างไร? การใช้เวลากลางแจ้งท่ามกลางสิ่งทรงสร้างจะเปลี่ยนความสิ้นหวังของคุณให้เป็นความหวังที่สดใหม่ในพระเจ้าได้อย่างไร?

อธิษฐาน :
ข้าแต่พระเจ้าที่รัก ขอบพระคุณสำหรับสิ่งทรงสร้างที่งดงาม ซึ่งทำให้ข้าพระองค์เห็นถึงสง่าราศีของพระองค์และฟื้นความหวังของข้าพระองค์ขึ้นใหม่ในพระองค์

วันที่ 3- พระคุณสำหรับวันนี้ | เมื่อทุกสิ่งดูเหมือนสูญเสีย

เมื่อทุกสิ่งดูเหมือนสูญเสีย
เพียง 6 เดือนชีวิตของเจอรัลด์พังทลาย วิกฤติเศรษฐกิจทำลายธุรกิจและทรัพย์สิน ลูกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แม่ของเขาสะเทือนใจมากจนหัวใจล้มเหลวเสียชีวิต ภรรยาซึมเศร้า ลูกสาวสองคนเก็บตัว เขาได้แต่พูดอย่างผู้เขียนสดุดีว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?” (สดุดี 22:1)

เจอรัลด์ยังคงมีชีวิตอยู่ได้ด้วยหวังว่าวันหนึ่งพระเจ้าผู้ทรงให้พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ จะปลดปล่อยเขาและครอบครัวจากความเจ็บปวดไปสู่ชีวิตนิรันดร์ที่ชื่นชมยินดี เป็นความหวังว่าพระเจ้าจะตอบเสียงร้องทูลขอความช่วยเหลือ ดังดาวิดผู้เขียนสดุดีซึ่งแน่วแน่ที่จะวางใจพระเจ้ายามลำบาก โดยยึดมั่นในความหวังว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยและช่วยกู้ท่าน (ข้อ 4-5)

ความหวังนั้นค้ำจุนเจอรัลด์ไว้ ตลอดหลายปีเมื่อมีคนถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาตอบได้เพียงแค่ว่า “ครับ ผมกำลังไว้วางใจพระเจ้า”

พระเจ้าทรงยกย่องความวางใจของเจอรัลด์ ทรงปลอบโยน เสริมกำลังเรี่ยวแรงและความกล้าหาญแก่เขามาตลอดหลายปี ครอบครัวของเขาค่อยๆ ฟื้นจากวิกฤติ และต่อมาไม่นาน เจอรัลด์ก็ได้หลานปู่คนแรก ตอนนี้เสียงร้องไห้ของหลาน กลายเป็นคำพยานถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้า “ผมไม่ถามอีกต่อไปว่า ‘เหตุไฉนพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพระองค์’ เพราะพระเจ้าอวยพรผม”

ยามที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเหลือ ยังคงมีความหวัง

เขียนโดย เลสลี่ โคห์

คิดใคร่ครวญ :
มีสิ่งใดที่ช่วยให้คุณระลึกถึงและยึดมั่นในความหวังที่แน่นอนและมั่นคงว่าจะได้รับการปลดปล่อย การไว้วางใจพระเจ้าช่วยค้ำจุนคุณอย่างไรในช่วงยากลำบาก

อธิษฐาน :
เมื่อฉันรู้สึกถูกทอดทิ้ง ฉันยึดมั่นในความหวังที่มาจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ซึ่งวันหนึ่งจะปลดปล่อยฉันสู่ความชื่นชมยินดีนิรันดร์

วันที่ 2 - พระคุณสำหรับวันนี้ | เส้นทางแห่งการยอมจำนน

เส้นทางแห่งการยอมจำนน

เป็นวันที่ยากจริงๆ เมื่อสามีของฉันพบว่าเขากำลังจะตกงานในอีกไม่นาน แม้รู้ว่าเราไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต แต่ความไม่แน่นอนก็ยังคงน่ากลัว

ขณะเมื่อใคร่ครวญถึงอารมณ์ที่สับสนของตนเอง ฉันหวนคิดถึงบทกวีโปรด “ก้าวไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน” ซึ่งเขียนโดย ยอห์นแห่งไม้กางเขน (John of the Cross) นักปฏิรูปแห่งศตวรรษที่ 16 บทกวีได้บรรยายภาพความอัศจรรย์ของเส้นทางแห่งการยอมจำนน เพราะเมื่อก้าวข้าม “ขอบเขตแห่งความเข้าใจ” เราก็เรียนรู้ที่จะ “พบพระเจ้าในทุกสถานการณ์” และนั่นคือสิ่งที่สามีและฉันกำลังพยายามทำอยู่ โดยเปลี่ยนความสนใจจากสิ่งที่ควบคุมและเข้าใจได้ไปสู่สิ่งที่ไม่คาดฝัน น่าพิศวง และหนทางสวยงามที่เราสามารถค้นพบพระเจ้าได้ในทุกแห่ง

อัครทูตเปาโลเชื้อเชิญผู้เชื่อเข้าสู่เส้นทางที่ก้าวข้ามสิ่งที่ตาเห็นไปสู่สิ่งที่ตาไม่เห็น จากความจริงภายนอกไปสู่ความจริงภายใน จากความทุกข์ชั่วคราวไปสู่ “ศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้” (2 โครินธ์ 4:17)

มิใช่ว่าเปาโลไม่เห็นใจในความทุกข์ยากของผู้อื่น แต่ท่านรู้ว่าโดยการไม่จดจ่อยู่กับสิ่งที่เข้าใจได้ พวกเขาจะได้รับการปลอบประโลม ความชื่นชมยินดี และความหวังที่เขาต้องการอย่างยิ่ง (ข้อ 10, 15-16) แล้วเขาจะได้รู้จักกับความมหัศจรรย์ของชีวิตในพระคริสต์ที่พระองค์สร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่ได้

เขียนโดย โมนิกา ลา โรส

คิดใคร่ครวญ :
คุณได้เคยสัมผัสกับการทรงสถิตของพระเจ้าในแบบที่คุณไม่เข้าใจเมื่อใด คุณเคยสัมผัสกับพระเจ้าผู้ทรงอยู่ “เหนือขอบเขตแห่งความเข้าใจ” ในเรื่องใดของชีวิตบ้าง

อธิษฐาน :
พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรัก ในโลกนี้มีเรื่องปวดร้าวใจและความไม่แน่นอนมากมาย รวมถึงการแตกสลายในหลายสิ่งที่เราไม่อาจเข้าใจ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เรียนรู้ที่จะติดตามพระองค์ เพื่อก้าวข้ามผ่านสิ่งเหล่านี้ไปสู่ความอัศจรรย์แห่งชีวิตใหม่ที่พระองค์ประทานให้ข้าพระองค์และสิ่งต่างๆ รอบตัวข้าพระองค์

วันที่ 1- พระคุณสำหรับวันนี้ | อุ้งพระหัตถ์ที่ปลอดภัย

อุ้งพระหัตถ์ที่ปลอดภัย

ชีวิตของดั๊ก เมอร์คีย์เป็นเหมือนกับเกลียวเชือกที่กำลังขาดลงทีละเส้น “แม่ของผมพ่ายแพ้ให้กับโรคมะเร็งที่เธอต่อสู้มายาวนาน ความสัมพันธ์กับคนรักที่คบกันมานานได้พังทลายลง สถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ อาชีพการงานที่ดูไร้อนาคต… ความมืดมิดทางอารมณ์และจิตวิญญาณภายในและรอบตัวผมนั้นฝังลึก ทำให้ผมอ่อนกำลังและดูเหมือนจะก้าวผ่านมันไปไม่ได้” ดั๊กผู้เป็นศิษยาภิบาลและประติมากรได้บันทึกไว้ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้รวมเข้ากับการใช้ชีวิตในห้องใต้หลังคาที่คับแคบ ได้กลายเป็นที่มาของประติมากรรมชื่อที่หลบภัย ของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอุ้งพระหัตถ์อันแข็งแรงและมีรอยตะปูของพระคริสต์ที่โอบอุ้มเราไว้เหมือนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย

ดั๊กอธิบายถึงรูปแบบงานศิลปะของเขาว่า “ประติมากรรมชิ้นนี้คือการเชื้อเชิญของพระคริสต์ให้เราเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพระองค์”
ดาวิดเขียนสดุดี 32 ในฐานะผู้ที่ได้พบที่ปลอดภัยอันสูงสุด นั่นคือในพระเจ้า พระองค์ประทานการภัยโทษจากบาปให้กับเรา (ข้อ 1-5) และหนุนใจให้เราอธิษฐานในท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย (ข้อ 6) ในข้อ 7 ผู้เขียนสดุดีประกาศความไว้วางใจในพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นที่ซ่อนของข้าพระองค์ พระองค์ทรงสงวนข้าพระองค์ไว้จากความยากลำบาก พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์ไว้ด้วยเพลงฉลองการช่วยกู้”

เมื่อมีปัญหาคุณหันไปทางใด เป็นการดีที่ได้รู้ว่าเมื่อเชือกที่เปราะบางแห่งการดำรงอยู่บนโลกนี้ของเรากำลังจะขาดลง เราสามารถวิ่งไปหาพระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมความปลอดภัยนิรันดร์ผ่านราชกิจแห่งการยกโทษของพระเยซูได้

เขียนโดย อาเธอร์ แจคสัน

คิดใคร่ครวญ :
การได้พบที่พักพิง ที่ปลอดภัย และการอภัยในพระเยซูมีความหมายกับชีวิตที่ผ่านมาหรือชีวิตในวันข้างหน้าของคุณอย่างไร พระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นในเรื่องที่คุณห่วงใย กลัว และเป็นภาระสำหรับคุณอย่างไร

อธิษฐาน :
พระบิดา พระองค์ทรงรู้ถึงช่วงเวลาที่เราพยายามต่อชิ้นส่วนของชีวิตเข้าด้วยกันโดยไม่มีพระองค์ ขอช่วยให้เราละทิ้งแผนการความปลอดภัยที่ผิดพลาดและรีบกลับไปหาพระองค์

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา