เดือน: พฤษภาคม 2024

รักษาความเหนือกว่าฝ่ายวิญญาณ

ภาพยนตร์เรื่องร็อคกี้ เล่าถึงเรื่องของนักมวยไร้ประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจที่ไม่มีวันยอมแพ้ เขาเอาชนะพละกำลังที่เหนือกว่าอย่างไม่น่าเป็นไปได้ และกลายเป็นแชมป์รุ่นเฮฟวี่เวท ในร็อคกี้ภาค 3 ร็อคกี้ที่เวลานี้ประสบความสำเร็จแล้วและฝังใจอยู่กับผลสำเร็จของตน การให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์รบกวนเวลาของเขาในโรงยิม แชมป์เปี้ยนเริ่มอ่อนกำลังและถูกผู้ท้าชิงเอาชนะน็อก ส่วนที่เหลือในหนังคือการที่ร็อคกี้พยายามจะฟื้นคืนความเหนือกว่าของตน

ในแง่ฝ่ายวิญญาณ กษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ได้สูญเสียความเหนือกว่า ในช่วงต้นรัชสมัยพระองค์พึ่งพาในพระเจ้าเมื่อต้องเผชิญกับกำลังที่เหนือกว่าอย่างน่ากลัว เมื่อกองทัพใหญ่ของคนคูชเตรียมโจมตี อาสาอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายพึ่งพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายมาต่อสู้กับชนหมู่ใหญ่นี้ในพระนามของพระองค์” (2 พศด.14:11) พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของพระองค์ และยูดาห์เข้าสู้รบและทำให้ศัตรูแตกพ่ายไป (ข้อ 12-15)

หลายปีต่อมายูดาห์ถูกคุกคามอีกครั้ง ครั้งนี้อาสาผู้พึงพอใจไม่สนใจพระเจ้าและหันไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ของคนอารัม (16:2-3) ดูเหมือนว่าจะได้ผล แต่พระเจ้าไม่พอพระทัย ผู้เผยพระวจนะฮานานีทูลอาสาว่าเพราะพระองค์ไม่ทรงวางใจในพระเจ้าแล้ว (ข้อ 7-8)ทำไมพระองค์ไม่พึ่งพระเจ้าในตอนนี้เหมือนกับตอนนั้นเล่า

พระเจ้าของเราทรงพึ่งพาได้เสมอ “เพราะว่าพระเนตรของพระเจ้าไปมาอยู่เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น เพื่อสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์โดยเห็นแก่ผู้เหล่านั้นที่มีใจจริงต่อพระองค์” (ข้อ 9) เมื่อเรารักษาความเหนือกว่าฝ่ายวิญญาณของเรา คือพึ่งพาในพระเจ้าอย่างเต็มที่ เราจะสัมผัสได้ถึงฤทธิ์อำนาจของพระองค์

หยิบยื่นความเมตตาของพระคริสต์

ความเมตตาหรือการแก้แค้นดีล่ะ อิสยาห์เพิ่งถูกตีที่ศีรษะระหว่างการแข่งขันเบสบอลชิงแชมป์ระดับภูมิภาค เขาทรุดตัวลงกับพื้นมือกุมที่ศีรษะ รู้สึกขอบคุณที่หมวกกันน็อกป้องกันเขาจากการบาดเจ็บสาหัส เมื่อการแข่งขันดำเนินต่อไป อิสยาห์สังเกตว่าคนขว้างลูกรู้สึกว้าวุ่นอย่างเห็นได้ชัดจากความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ ในเวลานั้นอิสยาห์ได้ทำบางอย่างที่ไม่ธรรมดาจนวิดีโอที่เขาตอบสนองต่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปหาคนขว้างลูก สวมกอดอย่างปลอบโยนและแสดงให้คนขว้างลูกแน่ใจว่าเขาไม่เป็นไร

ในสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท อิสยาห์เลือกความเมตตา

ในพันธสัญญาเดิม เราเห็นว่าเอซาวทำสิ่งที่คล้ายกันแต่ยากกว่ามาก คือเลือกที่จะละทิ้งแผนการที่เก็บงำมายาวนานที่จะแก้แค้นยาโคบน้องชายฝาแฝดที่หลอกลวง เมื่อยาโคบกลับมาที่บ้านหลังจากอพยพไปยี่สิบปี เอซาวเลือกความเมตตาและการอภัยแทนการแก้แค้นที่ยาโคบทำผิดต่อเขา เมื่อเอซาวเห็นยาโคบ เขาก็ “วิ่งออกไปต้อนรับ กอด[ยาโคบ]” (ปฐก.33:4) เอซาวยอมรับคำขอโทษของยาโคบและบอกให้เขารู้ว่าตนเองไม่เป็นไร (ข้อ 9-11)

เมื่อมีคนแสดงการสำนึกผิดในความผิดที่กระทำต่อเรา เรามีทางเลือกที่จะเมตตาหรือแก้แค้น การเลือกที่จะสวมกอดพวกเขาด้วยความเมตตานั้นเป็นการทำตามแบบอย่างของพระเยซู (รม.5:8) และเป็นหนทางไปสู่การคืนดีกัน

พระเจ้าในอดีตและปัจจุบัน

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เราจากเมืองโอเรกอนซึ่งเป็นเมืองที่เราได้สร้างครอบครัวขึ้น เรามีความทรงจำมากมายที่นั่น และการไปเยือนครั้งล่าสุดทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่ผมลืมไปแล้ว นั่นคือการแข่งขันฟุตบอลหญิง บ้านเก่าของเรา การรวมตัวที่คริสตจักรและร้านอาหารเม็กซิกันของเพื่อนเรา เมืองเปลี่ยนไป แต่ยังมีผู้คนคุ้นเคยมากพอที่จะทำให้ผมอยากกลับไปเยือนอีก

เมื่อคนอิสราเอลตกเป็นเชลยในบาบิโลน พวกเขาคิดถึงความคุ้นชินในเรื่องผู้คน สถานที่หลักๆ และวัฒนธรรม พวกเขาลืมไปว่าถูกเนรเทศเพราะกบฏต่อพระเจ้า เมื่อผู้เผยพระวจนะเท็จบอกพวกที่ถูกเนรเทศว่าจะได้กลับบ้านภายในสองปี (ยรม.28:2-4; 29:8-9) พวกเขาพบผู้ฟังที่เต็มใจจะเชื่อ เป็นเรื่องสบายใจที่จะฟังถ้อยคำเสนาะหูของผู้เผยพระวจนะเท็จที่สัญญาว่าจะได้กลับบ้านเร็วๆนี้

พระเจ้าไม่ทรงกรุณาคนเหล่านั้นที่เร่ขายอดีตและคำสัญญาที่ไม่จริงของพวกตน พระองค์ตรัสว่า “อย่ายอมให้ผู้เผยพระวจนะของเจ้าทั้งหลาย หรือผู้ทำนายของเจ้าผู้อยู่ท่ามกลางหลอกลวงเจ้า” (29:8) พระองค์ทรงมีแผนงานเพื่อประชากรของพระองค์ “เป็นแผนงาน...เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่ [พวกเขา]” (ข้อ 11) สถานการณ์นั้นท้าท้าย มีอุปสรรคและเป็นเรื่องใหม่ แต่พระเจ้าสถิตกับพวกเขา ตรัสว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเรา เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า” (ข้อ 13) พระเจ้าจะทรงนำพวกเขา “กลับมายังที่ซึ่งเราเนรเทศเจ้าให้จากไปนั้น” (ข้อ 14) แต่จะเกิดขึ้นในเวลาของพระองค์

ความอาลัยอาวรณ์เป็นกลอุบายในความคิด ทำให้เราโหยหาในอดีตที่เคยเป็น อย่าพลาดสิ่งที่พระเจ้าทรงกำลังทำอยู่ในเวลานี้ พระองค์จะทรงทำให้พระสัญญาของพระองค์สำเร็จ

ทำให้พระเจ้าเป็นที่รู้จัก

ความรักที่มีต่อพระเจ้าและผู้คนเป็นรากฐานงานแปลพระคัมภีร์ของแคธริน เธอปีติยินดีเมื่อสตรีในอินเดียเข้าใจพระคัมภีร์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นจากการอ่านพระคัมภีร์ในภาษาของตน เธอสังเกตเห็นว่าเมื่อพวกเขาเข้าใจ “พวกเขามักจะส่งเสียงแสดงความยินดีหรือปรบมือ และเมื่ออ่านเรื่องราวของพระเยซู พวกเขาก็จะพูดว่า ‘โอ้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ’”

แคธรินอยากให้คนจำนวนมากขึ้นได้อ่านพระคัมภีร์ในภาษาของตนเอง ด้วยความปรารถนานี้เธอจึงเก็บรักษานิมิตของยอห์นสาวกผู้ชราแล้วที่เกาะปัทมอสไว้ในใจของเธอ พระเจ้าทรงนำยอห์นไปยังพระที่นั่งที่ตั้งอยู่ในสวรรค์โดยทางพระวิญญาณ ที่ซึ่งท่านได้เห็น “คนมากมายเหลือคณนามาจากทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชาติทุกภาษา...ยืนอยู่หน้าพระที่นั่ง และต่อพระพักตร์พระเมษโปดก” (วว.7:9) พวกเขาร่วมกันนมัสการพระเจ้าและร้องว่า “ความรอดขึ้นอยู่กับพระเจ้าของเรา” (ข้อ 10)

พระเจ้ายังทรงให้ผู้คนมากมายที่สรรเสริญพระองค์เพิ่มจำนวนขึ้น พระองค์ทรงใช้ไม่เพียงแต่งานของผู้แปลพระคัมภีร์และผู้ที่อธิษฐานเผื่อพวกเขาเท่านั้น แต่ยังทรงใช้คนเหล่านั้นที่ออกไปบอกข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูด้วยความรักที่มีต่อเพื่อนบ้าน เราชื่นชมยินดีในภารกิจอันน่ายินดีนี้ และอัศจรรย์ใจกับการที่พระเจ้าจะทรงจุดประกายผู้คนจำนวนมากขึ้นให้เข้าร่วมกับเหล่าทูตสวรรค์โดยกล่าวว่า “อาเมน ความสรรเสริญ พระสิริ ปัญญา คำโมทนา พระเกียรติ อำนาจ และฤทธิ์เดชจงมีแด่พระเจ้าของเราตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน” (ข้อ 12)

รับการทรงเรียกและตระเตรียมโดยพระเจ้า

“หน้าที่ของคุณในงานมหกรรมหนังสือนานาชาติ คือจัดรายการวิทยุนอกสถานที่” เจ้านายบอก ซึ่งฉันรู้สึกกลัวเพราะนี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับฉัน ฉันอธิษฐาน ข้าพระองค์ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ขอทรงช่วยข้าพระองค์

พระเจ้าทรงจัดเตรียมทรัพยากรและผู้คนเพื่อแนะนำฉัน ทั้งช่างเทคนิคและนักจัดรายการที่มีประสบการณ์ รวมถึงคอยเตือนในรายละเอียดที่ฉันมองข้ามไป เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันรู้ว่าการออกอากาศเป็นไปด้วยดีเพราะพระองค์ทรงรู้ว่าอะไรจำเป็นและทรงกระตุ้นให้ฉันใช้ทักษะต่างๆที่พระองค์ประทานให้

เมื่อพระเจ้าทรงมอบหมายงานให้เรา พระองค์จะทรงเตรียมเราให้พร้อมสำหรับสิ่งนั้นด้วย เมื่อทรงมอบหมายให้เบซาเลลสร้างพลับพลา เบซาเลลเป็นช่างฝีมือที่ชำนาญอยู่แล้ว พระเจ้าทรงจัดเตรียมเขานอกเหนือจากนี้โดยให้เขาประกอบด้วยพระวิญญาณของพระองค์ คือให้เขามีสติปัญญา ความเข้าใจและความรู้ในวิชาการทุกอย่าง (อพย.31:3) อีกทั้งประทานผู้ช่วยอีกคนหนึ่ง คือโอโฮลีอับตลอดจนช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญแก่เขาด้วย (ข้อ 6) ด้วยความสามารถที่มาจากพระองค์ ทีมงานจึงวางแผนและจัดทำเต็นท์ เครื่องใช้อื่นๆทั้งหมดในเต็นท์ รวมทั้งเครื่องแต่งกายสำหรับปุโรหิต สิ่งเหล่านี้คือเครื่องมือในการนมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้องของคนอิสราเอล (ข้อ 7-11)

เบซาเลล แปลว่า “ในร่มเงา [การปกป้อง]ของพระเจ้า” ช่างผู้ชำนาญนี้ทำงานตลอดช่วงชีวิตภายใต้การคุ้มครอง ฤทธิ์อำนาจ และการจัดเตรียมของพระเจ้า ขอให้เราเชื่อฟังการกระตุ้นของพระองค์ด้วยความกล้าหาญในขณะที่เราทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง พระองค์ทรงรู้ว่าเราต้องการอะไรและจะประทานให้เมื่อใดและอย่างไร

เปลี่ยนสถานที่

โจแอนเพื่อนของฉันเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบตอนที่ไวรัสโคโรน่าเริ่มแพร่ระบาดในปี 2020 ในตอนแรกครอบครัวเธอประกาศว่าพิธีไว้อาลัยจะจัดขึ้นที่คริสตจักร แต่หลังจากนั้นก็ตัดสินใจว่าควรจัดพิธีศพที่บ้านเพื่อจะควบคุมขนาดของกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมพิธี คำประกาศใหม่ที่แจ้งทางออนไลน์เขียนว่า โจแอน วอร์เนอร์ส - เปลี่ยนสถานที่

ใช่แล้ว เธอได้เปลี่ยนสถานที่! เธอจากสถานที่ในโลกนี้ไปสู่สถานที่ในสวรรค์ พระเจ้าทรงเปลี่ยนชีวิตของเธอเมื่อหลายปีก่อน และเธอรับใช้พระองค์ด้วยความรักเป็นเวลาเกือบห้าสิบปี แม้เมื่อเธอใกล้จะเสียชีวิตในโรงพยาบาล เธอยังถามถึงผู้คนที่เธอรักที่กำลังมีปัญหา เวลานี้เธออยู่กับพระองค์แล้ว เธอได้เปลี่ยนสถานที่แล้ว

อัครทูตเปาโลมีความปรารถนาที่จะอยู่กับพระคริสต์ในสถานที่อื่น (2 คร.5:8) แต่ก็รู้ว่าหากท่านยังคงอยู่ในโลกนี้จะเป็นการดีกว่าสำหรับคนที่ท่านปรนนิบัติรับใช้ ท่านเขียนถึงชาวฟีลิปปีว่า “แต่การที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ในร่างกายนี้ก็จำเป็นมากสำหรับพวกท่าน” (ฟป.1:24) เมื่อเราโศกเศร้าเพราะใครบางคนเหมือนอย่างโจแอน เราอาจร้องทูลต่อพระเจ้าในทำนองเดียวกันว่า ข้าพระองค์และคนอื่นๆต่างต้องการให้พวกเขายังคงอยู่ที่นี่ แต่พระเจ้าทรงรู้วันเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเปลี่ยนสถานที่ของพวกเขาและของเราเอง

ด้วยกำลังของพระวิญญาณ ในเวลานี้เราจึง “ตั้งเป้าของเราว่า...เราก็จะทำตัวให้เป็นที่พอพระทัยของ[พระเจ้า]” (2 คร.5:9) จนกว่าเราจะได้พบพระองค์หน้าต่อหน้า ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดียอดเยี่ยมยิ่งกว่า

พระหัตถกิจของพระเจ้า

วันที่ 12 กรกฎาคม 2022 นักวิทยาศาสตร์เฝ้ารอภาพแรกของอวกาศห้วงลึกจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ กล้องโทรทรรศน์ล้ำสมัยนี้สามารถมองเข้าไปในจักรวาลได้ไกลกว่าที่มนุษย์เคยมองมาก่อน ทันใดนั้นภาพที่น่าทึ่งก็ปรากฏขึ้น เป็นภาพสีอวกาศเต็มรูปแบบของกลุ่มก๊าซเนบิวลากระดูกงูเรือที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในลักษณะนี้ นักดาราศาสตร์นาซ่าคนหนึ่งอ้างคำกล่าวของคาร์ล เซแกน ผู้ซึ่งไม่เชื่อในพระเจ้าว่า “ที่ไหนสักแห่ง มีบางสิ่งที่เหลือเชื่อรออยู่”

บางครั้งผู้คนอาจมองตรงไปที่พระเจ้าแต่ไม่เห็นพระองค์ แต่ดาวิดผู้ประพันธ์เพลงสดุดีมองไปในท้องฟ้าและรู้ว่ากำลังเห็นอะไร “พระองค์ทรงตั้งเกียรติสิริของพระองค์เหนือฟ้าสวรรค์” (สดด.8:1 TNCV) เซแกนพูดถูกว่า “มีบางสิ่งที่เหลือเชื่อรออยู่” แต่เขาไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่ดาวิดรับรู้ได้อย่างชัดเจน “เมื่อข้าพระองค์มองดูฟ้าสวรรค์อันเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ดวงจันทร์และดวงดาวซึ่งพระองค์ได้ทรงสถาปนาไว้ มนุษย์เป็นผู้ใดเล่าซึ่งพระองค์ทรงระลึกถึงเขา”
(ข้อ 3-4)

เมื่อเราเห็นภาพของห้วงอวกาศที่ลึกที่สุด เรารู้สึกอัศจรรย์ใจและก็ไม่ใช่เพราะเทคโนโลยี แต่เพราะเราได้เห็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า เรารู้สึกพิศวงเพราะในความยิ่งใหญ่ไพศาลแห่งการทรงสร้าง พระเจ้าทรงมอบอำนาจให้เรา “ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์” (ข้อ 6) ใช่แล้วที่มี “บางสิ่งที่เหลือเชื่อรออยู่” พระเจ้าทรงรอคอยที่จะนำผู้เชื่อในพระเยซูมาหาพระองค์เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา นั่นเป็นภาพที่น่าทึ่งที่สุดในบรรดาภาพทั้งปวง

คำโกหกกับความจริง

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์เชื่อว่าการโกหกครั้งใหญ่มีพลังมากกว่าการโกหกเล็กๆ และน่าเศร้าที่เขาพิสูจน์ทฤษฎีของเขาได้สำเร็จ ในช่วงต้นของอาชีพทางการเมือง เขาอ้างว่าตนพอใจที่จะสนับสนุนความปรารถนาของผู้อื่น เมื่อเข้ามามีอำนาจ เขาบอกว่าพรรคของเขาไม่ได้มีเจตนาจะกดขี่ข่มเหงใคร ต่อมาเขาใช้สื่อสร้างภาพว่าตนเป็นตัวแทนของความเป็นพ่อและเป็นผู้นำด้านศีลธรรม

ซาตานใช้คำโกหกเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในชีวิตของเรา เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้มันจะกระตุ้นให้เกิดความกลัว ความโกรธและความสิ้นหวัง เพราะ “มันเป็นผู้มุสาและเป็นพ่อของการมุสา” (ยน.8:44) ซาตานพูดความจริงไม่ได้ ดังที่พระเยซูตรัส มันไม่มีความจริงใดๆอยู่ในตัวเลย

และนี่คือคำโกหกบางอย่างของศัตรู ข้อแรก คำอธิษฐานของเราไม่สำคัญซึ่งไม่จริงเลย พระคัมภีร์กล่าวว่า “คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล” (ยก.5:16) ข้อสอง เมื่อมีปัญหา เราไม่มีทางออก ผิดอีกแล้ว “พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง” (มก.10:27) และ “พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย” (1 คร.10:13) ข้อสาม พระเจ้าไม่รักเรา นี่เป็นคำโกหก ไม่มีสิ่งใดกระทำให้ “เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า” ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้ (รม.8:38-39)

ความจริงของพระเจ้ามีอำนาจมากกว่าคำโกหก ถ้าเราเชื่อฟังคำสอนของพระเยซูด้วยกำลังที่มาจากพระองค์ เราจะ “รู้จักสัจจะ” จะปฏิเสธสิ่งที่เป็นคำโกหก และ “สัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท” (ยน.8:31-32)

ความชื่นชมยินดีกับสติปัญญา

ดอกซากุระที่มีกลิ่นหอมจะบานสะพรั่งเป็นสีชมพูอ่อนและมีชีวิตชีวาทั่วญี่ปุ่นในทุกฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งสร้างความสุขให้กับทั้งผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว ธรรมชาติของดอกไม้ที่มีอายุเพียงสั้นๆ ทำให้ชาวญี่ปุ่นตื่นตัวในการดื่มด่ำความงามและกลิ่นหอมขณะที่ดอกไม้ยังเบ่งบาน ระยะเวลาที่ได้สัมผัสเพียงสั้นๆยิ่งทำให้อยากจะไปชมดอกซากุระนี้มากขึ้น พวกเขาเรียกความเพลิดเพลินที่กระทำอย่างตั้งใจต่อสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ว่า “การตระหนักถึงความไม่ยั่งยืนของสรรพสิ่งที่สวยงาม”

ในฐานะมนุษย์ เป็นที่เข้าใจได้ว่าเราอยากแสวงหาและยืดเวลาความรู้สึกถึงความสุขนั้นไว้ กระนั้นความจริงที่ว่าชีวิตเต็มไปด้วยความยากลำบากนั้นหมายความว่าเราต้องบ่มเพาะความสามารถที่จะมองทั้งความทุกข์และความเพลิดเพลินผ่านเลนส์แห่งความเชื่อในพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรัก เราไม่จำเป็นต้องมองโลกในแง่ร้ายมากเกินไป และไม่ควรสร้างมุมมองชีวิตที่สดใสเกินจริงให้กับตัวเอง

พระธรรมปัญญาจารย์เสนอแบบอย่างที่เป็นประโยชน์แก่เรา แม้ว่าพระธรรมเล่มนี้บางครั้งถูกมองว่ามีแต่คำพูดในแง่ลบ แต่กษัตริย์ซาโลมอนพระองค์นี้ที่กล่าวว่า “สารพัดอนิจจัง” (1:2) ยังทรงสนับสนุนให้ผู้อ่านหาความสนุกสนานจากสิ่งง่ายๆในชีวิตด้วย โดยกล่าวว่า “ด้วยว่าภายใต้ดวงอาทิตย์ มนุษย์ไม่มีอะไรดีไปกว่ากินและดื่มกับชื่นชมยินดี” (8:15)

ความชื่นชมยินดีเกิดขึ้นเมื่อเราทูลขอให้พระเจ้าทรงช่วยให้เรา “เข้าใจสติปัญญา” และเรียนรู้ที่จะสังเกต “ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ” (ข้อ 16-17) ทั้งในฤดูกาลที่งดงามและในฤดูกาลที่ยากลำบาก (3:11-14; 7:13-14) โดยรู้ว่าทั้งสองนั้นล้วนไม่ยั่งยืนในโลกนี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา