Month: มิถุนายน 2021

เคล็ดลับของความพึงพอใจ

เมื่อจอนนี่ อิริคสัน ทาดะ ได้กลับบ้านหลังทนทุกข์จากอุบัติเหตุขณะว่ายน้ำที่ทำให้เธอเป็นอัมพาต ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ประตูบ้านแคบเกินไปสำหรับรถเข็นของเธอ และอ่างล้างหน้าก็สูงเกินไป เธอต้องมีคนคอยป้อนอาหารให้จนกระทั่งเธอตัดสินใจเรียนรู้ที่จะกินอาหารด้วยตัวเองอีกครั้ง ครั้งแรกที่เธอยกช้อนพิเศษมาที่ปากด้วยแขนที่ถูกดามไว้ เธอรู้สึกอับอายมากเพราะเธอทำซอสแอปเปิ้ลหกเลอะเสื้อผ้า แต่เธอทนฝึกต่อไป เธอบอกว่า “เคล็ดลับของฉันคือเรียนรู้ที่จะพึ่งพาพระเยซู และบอกกับพระองค์ว่า ‘โอ้ พระเจ้า โปรดช่วยฉันด้วย’” วันนี้เธอสามารถใช้ช้อนได้เป็นอย่างดี

จอนนี่บอกว่าการถูกกักขังของเธอทำให้เธอมองไปที่ผู้ต้องขังอีกคนหนึ่ง คืออัครทูตเปาโลผู้ถูกขังในคุกที่โรม และจดหมายที่ท่านเขียนถึงชาวฟีลิปปี จอนนี่มุ่งมั่นที่จะทำให้ได้เหมือนเปาโล “เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น” (ฟป.4:11) สังเกตว่าเปาโลต้องเรียนรู้ที่จะมีสันติสุข ซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติของท่าน ท่านมีความพึงพอใจได้อย่างไร ก็โดยการวางใจในพระคริสต์ “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ข้อ 13)

เราทุกคนต้องเผชิญความท้าทายที่แตกต่างกันตลอดชีวิตของเรา เราสามารถมุ่งหวังความช่วยเหลือ กำลัง และสันติสุขในพระเยซูได้ทุกเวลา พระองค์จะทรงช่วยเราให้สามารถอดกลั้นไม่ตะคอกใส่คนที่เรารัก พระองค์จะทรงมอบความกล้าให้เราที่จะทำงานชิ้นต่อไปที่ยากขึ้น ให้เราพึ่งพาในพระองค์และพบกับความพึงพอใจ

ความปรารถนาอันแรงกล้าในชีวิตคุณ

เย็นวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ผมและภรรยาพร้อมด้วยเพื่อนอีกสองคนเดินตามเส้นทางเพื่อลงจากเขา เส้นทางนั้นแคบและคดเคี้ยวไปตามเขาที่ลาดชันซึ่งด้านหนึ่งเป็นเหวลึก อีกด้านหนึ่งเป็นผนังหินที่ไม่สามารถปีนได้

เมื่อพวกเราเดินมาถึงทางโค้ง ผมเห็นหมีตัวใหญ่กำลังเดินสะบัดหัวไปมาพร้อมกับส่งเสียงคำรามเบาๆอย่างฉุนเฉียว พวกเราอยู่ใต้ลมทำให้มันไม่รู้ถึงการมาของเรา แต่มันคงจะรู้ในไม่ช้า

เพื่อนของเราเริ่มควานหากล้องในเสื้อแจ็คเก็ตของเธอ “โอ้ ฉันต้องถ่ายรูปมัน!” เธอพูด ด้วยความไม่สบายใจกับเรื่องไม่คาดคิด ผมพูดว่า “ไม่ เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” พวกเราจึงถอยกลับอย่างเงียบเชียบจนพ้นสายตา และเริ่มวิ่ง

นั่นคือสิ่งที่เราควรรู้สึกเกี่ยวกับอันตรายจากความปรารถนาที่อยากจะร่ำรวย เงินทองไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย มันเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อการแลกเปลี่ยน แต่ผู้ที่ ปรารถนาจะร่ำรวยนั้น เปาโลบอกว่าเขาจะ “ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวนและติดบ่วงแร้วและในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิดและเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งทำให้คนเราต้องถึงความพินาศเสื่อมสูญไป” (1 ทธ.6:9) ทรัพย์สมบัติเป็นเพียงตัวกระตุ้นให้เราอยากได้อยากมีมากขึ้น

ในทางกลับกันเราควรจะ “มุ่งมั่นในความชอบธรรม ในทางของพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทน และความอ่อนสุภาพ” (ข้อ 11) คุณลักษณะเหล่านี้จะเติบโตขึ้นในตัวเราเมื่อเราแสวงหาและทูลขอพระเจ้าให้ทรงสร้างคุณลักษณะเหล่านี้ในตัวเรา นี่คือวิธีที่เราจะรักษาความอิ่มเอมใจซึ่งได้จากการแสวงหาพระเจ้าเอาไว้ได้

การปกป้องของพระเจ้า

เข็ม นม เห็ด ลิฟท์ ภาพการเกิด ผึ้ง และผึ้งในเครื่องปั่น นี่เป็นเพียงบางส่วนของโรคหวาดวิตกของเอเดรียน มั้งค์ ผู้เป็นนักสืบและตัวละครหลักของรายการโทรทัศน์ที่ชื่อว่า มั้งค์ แต่เมื่อเขาและคู่ปรับตลอดกาลของเขาฮาร์โรลด์ เครนชอว์ ถูกขังอยู่ในกระโปรงหลังรถด้วยกัน มั้งค์สามารถเอาชนะความกลัวของเขาอย่างน้อยหนึ่งอย่าง นั่นคือความกลัวที่แคบ

ขณะที่มั้งค์และฮาร์โรลด์กำลังหวาดกลัว ในทันใดมีการสำแดงบางอย่างขัดจังหวะความกลัวของมั้งค์ “ผมคิดว่าเรากำลังมองสิ่งนี้ผิดไป” มั้งค์บอกฮาร์โรลด์ “กระโปรงรถ ผนังรอบตัวเรา...มันไม่ได้กำลังปิดทับเรา...แต่จริงๆแล้วมันกำลังปกป้องเราอยู่ พวกมันกำลังกันเราจากสิ่งเลวร้าย...เชื้อโรค งู และหีบเพลงปาก” ฮาร์โรลด์ตาเบิกกว้างด้วยความเข้าใจสิ่งที่เขาพูด และกระซิบกลับด้วยความอัศจรรย์ใจว่า “กระโปรงรถเป็นเพื่อนของเรา”

ในสดุดีบทที่ 63 ดูเหมือนว่าดาวิดได้รับการสำแดงที่คล้ายคลึงกัน แม้จะอยู่ใน “ดินแดนที่แห้งและอ่อนโหย ที่ที่ไม่มีน้ำ” เมื่อดาวิดระลึกถึงฤทธานุภาพ พระสิริ และความรักของพระเจ้า (ข้อ 1-3) ทะเลทรายก็ได้กลายเป็นสถานที่แห่งการดูแลและปกป้องของพระเจ้า ดังเช่นลูกนกที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ปีกของแม่ ดาวิดพบว่าเมื่อท่านยึดมั่นในพระเจ้า แม้ในที่กันดารท่านสามารถเฉลิมฉลองอย่าง “อิ่มหนำดังกินเนื้ออย่างดีและไขมัน” (ข้อ 5) และพบการเลี้ยงดูและเสริมกำลังในความรักที่ “ดีกว่าชีวิต” (ข้อ 3)

มรดกแห่งความกรุณา

มาร์ธาทำงานเป็นผู้ช่วยครูที่โรงเรียนประถมมากว่าสามสิบปี ทุกปีเธอจะเก็บเงินเพื่อซื้อเสื้อโค้ท ผ้าพันคอ และถุงมือใหม่ๆให้เด็กที่ขาดแคลน หลังจากที่เธอพ่ายแพ้ให้กับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว พวกเราได้จัดการนมัสการเพื่อเฉลิมฉลองและระลึกถึงชีวิตของเธอ แทนการมอบดอกไม้ ผู้คนต่างบริจาคเสื้อโค้ทใหม่หลายร้อยตัวเพื่อมอบให้กับเด็กนักเรียนที่เธอรักและรับใช้มาหลายสิบปี หลายคนได้แบ่งปันเรื่องราวและวิธีมากมายที่มาร์ธาหนุนใจคนอื่นด้วยคำพูดที่เมตตาและการกระทำที่สำแดงความห่วงใย เพื่อนครูต่างยกย่องและระลึกถึงเธอด้วยการจัดระดมทุนเพื่อบริจาคเสื้อโค้ทติดต่อกันถึงสามปีหลังจากเธอเสียชีวิต มรดกแห่งความกรุณาของเธอยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆรับใช้ผู้ยากไร้ด้วยใจกว้างขวาง

ในพระธรรมกิจการบทที่ 9 อัครทูตลูกาได้เล่าเรื่องราวของโดรคัส หญิงผู้ “กระทำการอันเป็นคุณประโยชน์และให้ทานมามากแล้ว” (ข้อ 36) หลังจากที่เธอป่วยและเสียชีวิต บรรดาผู้โศกเศร้าได้ขอให้เปโตรมาเยี่ยม กลุ่มหญิงม่ายได้พาเปโตรไปดูชีวิตการรับใช้ของโดรคัส (ข้อ 39) ด้วยความรักอันอัศจรรย์ของพระเจ้า เปโตรได้ทำให้โดรคัสกลับมีชีวิตอีกครั้ง ข่าวการฟื้นจากความตายของโดรคัสได้แพร่ออกไป และ “คนเป็นอันมากพากันมาเชื่อถือองค์พระผู้เป็นเจ้า” (ข้อ 42) แต่เป็นเพราะความทุ่มเท และลงมือปฏิบัติรับใช้ผู้อื่นของโดรคัสที่สามารถแตะต้องจิตใจผู้คนในชุมชนของเธอ และเผยให้เห็นพลังแห่งความมีน้ำใจที่เปี่ยมด้วยความรัก

พระองค์ทรงได้ยินเรา

บ่อยครั้งที่ประธานาธิบดีสหรัฐ แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ต้องทนกับแถวต้อนรับอันยาวเหยียดที่ทำเนียบขาว มีเรื่องเล่ากันว่าเขาเคยบ่นว่าไม่มีใครตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด ดังนั้นเขาจึงทำการทดลองที่แผนกต้อนรับโดยพูดกับทุกคนที่เดินแถวผ่านและจับมือด้วยว่า “ผมฆ่าคุณยายของผมเมื่อเช้านี้” แขกหลายคนตอบสนองด้วยวลีเช่น “เยี่ยมไปเลย ทำดีต่อไป ขอพระเจ้าอวยพรท่านครับ”แขกในแถวเกือบจะหมดแล้วแต่ยังไม่มีใครสนใจฟังสิ่งที่เขาพูดยกเว้นท่านทูตจากประเทศโบลิเวีย ท่านทูตกระซิบกลับด้วยความงงงวยว่า “ผมมั่นใจว่าเธอสมควรจะโดนแบบนั้น”

คุณเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่าผู้คนฟังสิ่งที่คนอื่นพูดจริงๆ หรือแย่กว่านั้นคุณเคยกลัวว่าพระเจ้าไม่ทรงฟังคุณหรือไม่ เราสามารถบอกได้ว่าคนอื่นฟังสิ่งที่เราพูดโดยดูจากการตอบสนองของเขาหรือการสื่อสารทางสายตา แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าทรงฟังเรา เราจะอาศัยเพียงความรู้สึกได้ไหม หรือดูว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเราหรือไม่

เจ็ดสิบปีหลังจากตกเป็นเชลยในบาบิโลน พระเจ้าทรงสัญญาจะนำประชากรของพระองค์กลับมาเยรูซาเล็มและให้ความมั่นใจในอนาคตของพวกเขา (ยรม.29:10-11) เมื่อเขาร้องหาพระองค์ พระองค์ทรงได้ยิน (ข้อ 12) พวกเขารู้ว่าพระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของพวกเขาเพราะพระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงฟัง และนี่ก็เป็นจริงสำหรับพวกเราเช่นกัน (1 ยน.5:14) เราไม่จำเป็นต้องอาศัยความรู้สึกหรือรอสัญญาณอะไรเพื่อจะรู้ว่าพระเจ้าฟังเรา พระองค์สัญญาว่าจะทรงฟัง และพระองค์ทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์เสมอ (2 คร.1:20)

บุตรของพระเจ้า

ผมเคยพูดในการประชุมของคู่แต่งงานที่ไม่มีลูกครั้งหนึ่ง ผู้เข้าร่วมหลายคน ที่หัวใจสลายจากการไม่มีลูกรู้สึกหมดหวังกับอนาคต ผมพยายามให้กำลังใจพวกเขาเพราะผมเองก็ไม่มีลูกเช่นกัน “พวกคุณสามารถมีชีวิตที่มีความหมายได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อหรือแม่” ผมพูด “ผมเชื่อว่าพวกคุณถูกสร้างอย่างมหัศจรรย์และน่าครั่นคร้าม และมีจุดมุ่งหมายใหม่ให้พวกคุณค้นหา”

หลังจากนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาผมพร้อมน้ำตา “ขอบคุณ” เธอพูด “ฉันรู้สึกไร้ค่ามาตลอดเพราะไม่มีลูก และต้องได้ยินว่าฉันถูกสร้างมาอย่างมหัศจรรย์และน่าครั่นคร้าม” ผมถามว่าเธอเชื่อในพระเยซูใช่ไหม “ฉันละทิ้งพระเจ้าเมื่อหลายปีก่อน” เธอกล่าว “แต่ฉันต้องมีความสัมพันธ์กับพระองค์อีกครั้ง”

เหตุการณ์เช่นนี้เตือนผมถึงความลึกซึ้งของพระกิตติคุณ สถานะบางอย่างเช่น “แม่” และ “พ่อ” เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเป้าหมาย สถานะอื่นๆในด้านอาชีพการงานอาจหายไปจากการถูกเลิกจ้าง แต่โดยทางพระเยซูเราได้กลายเป็น “บุตรที่รัก” ของพระเจ้า ซึ่งเป็นสถานะที่ไม่มีใครขโมยไปได้ (อฟ.5:1) และเมื่อนั้นเราจะสามารถ “ดำเนินชีวิตในความรัก” อันเป็นจุดมุ่งหมายของชีวิตที่อยู่เหนือบทบาทและตำแหน่งหน้าที่ใดๆ (ข้อ 2)

มนุษย์ทุกคนล้วน “มหัศจรรย์และน่าครั่นคร้าม” (สดด.139:14 TNCV) และทุกคนที่ติดตามพระเยซูจะกลายเป็นบุตรของพระเจ้า (ยน.1:12-13) ผู้หญิงคนนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยสิ้นหวังได้จากไปพร้อมความหวังที่จะค้นหาตัวตนและจุดมุ่งหมายซึ่งใหญ่กว่าที่โลกนี้จะให้ได้

แบ่งปันความเชื่อของคุณ

เมื่อนักเขียนและผู้ประกาศเบ็คกี้ พิปเพิร์ทอาศัยอยู่ที่ประเทศไอร์แลนด์ เธอปรารถนาจะแบ่งปันข่าวประเสริฐของพระเยซูกับเฮเธอร์ซึ่งทำเล็บให้เธอมานานสองปี แต่เฮเธอร์ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจแม้แต่น้อย เบ็คกี้ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร เธอจึงอธิษฐานก่อนถึงเวลานัดหมาย

ขณะที่เฮเธอร์กำลังทำเล็บให้เธอ เบ็คกี้เปิดดูนิตยสารเก่าและหยุดที่รูปของนางแบบคนหนึ่ง เมื่อเฮเธอร์ถามว่าทำไมเธอดูตกตะลึง เบ็คกี้บอกว่านางแบบคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเธอซึ่งเคยขึ้นปกนิตยสารโว้คเมื่อหลายปีก่อน เบ็คกี้ได้เล่าเรื่องการมาเชื่อพระเจ้าของเพื่อนบางคน ซึ่งเฮเธอร์ฟังอย่างตั้งใจ

เบ็คกี้ต้องออกเดินทาง และเมื่อเธอกลับมาไอร์แลนด์จึงได้รู้ว่าเฮเธอร์ย้ายไปอยู่ที่อื่น เบ็คกี้ตรึกตรองว่า “ฉันได้ขอให้พระเจ้าเปิดโอกาสที่จะแบ่งปันข่าวประเสริฐ และพระองค์ทรงเปิดโอกาสนั้นแล้ว”

เบ็คกี้ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในความอ่อนแอของเธอโดยได้รับแรงบันดาลใจจากอัครทูตเปาโล เมื่อเปาโลอ่อนแอและอ้อนวอนพระเจ้าให้เอาหนามออกจากเนื้อของท่าน พระเจ้าตรัสว่า “การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” (2 คร.12:9) เปาโลเรียนรู้ที่จะพึ่งพิงพระเจ้าในทุกๆเรื่องทั้งเรื่องใหญ่และเล็ก

เมื่อเราพึ่งพาพระเจ้าให้ช่วยเราที่จะรักผู้คนที่อยู่รอบข้าง เราจะเห็นโอกาสในการแบ่งปันความเชื่อของเราเช่นกัน

ลองจินตนาการดูสิ!

ในระหว่างรายการโทรทัศน์ยอดนิยมเกี่ยวกับการปรับปรุงบ้าน ผู้ชมมักจะได้ยินพิธีกรพูดบ่อยๆว่า “ลองจินตนาการดูสิ!” จากนั้นเธอจะเปิดให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อของเก่าได้รับการบูรณะและกำแพงกับพื้นสีซีดจางที่ทาสีใหม่ ในตอนหนึ่งหลังจากการซ่อมแซม เจ้าของบ้านเต็มไปด้วยความยินดีพร้อมกับพรั่งพรูว่า “มันสวยมาก!” ถึงสามครั้ง

หนึ่งในการ “ลองจินตนาการดูสิ!” อันน่าทึ่งปรากฏในพระธรรมอิสยาห์ 65:17-25 ช่างเป็นภาพการเนรมิตสร้างขึ้นใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ! ภาพการสร้างฟ้าสวรรค์และโลกใหม่ปรากฏให้เห็น (ข้อ 17) และไม่ใช่เพียงพื้นผิวแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงและรักษาชีวิตที่ลึกซึ้งและเป็นจริง “เขาจะสร้างบ้านและเข้าอาศัยอยู่ในนั้น เขาจะปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน” (ข้อ 21) การทำลายจะกลายเป็นอดีต “มันทั้งหลายจะไม่ทำอันตรายหรือทำลายทั่วภูเขาบริสุทธิ์ของเรา” (ข้อ 25)

ขณะที่ภาพการเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏในอิสยาห์บทที่ 65 แสดงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่พระเจ้าผู้ทรงควบคุมเหนือการฟื้นฟูสภาพของจักรวาลทรงกำลังทำภารกิจแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต อัครทูตเปาโลได้ยืนยันกับเราว่า “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 คร.5:17) คุณต้องการได้รับการฟื้นฟูหรือไม่ ชีวิตของคุณแตกสลายเพราะความสงสัย ไม่เชื่อฟังและความเจ็บปวดอยู่ไหม การเปลี่ยนแปลงชีวิตผ่านทางพระเยซูนั้นเป็นจริง งดงาม และพร้อมที่จะให้กับทุกคนที่ทูลขอและเชื่อในพระองค์เสมอ

พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่น

ออเบรย์ซื้อเสื้อโค้ทขนสัตว์ตัวหนึ่งให้พ่อที่อายุมากแล้ว แต่พ่อของเธอเสียชีวิตก่อนจะได้ใส่เสื้อตัวนั้น เธอจึงบริจาคเสื้อตัวนั้นเพื่อการกุศลโดยเขียนข้อความหนุนใจใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อพร้อมกับเงิน 20 เหรียญ

ห่างออกไปราว 145 กิโลเมตร เคลลี่เด็กหนุ่มอายุ 19 ปีไม่สามารถทนสภาพครอบครัวที่แตกสลายได้อีกต่อไป เขาออกจากบ้านโดยไม่ได้เอาเสื้อโค้ทติดตัวไป เขารู้จักที่เพียงแห่งเดียวที่พอจะพึ่งได้คือบ้านของคุณยายซึ่งอธิษฐานเผื่อเขาเสมอ หลายชั่วโมงต่อมาเขาก้าวลงจากรถประจำทางเข้าสู่อ้อมกอดของยาย เพื่อป้องกันเขาจากลมหนาวยายบอกว่า “เราต้องหาเสื้อโค้ทให้เธอ” ที่ศูนย์สงเคราะห์ เคลลี่ลองใส่เสื้อตัวที่เขาชอบ เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและพบซองจดหมายที่มีเงิน 20 เหรียญและข้อความของออเบรย์

ยาโคบหนีจากครอบครัวที่แตกแยกเพราะความกลัวตาย (ปฐก.27:41-45) เมื่อท่านหยุดพักในเวลากลางคืน พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ต่อยาโคบในความฝัน “เราอยู่กับเจ้า และจะพิทักษ์รักษาเจ้าทุกแห่งหนที่เจ้าไป” พระเจ้าตรัสกับท่าน (28:15) ยาโคบปฏิญาณว่า “ถ้าพระเจ้าทรง...ประทานอาหารให้ข้าพระองค์รับประทาน และเสื้อผ้าให้ข้าพระองค์สวม...พระเยโฮวาห์จะทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์” (ข้อ 20-21)

ยาโคบตั้งเสาศักดิ์สิทธิ์และเรียกที่นั่นว่า “ที่ประทับของพระเจ้า” (ข้อ 22)เคลลี่พกข้อความของออเบรย์และเงิน 20 เหรียญติดตัวไปทุกแห่ง ทั้งสองเรื่องเป็นเครื่องเตือนใจว่า ไม่ว่าเราจะหนีไปที่ใดพระเจ้าทรงอยู่ที่นั่นด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา