Month: พฤษภาคม 2022

ความหวังที่พาดผ่านเหนือพายุ

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2021 นักล่าพายุหลายคนได้บันทึกวิดีโอและถ่ายรูปสายรุ้งที่ปรากฏข้างพายุทอร์นาโดในรัฐเท็กซัส ในวีดีโอหนึ่ง รวงข้าวสาลีในทุ่งโน้มลงอยู่ใต้แรงพายุหมุน มีสายรุ้งอันเจิดจ้าพาดผ่านเส้นขอบฟ้าสีเทาและโค้งไปทางพายุหมุน ในอีกวิดีโอ ผู้คนที่ยืนชมอยู่ข้างถนนมองดูสัญลักษณ์แห่งความหวังตั้งตระหง่านอยู่ข้างเมฆทรงกรวย

ในสดุดี 107 ผู้เขียนส่งมอบความหวังและหนุนใจเราให้หันไปหาพระเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ท่านบรรยายถึงคนที่อยู่ท่ามกลางพายุ “และสิ้นปัญญาลง” (ข้อ 27) “เมื่อเขาร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยนำเขาออกจากความทุกข์ใจของเขา” (ข้อ 28)

พระเจ้าทรงเข้าใจที่บางครั้งลูกของพระองค์ก็ไม่อาจรู้สึกมีความหวังได้เมื่อชีวิตเหมือนกับโดนพายุกระหน่ำ เราต้องการการย้ำเตือนถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ โดยเฉพาะในยามที่ขอบฟ้าดูมืดมนและปั่นป่วน

ไม่ว่าพายุของเราจะเป็นอุปสรรคยิ่งใหญ่ในชีวิต ความวุ่นวายทางอารมณ์ หรือความตึงเครียดในจิตใจ พระเจ้าทรงสามารถทำให้พายุ “สงบลง” และนำเราไปยังที่ลี้ภัย (ข้อ 29-30) แม้เราอาจจะยังไม่หลุดพ้นจากพายุด้วยวิธีการและในเวลาที่เราต้องการ แต่เราสามารถไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงรักษาพระสัญญาที่ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ ความหวังอันมั่นคงของพระองค์จะพาดผ่านเหนือพายุทุกลูก

การเยียวยาสำหรับคนทั้งโลก

สถานพยาบาลลับ (โรงพยาบาลฟรานย่าพาร์ติซาน) ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาห่างไกลทางตะวันตกของสโลวีเนีย มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากคอยดูแลทหารบาดเจ็บหลายพันคนระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และถูกปิดซ่อนจากนาซีมาตลอด แม้จะเป็นเรื่องน่าจดจำที่สามารถหลบเลี่ยงการพยายามค้นหาของนาซีหลายครั้งได้สำเร็จ แต่ที่น่าจดจำกว่าคือการที่โรงพยาบาลแห่งนี้ (ซึ่งก่อตั้งและดำเนินการโดยกลุ่มต่อต้านสโลวีเนีย) ดูแลทหารจากทั้งฝ่ายพันธมิตรและอักษะ โรงพยาบาลนี้ต้อนรับทุกคน

พระคัมภีร์เรียกให้เราช่วยคนทั้งโลกให้ได้รับการเยียวยาฝ่ายวิญญาณ นั่นหมายความว่าเราต้องมีเมตตาต่อทุกคนไม่ว่าเขาจะมีแนวคิดหรืออุดมการณ์เช่นไร ทุกคนสมควรได้รับความรักและความเมตตาจากพระคริสต์ เปาโลยืนยันว่าความรักที่พระเยซูทรงมีต่อเราทุกคน “ได้ครอบครองเราอยู่ เพราะเราคิดเห็นอย่างนี้ว่ามีผู้หนึ่งได้ตายเพื่อคนทั้งปวง” (2 คร.5:14) เราทุกคนล้วนทนทุกข์จากความเจ็บป่วยเนื่องจากบาป และจำเป็นต้องได้รับการเยียวยาจากการอภัยของพระเยซู และพระองค์เสด็จมาหาเราเพื่อเยียวยาเราทุกคน

แล้วในกระบวนการอันน่าประหลาดใจนี้ พระเจ้าทรงมอบหมายให้เราประกาศ “เรื่องการคืนดีกัน” (ข้อ 19) พระเจ้าทรงเชิญให้เรารักษาผู้คนที่บาดเจ็บและแตกสลาย (เช่นเดียวกับเรา) เรามีส่วนร่วมในงานแห่งการเยียวยารักษาในที่ซึ่งคนเจ็บป่วยจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้งผ่านการคืนดีกับพระองค์ และการคืนดีหรือการเยียวยานี้เป็นของทุกคนที่ยอมรับมัน

กดปุ่มหยุดเพื่ออธิษฐาน

น้ำจากหัวดับเพลิงท่วมถนนและผมมองเห็นโอกาสเมื่อหัวดับเพลิงพ่นน้ำใส่ถนน รถข้างหน้าผมหลายคันโดนน้ำกระเด็นใส่ และผมคิดว่านี่เป็นวิธีล้างรถฟรีที่ยอดเยี่ยม! รถของผมไม่ได้ล้างมาเป็นเดือนจนฝุ่นจับหนา ผมจึงหักรถให้โดนน้ำเต็มๆ

แคร็ก!
มันเกิดขึ้นเร็วมาก แดดที่ส่องลงมาบนรถสีดำของผมในเช้านั้นทำให้กระจกและภายในรถร้อน แต่น้ำจากหัวดับเพลิงเย็นจัด ทันทีที่ความเย็นกระทบกระจกหน้ารถที่ร้อนระอุ เกิดรอยร้าวเหมือนสายฟ้าฟาดจากบนลงล่าง การล้างรถ “ฟรี” ของผมจบลงด้วยการเสียเงินจำนวนมาก

ถ้าเพียงแต่ผม “กดปุ่มหยุด” ก่อนเพื่อครุ่นคิดหรืออธิษฐาน เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไหม ชนอิสราเอลเคยทำเช่นนั้นเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่หนักหนายิ่งกว่า พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะช่วยพวกเขาขับไล่ชนชาติอื่นออกไปเมื่อพวกเขาเข้าสู่ดินแดนที่พระองค์จะประทานให้ (ยชว.3:10) เพื่อพวกเขาจะไม่ถูกล่อลวงโดยพวกพระเทียมเท็จ (ฉธบ.20:16-18) แต่หนึ่งในชนชาติเหล่านั้นเห็นชัยชนะของอิสราเอล จึงใช้ขนมปังขึ้นรามาหลอกลวงคนอิสราเอลให้เชื่อว่าพวกเขามาจากประเทศที่ไกลมาก “ฝ่ายคนเหล่านั้นก็รับเสบียงของเขาบ้าง แต่หาได้ทูลขอการแนะนำจากพระเจ้าไม่ และโยชูวาก็กระทำสัญญาศานติภาพกับเขา” (ยชว.9:14-15) โดยไม่รู้ตัวว่าได้ละเลยคำแนะนำของพระเจ้า

เมื่อเราพึ่งพาคำอธิษฐานเป็นสิ่งแรกไม่ใช่สิ่งสุดท้าย เราได้ให้การทรงนำ พระปัญญา และพระพรของพระเจ้ามาอยู่กับเรา ขอพระองค์ทรงช่วยให้เรานึกถึงการ “กดปุ่มหยุด” ในวันนี้

ร้านประตูแคบ

ครัวซองต์ เกี๊ยว แกงหมู และอาหารเลิศรสทุกชนิด รอคอยผู้ที่หาเจอและเข้ามายังร้านประตูแคบนี้ ร้านซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองไถ่หนานของไต้หวันนี้ดูคล้ายกับรูในกำแพง ทางเข้ากว้างเพียงสี่สิบเซนติเมตร (น้อยกว่าสิบหกนิ้ว) พอให้คนรูปร่างปกติแค่คนเดียวแทรกเข้าไป! แม้จะมีความท้าทาย แต่ร้านที่มีเอกลักษณ์พิเศษนี้กลับดึงดูดผู้คนจำนวนมาก

สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับประตูคับแคบที่ถูกกล่าวถึงในลูกา 13:22-30 ด้วยหรือไม่ มีคนถามพระเยซูว่า “พระองค์เจ้าข้า คนที่รอดนั้นน้อยหรือ” (ข้อ 23) พระเยซูทรงตอบด้วยการท้าทายเขาว่า “จงเพียรเข้าไปทางประตูคับแคบ” สู่แผ่นดินของพระเจ้า (ข้อ 24) พระองค์กำลังถามอย่างเจาะจงว่า “คนที่รอดนั้นมีท่านด้วยหรือไม่” พระเยซูทรงใช้คำอุปมานี้เพื่อเตือนชาวยิวไม่ให้ทะนงตน พวกเขาหลายคนเชื่อว่าตนจะได้เข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าเพราะเป็นเชื้อสายของอับราฮัม หรือเพราะพวกเขารักษากฎบัญญัติ แต่พระเยซูทรงท้าทายพวกเขาให้ตอบสนองพระองค์ก่อนที่ “เจ้าบ้าน...ปิดประตู” (ข้อ 25)

ภูมิหลังทางครอบครัวหรือการกระทำของเราไม่สามารถทำให้เราชอบธรรมในสายพระเนตรพระเจ้าได้ มีเพียงความเชื่อในพระเยซูที่สามารถช่วยเราจากความบาปและความตาย (อฟ.2:8-9; ทต.3:5-7) ประตูนั้นคับแคบ แต่มันเปิดกว้างสำหรับทุกคนที่ยินดีจะเชื่อวางใจในพระเยซู วันนี้พระองค์ทรงเชิญเราให้คว้าโอกาสที่จะเข้าประตูคับแคบไปสู่แผ่นดินของพระองค์

ความผิดพลาดของผู้พยากรณ์

เที่ยงของวันที่ 21 กันยายน 1938 ชาร์ล เพียร์ซนักอุตุนิยมวิทยาหนุ่มเตือนถึงแนวปะทะอากาศที่จะก่อให้เกิดเฮอร์ริเคนขึ้นใกล้นิวอิงแลนด์ แต่หัวหน้าหัวเราะเยาะการพยากรณ์นั้น พายุโซนร้อนจะไม่เกิดขึ้นทางตอนเหนือ

สองชั่วโมงต่อมาพายุเฮอร์ริเคนขึ้นฝั่งที่เกาะลองไอร์แลนด์ และมาถึงนิวอิงแลนด์ตอนสี่โมงเย็น ซัดเรือเข้าฝั่งและหอบบ้านเรือนลงในทะเล มีผู้เสียชีวิตมากกว่าหกร้อยคน หากพวกเขาได้รับคำเตือนจากเพียร์ซ ซึ่งมาจากฐานข้อมูลที่ชัดเจนและแผนที่อันละเอียด พวกเขาคงรอดชีวิต

แนวคิดของการเรียนรู้ว่าต้องฟังเสียงของใครนั้นมีความสำคัญในพระคัมภีร์ ในสมัยเยเรมีย์พระเจ้าเตือนให้ระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ โดยตรัสว่า “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยให้ท่านฟัง กระทำให้ท่านเต็มด้วยความหวังลมๆแล้งๆเขากล่าวถึงนิมิตแห่งใจของเขาเองมิใช่จากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (ยรม.23:16) พระองค์ตรัสถึงคนเหล่านั้นว่า “แต่ถ้าเขาทั้งหลายได้ยืนอยู่ในการประชุมของเราแล้ว เขาคงจะได้ป่าวร้องถ้อยคำของเราต่อประชากรของเรา” (ข้อ 22)

“ผู้พยากรณ์เท็จ” ยังคงมีอยู่ คือ “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่แนะนำโดยละเลยพระเจ้าหรือบิดเบือนพระวจนะให้เข้ากับจุดประสงค์ของตนเอง แต่โดยพระคำและพระวิญญาณของพระเจ้า พระองค์ได้ประทานสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อจะแยกแยะความเท็จออกจากความจริง เมื่อเราประเมินทุกสิ่งด้วยความจริงแห่งพระวจนะแล้ว คำพูดและชีวิตของเราจะสะท้อนความจริงนั้นไปสู่ผู้อื่น

เพิ่มอุณหภูมิ

อุณหภูมิของรัฐโคโรลาโดที่เราอยู่สามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็ภายในไม่กี่นาที แดนสามีของฉันจึงอยากรู้ความแตกต่างของอุณหภูมิในบ้านและรอบๆบ้านเรา เขาชื่นชอบพวกอุปกรณ์ทันสมัย จึงตื่นเต้นเมื่อเปิดกล่อง “ของเล่น” ชิ้นล่าสุด ซึ่งเป็นเทอร์โมมิเตอร์ที่แสดงค่าอุณหภูมิจาก “พื้นที่” สี่จุดรอบบ้าน ถึงจะล้อว่ามันเป็นอุปกรณ์ “ไร้สาระ” แต่ฉันแปลกใจที่พบว่าตัวเองมักจะไปดูอุณหภูมิบ่อยๆ ความแตกต่างของภายในและภายนอกทำให้ฉันสนใจ

พระเยซูทรงใช้อุณหภูมิเพื่ออธิบายถึงคริสตจักรที่ “อุ่นๆ” ในเมืองเลาดีเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดจากทั้งเจ็ดเมืองที่กล่าวถึงในพระธรรมวิวรณ์ เมืองนี้มีทั้งธนาคาร แหล่งเสื้อผ้า และศูนย์กลางการแพทย์ แต่มีข้อเสียเรื่องแหล่งน้ำ จึงจำเป็นต้องมีท่อส่งน้ำมาจากน้ำพุร้อน แต่เมื่อน้ำมาถึงเมืองเลาดีเซีย มันก็ไม่ร้อนและไม่เย็น

คริสตจักรที่นั่นก็อุ่นๆเช่นกัน พระเยซูตรัสว่า “เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า เจ้าไม่เย็นไม่ร้อน เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆ ไม่เย็นและไม่ร้อน เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา” (วว.3:15-16) พระคริสต์ทรงอธิบายว่า “เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่” (ข้อ 19)

คำวิงวอนขององค์พระผู้ช่วยให้รอดยังคงเร่งด่วนสำหรับเราเช่นกัน จิตวิญญาณของคุณไม่เย็นและไม่ร้อนหรือไม่ จงยอมรับการแก้ไขจากพระองค์และทูลขอให้ทรงช่วยคุณที่จะดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ลุกโชนและกระตือรือร้น

วิ่งหนี

บทเรียนเบื้องต้นของไอคิโด ซึ่งเป็นศิลปะป้องกันตัวดั้งเดิมของญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่ให้ความเข้าใจมาก เซ็นเซ หรือครูฝึกบอกเราว่า เมื่อเผชิญหน้ากับผู้โจมตี การตอบสนองแรกของเราควรเป็นการ “วิ่งหนี” “ยกเว้นวิ่งหนีไม่ได้ คุณถึงจะต่อสู้” เขากล่าวอย่างจริงจัง

วิ่งหนีหรือ ผมแปลกใจ ทำไมครูฝึกทักษะการป้องกันตัวขั้นสูงจึงบอกเราให้วิ่งหนีการต่อสู้ มันดูขัดกับสัญชาตญาณ จนกระทั่งเขาอธิบายว่ารูปแบบการป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงการต่อสู้ตั้งแต่แรก จริงด้วย!

เมื่อคนกลุ่มหนึ่งมาจับพระเยซู เปโตรตอบสนองเหมือนอย่างที่เราบางคนจะทำ คือชักดาบออกมาต่อสู้หนึ่งในคนเหล่านั้น (มธ.26:51; ดู ยน.18:10) แต่พระเยซูทรงบอกให้เปโตรเก็บดาบแล้วตรัสว่า “แต่ถ้าเช่นนั้นพระคัมภีร์ที่ว่า จำจะต้องเป็นอย่างนี้ จะสำเร็จได้อย่างไร” (มธ.26:54)

แม้การตระหนักถึงความยุติธรรมจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็สำคัญเช่นกันที่จะเข้าใจพระประสงค์และอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งเป็น อาณาจักรที่ “ตรงกันข้าม” ที่เรียกร้องให้เรารักศัตรูและตอบแทนความชั่วด้วยความดี (5:44) นี่เป็นการตอบสนองที่แตกต่างจากโลกอย่างสิ้นเชิง แต่กระนั้นก็เป็นการตอบสนองที่พระเจ้าทรงพยายามบ่มเพาะในตัวเรา

ลูกา 22:51 ยังบรรยายถึงการที่พระเยซูทรงรักษาหูของชายที่ถูกเปโตรฟัน ขอให้เราเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากเหมือนที่พระองค์ทำ โดยแสวงหาสันติสุขและการคืนดีอยู่เสมอ ในขณะที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้แก่เรา

ให้ด้วยใจกว้างขวาง

นายพลชาร์ลส์ กอร์ดอน (1833-1885) รับใช้สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียในประเทศจีนและที่ต่างๆ แต่เมื่ออยู่ประเทศอังกฤษ เขาจะมอบรายได้ร้อยละ 90 ให้กับการกุศล เมื่อได้ยินข่าวการกันดารอาหารที่แลงคาเชียร์ เขาจึงขูดคำจารึกบนเหรียญทองคำบริสุทธิ์ที่ได้รับจากผู้นำระดับโลกออกแล้วส่งมันไปทางเหนือ บอกให้พวกเขาหลอมมันและนำเงินไปซื้อขนมปังให้คนยากจน ในวันนั้นเขาเขียนบันทึกประจำวันว่า “สิ่งของชิ้นสุดท้ายในโลกที่ผมครอบครองและให้คุณค่า ผมได้ถวายแด่องค์พระเยซูแล้ว”

ระดับความใจกว้างของนายพลกอร์ดอน อาจดูเหมือนอยู่เหนือและเกินกว่าที่เราจะเทียบได้ แต่พระเจ้าทรงเรียกให้คนของพระองค์ดูแลผู้ที่ขัดสนอยู่เสมอ ในพระบัญญัติบางข้อที่ทรงให้ไว้ผ่านโมเสส พระเจ้าบัญชาไม่ให้เกี่ยวเก็บข้าวที่ขอบนาและเก็บเกี่ยวพืชผลทั้งหมด แต่เมื่อเก็บผลองุ่น พระองค์ตรัสว่าให้เหลือองุ่นที่ตกไว้ “ให้คนยากจนและคนต่างด้าว” (ลนต.19:10) พระเจ้าทรงต้องการให้คนของพระองค์ใส่ใจและดูแลผู้อ่อนแอที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา

ไม่ว่าเราจะรู้สึกว่าตัวเองใจกว้างแค่ไหนก็ตาม เราก็ยังทูลขอให้พระเจ้าทรงเพิ่มเติมความปรารถนาที่จะให้แก่ผู้อื่นได้ และแสวงหาพระปัญญาของพระองค์เพื่อจะมีวิธีที่สร้างสรรค์ในการให้ด้วย พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะช่วยเราสำแดงความรักของพระองค์แก่ผู้อื่น

ในวาระสุดท้าย

ผมมักจะได้รับเกียรติในการนำค่ายฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณ การได้ไปนอกสถานที่สองสามวันเพื่ออธิษฐานและใคร่ครวญช่วยฟื้นฟูได้อย่างลึกซึ้ง บางครั้งในระหว่างรายการ ผมจะขอให้ผู้ร่วมค่ายทำแบบฝึกหัด “ลองจินตนาการว่าชีวิตของคุณสิ้นสุดลงและข่าวมรณกรรมของคุณจะอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ คุณอยากให้มันเขียนว่าอะไร” ผลปรากฏว่าผู้ร่วมค่ายบางคนเปลี่ยนการจัดลำดับความสำคัญในชีวิต และตั้งเป้าว่าจะทำให้ชีวิตของตนจบลงอย่างงดงาม

2 ทิโมธี 4 มีข้อเขียนสุดท้ายของอัครทูตเปาโล แม้คาดว่าท่านจะอยู่ในช่วงวัยประมาณหกสิบเท่านั้น และแม้จะเคยเผชิญกับความตายมาก่อน ท่านรู้สึกว่าชีวิตของตนใกล้จะสิ้นสุดแล้ว (2 ทธ.4:6) จะไม่มีการเดินทางไปประกาศข่าวประเสริฐหรือเขียนจดหมายถึงคริสตจักรของท่านอีก ท่านมองย้อนกลับไปในชีวิตและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว” (ข้อ 7) ในขณะที่ตัวท่านยังไม่สมบูรณ์แบบ (1 ทธ.1:15-16) เปาโลประเมินชีวิตของตนว่าดำเนินกับพระเจ้าและพระกิตติคุณอย่างเต็มที่แค่ไหน ว่ากันว่าท่านได้พลีชีพเพื่อความเชื่อหลังจากนั้นไม่นาน

การคิดถึงวันสุดท้ายของชีวิตจะช่วยให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งสำคัญในตอนนี้คืออะไร ถ้อยคำของเปาโลสามารถเป็นต้นแบบที่ดีให้เราทำตาม ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง แข่งขันจนถึงที่สุด และรักษาความเชื่อ เพราะในท้ายที่สุดสิ่งสำคัญคือ เราได้ยึดมั่นในพระเจ้าและทางของพระองค์อย่างแท้จริง ขณะที่ทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นเพื่อเราจะใช้ ต่อสู้ในสงครามฝ่ายวิญญาณ และจบชีวิตลงอย่างงดงาม

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา