Month: กุมภาพันธ์ 2021

ใครควบคุมอยู่

ขณะกำลังฝึกหัดขับรถในเมืองเชนไนประเทศอินเดีย ผมต้องฝ่าการจราจรยามเช้า ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เมื่อถึงจุดหนึ่งผมเกิดอาการตื่นตระหนกและเผลอไปเหยียบคันเร่งแทนที่จะแตะเบรก ผมตกใจมากขณะที่รถพุ่งไปข้างหน้า จากนั้นก็กระตุกและหยุดลง ครูสอนขับรถจึงเหยียบเบรกจากที่นั่งข้างคนขับที่เขานั่งอยู่ ขณะที่ผมมีอาการตื่นตระหนก ครูของผมกลับสงบนิ่ง

มาระโก 4:35-41 บรรยายภาพเหล่าสาวกที่ตื่นตระหนกท่ามกลางพายุขณะที่พระเยซูทรงนอนหลับ จนกระทั่งพวกสาวกมาปลุกพระองค์จึงทรงลุกขึ้นห้ามพายุ พระเยซูทรงสงบอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อเหล่าสาวกซึ่งเป็นชาวประมงที่ช่ำชอง และน่าจะเคยเจอพายุที่มาอย่างฉับพลันกลับเต็มไปด้วยความวิตก

พระเยซูทรงสงบนิ่งได้ก็เพราะพระองค์ทรงควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ พระเจ้าของเรานั้นทรงฤทธานุภาพสูงสุดและมีอำนาจเหนือสิ่งทรงสร้างและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น รวมถึงสถานการณ์ที่เราเผชิญ ไม่มีสถานการณ์ใดที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของพระองค์ พระเยซูสามารถทำให้พายุสงบลงได้ฉันใด (ข้อ 39) พระองค์ก็สามารถนำเราฝ่าวิกฤติปัญหาไปได้ฉันนั้น

วันนี้หากคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว จงจำไว้ว่าพระเยซูทรงควบคุมทุกสิ่ง พระองค์ไม่เพียงแต่นำสันติสุขและความสงบมาสู่จิตใจคุณ แต่ยังช่วยให้คุณรอดพ้นจากพายุได้

โควิด-19 ทำคุณเครียดแค่ไหน?

ประเมินความเครียด

ประเมินความเครียด ฟังวิธีแก้ไข และรับกำลังใจ

มองขึ้นข้างบน

เจ้าหมึกตาโปนอาศัยอยู่ใน “แดนสนธยา” ของมหาสมุทร ซึ่งแสงแดดแทบจะส่องทะลุระดับน้ำที่ลึกมากลงไปไม่ถึง ชื่อเล่นของปลาหมึกตัวนี้มาจากดวงตาทั้งสองข้างของมันที่แตกต่างกันอย่างมาก โดยตาซ้ายของมันค่อยๆโตขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปจนมีขนาดใหญ่กว่าตาขวาเกือบสองเท่า นักวิทยาศาสตร์สรุปว่าปลาหมึกใช้ตาขวาซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเพื่อมองฝ่าความมืดในน้ำลึก ขณะที่ตาซ้ายซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าจะใช้มองขึ้นไปด้านบนที่มีแสงแดดส่องมา

เจ้าปลาหมึกนี้เป็นภาพที่ดูไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เหมือนกับการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ของเราและอนาคตอันแน่นอนที่เรารอคอยอยู่ในฐานะผู้ที่ถูก “ชุบให้เป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์” (คส.3:1) ในจดหมายของเปาโลถึงชาวเมืองโคโลสี ท่านยืนยันว่าเราควร “เอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน” เพราะชีวิตของเราถูก “ซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า” (ข้อ 2-3)

ในฐานะผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกซึ่งกำลังรอคอยชีวิตในสวรรค์ เราฝึกฝนที่จะจับตาดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน แต่เช่นเดียวกับตาซ้ายของปลาหมึกที่โตขึ้นตามกาลเวลาจนมีขนาดใหญ่และไวต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเหนือตัวมัน เราก็สามารถรับรู้ได้มากขึ้นถึงวิธีการที่พระเจ้าทรงกระทำกิจของพระองค์ในมิติฝ่ายวิญญาณ เราอาจจะยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ในพระเยซู แต่เมื่อเรามอง “ขึ้นข้างบน” ดวงตาของเราจะเริ่มมองเห็นความหมายนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ

วางใจในความสว่าง

พยากรณ์อากาศบอกว่าจะเกิดพายุไซโคลนระเบิด ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อพายุฤดูหนาวทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่ความกดอากาศลดลง พอตกกลางคืนพายุหิมะทำให้ทัศนวิสัยบนทางหลวงที่ไปยังสนามบินเดนเวอร์แย่ลงจนเกือบจะมองไม่เห็นทาง แต่เมื่อคนที่บินกลับมาเยี่ยมบ้านเป็นลูกสาวคุณเอง คุณจะทำทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้ เช่น สำรองเสื้อผ้าและน้ำเผื่อไว้ (ในกรณีที่คุณต้องติดอยู่บนทางหลวง) ขับรถให้ช้าที่สุด อธิษฐานไปตลอดทาง และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่น้อยคือ วางใจในไฟหน้ารถของคุณ และบางครั้งคุณจะสามารถทำในสิ่งที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้

พระเยซูทรงพยากรณ์ถึงพายุที่กำลังจะมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ (ยน.12:31-33) และอีกลูกหนึ่งเป็นการท้าทายสาวกของพระองค์ให้คงไว้ซึ่งความสัตย์ซื่อและปรนนิบัติพระองค์ต่อไป (ข้อ 26) สถานการณ์กำลังมืดมนลงจนเกือบจะมองไม่เห็น พระเยซูบอกให้พวกเขาทำอะไร ทรงบอกว่าจงเชื่อหรือวางใจในความสว่าง (ข้อ 36) นั่นเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะสามารถเดินหน้าต่อไปและคงไว้ซึ่งความสัตย์ซื่อ

พระเยซูจะอยู่กับพวกเขาอีกเพียงไม่นาน แต่ผู้เชื่อมีองค์พระวิญญาณผู้ทรงเป็นแสงส่องนำทางเราไปตลอด เราเองก็จะเผชิญกับช่วงเวลาที่มืดมิดจนเกือบจะมองไม่เห็นหนทางข้างหน้า แต่โดยการเชื่อหรือไว้วางใจในความสว่าง เราจะเดินหน้าต่อไปได้

เรียกสิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา

ที่ร้านขายโทรศัพท์ ศิษยาภิบาลหนุ่มเตรียมฟังข่าวร้ายหลังจากที่เขาทำสมาร์ทโฟนหล่นระหว่างที่เรียนพระคัมภีร์ นั่นหมายความว่าเขากำลังสูญเสียทุกสิ่งใช่หรือไม่ เปล่าเลย พนักงานในร้านสามารถกู้ข้อมูลรวมทั้งวีดีโอและภาพในพระคัมภีร์กลับคืนมาได้หมด แถมยังกู้ “ทุกภาพที่ผมเคยลบออกไป” ให้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นทางร้านยัง “ให้โทรศัพท์เครื่องใหม่แทนเครื่องเก่าที่ผมทำพังอีกด้วย” เขาบอกว่า “สิ่งที่ผมได้คืนมานั้นมากกว่าสิ่งที่ผมสูญเสียไปซะอีก”

ดาวิดเคยเป็นผู้นำในการช่วยกู้เชลยจากมือของคนอามาเลข หลังจากที่ถูกผู้นำชาวฟีลิสเตียดูหมิ่น ดาวิดและกองทัพของท่านก็เดินทางกลับมาและพบว่า ชาวอามาเลขได้บุกโจมตีและเผาทำลายเมืองศิกลากของพวกเขาจนสิ้น อีกทั้งจับ “ผู้หญิงกับทุกคนที่อยู่ในนั้น” ไปเป็นเชลย รวมทั้งภรรยาและลูกๆของพวกเขา (1 ซมอ.30:2-3) “แล้วดาวิดกับประชาชนที่อยู่กับท่านก็ร้องไห้เสียงดังจนเขาไม่มีกำลังจะร้องไห้อีก” (ข้อ 4) พวกทหารต่างพากันขมขื่นกับดาวิดจนถึงกับพูดกันว่าจะ “ขว้างท่านเสียด้วยก้อนหิน” (ข้อ 6)

“แต่ดาวิดก็มีกำลังขึ้นในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน” (ข้อ 6) ตามที่พระเจ้าสัญญาไว้ ดาวิดได้ติดตามคนอามาเลขไปและ “ได้สิ่งของต่างๆที่คนอามาเลขริบคืนมาทั้งหมด...ไม่มีอะไรขาดจากท่านไปเลย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ บุตรชายหรือบุตรหญิง ในสิ่งที่ริบไปหรือสิ่งที่เขาเหล่านั้นเอาไป ดาวิดได้คืนมาหมด”(ข้อ 18-19) เมื่อเราเผชิญกับการโจมตีฝ่ายวิญญาณซึ่ง “ปล้น” แม้กระทั่งความหวังไปจากเรา ขอให้เราได้พบกำลังที่เข้มแข็งในพระเจ้า พระองค์จะอยู่กับเราในทุกความท้าทายของชีวิต

คุณมีชื่อเสียงในเรื่องใด

ในการแข่งขันกีฬาระดับมัธยม เท็ดเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่ตัวใหญ่และเสียงดังที่สุดบนอัฒจันทร์ เขาสูงเกือบ 2 เมตรและหนัก 130 กิโลกรัมก่อนที่สุขภาพของเขาจะแย่ลง เพลงเชียร์ “สีฟ้า!” (ซึ่งเป็นสีของโรงเรียน) ที่มีพลังและลีลาการโยนขนมหวานในงานโรงเรียนของเท็ดกลายเป็นตำนานที่ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “ยักษ์ใหญ่สีฟ้า”

ชื่อเสียงของเท็ดไม่ได้มีแค่เรื่องการนำเชียร์ หรือเรื่องที่เขาติดเหล้าในสมัยหนุ่มๆ แต่เขาเป็นที่จดจำเพราะความรักที่เขามีต่อพระเจ้าและครอบครัว รวมทั้งความมีน้ำใจและความเมตตาของเขา ในพิธีไว้อาลัยซึ่งใช้เวลา 4 ชั่วโมงแขกที่มางานคนแล้วคนเล่าต่างเป็นพยานถึงชีวิตที่เหมือนพระคริสต์ของชายผู้ซึ่งได้รับการไถ่ออกมาจากความมืดโดยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู

ในเอเฟซัส 5:8 เปาโลเตือนผู้เชื่อว่า “เมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างแล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง” นั่นคือสิ่งที่ท่านเรียกร้องจากผู้เชื่อทุกคนในพระเยซู ลูกของความสว่างเช่นเท็ดมีเรื่องมากมายที่จะบอกกับผู้คนซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยความมืดของโลกนี้ จงหลีกเลี่ยงจาก “กิจการของความมืดอันไร้ผล” (ดูข้อ 3-4, 11) ผู้คนในชุมชนของเราและทั่วโลกต้องการพยานที่เจิดจ้าและแตกต่าง ผู้ซึ่งความสว่างของพระเยซูได้ส่องลงมาบนเขา (ข้อ 14) แล้วต้องแตกต่างอย่างไรหรือ ก็เช่นเดียวกับที่ความสว่างแตกต่างจากความมืด

เราเป็น

การตั้งชื่อเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อเด็ก บริษัท หรือสัตว์เลี้ยง พ่อแม่ นักธุรกิจ และครอบครัวต่างใช้สมองในการเลือกชื่อที่สมบูรณ์แบบ คนส่วนใหญ่ที่พยายามเลือกชื่อที่ดีเยี่ยมไปจนถึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็เพื่อให้ได้ชื่อที่มีความหมายดีๆ ตัวอย่างเช่นชื่อในภาษาจีนของฉัน ซึ่งเกิดจากความปรารถนาของพ่อแม่ที่ต้องการให้ฉันเป็นคนฉลาด

ในสมัยพระคัมภีร์ชื่อก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง โมเสสตระหนักถึงความสำคัญของชื่อ เมื่อพระเจ้าพบท่านตรงพุ่มไม้ที่ลุกโชน และมอบภารกิจให้ท่านช่วยกู้ชนชาติอิสราเอลจากฟาโรห์ ท่านทูลถามพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงพระนามว่ากระไร” (ดูอพย.3:13) พระเจ้าตอบว่า “เราเป็น” (ข้อ 14) ซึ่งหมายถึงพระเจ้าผู้เป็นนิรันดร์ทรงดำรงอยู่ก่อนและทรงอยู่ได้ด้วยพระองค์เอง ทรงครอบคลุมทุกสิ่งและไร้ขีดจำกัด พระองค์ทรงมีอำนาจสูงสุดแต่ผู้เดียวในจักรวาล พระองค์ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งใดเพื่อจะดำรงอยู่ พระองค์ทรงเป็นเหมือนเดิมวานนี้ วันนี้และตลอดไป ไม่มีสิ่งใดทำให้พระองค์มีพระลักษณะที่เปลี่ยนไปหรือยอมผ่อนปรนในเรื่องความซื่อตรงและชอบธรรม

พระนามของพระเจ้าเป็นรากฐานอันมั่นคงของการที่เราเชื่อมั่นในความสัตย์ซื่อของพระองค์ การเข้าใจพระนามของพระเจ้าจะช่วยให้เราไว้วางใจพระองค์ในชีวิตประจำวันและในหน้าที่ที่เรารับผิดชอบ เพราะเรารู้ว่า “เราเป็น” ผู้ไร้ขีดจำกัดทรงอยู่กับเราและพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ลงทุนในความเชื่อ

ในวันคริสต์มาสปีที่ 12 เด็กชายตั้งตารอเวลาที่จะได้เปิดของขวัญใต้ต้นคริสต์มาส เขาอยากได้รถจักรยานคันใหม่ แต่ความหวังนั้นต้องมลายเมื่อของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาได้รับคือ พจนานุกรม ซึ่งมีข้อความเขียนไว้ในหน้าแรกว่า “แด่ชาร์ลส์ จากพ่อและแม่ ปี 1958 ด้วยรักและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกจะมีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

ในช่วงสิบปีหลังจากนั้นเขามีผลการเรียนที่ดี จบมหาวิทยาลัยและจบการฝึกด้านการบินในเวลาต่อมา เขาเป็นนักบินในต่างประเทศซึ่งช่วยเติมเต็มความปรารถนาที่จะให้ความช่วยเหลือและแบ่งปันเรื่องของพระเยซูกับผู้ที่ขัดสน ราว 60 ปีแล้วที่เขาได้รับของขวัญชิ้นนั้น เขาได้แบ่งปันพจนานุกรมเก่าแก่เล่มนี้กับหลานๆ มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของการลงทุนด้วยความรักสำหรับอนาคตของเขาจากพ่อและแม่ เขายังคงให้คุณค่ากับมัน และเขายิ่งขอบคุณพระเจ้าที่พ่อแม่ได้ลงทุนสร้างความเชื่อโดยสอนเรื่องของพระเจ้าและพระคัมภีร์ให้เขาทุกวัน

เฉลยธรรมบัญญัติ 11 พูดถึงความสำคัญในการฉวยทุกโอกาสเพื่อแบ่งปันพระคำกับเด็กๆ “ท่านจงสอนถ้อยคำเหล่านี้ แก่บุตรหลานของท่านทั้งหลาย จงพูดถึงถ้อยคำเหล่านี้เมื่อท่านอยู่ในเรือน และเมื่อท่านเดินอยู่ตามทาง เมื่อท่านนอนลง หรือลุกขึ้น” (ข้อ 19)

สำหรับชาร์ลส์ค่านิยมในเรื่องนิรันดร์กาลที่เขาถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กนั้นได้เบ่งบานเป็นการรับใช้พระผู้ช่วยให้รอดในตลอดชีวิตของเขา โดยพระเจ้า ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เราลงทุนไปเพื่อช่วยใครบางคนให้เติบโตฝ่ายวิญญาณ จะเกิดดอกออกผลมากแค่ไหน

รอคอยพระพร

ร้านอาหารยอดนิยมในกรุงเทพเสิร์ฟน้ำซุปที่ทำจากน้ำต้มกระดูกซึ่งผ่านการปรุงรสมาเป็นเวลานานถึง 45 ปี และมีการเติมใหม่ทุกวัน กรรมวิธีในการตุ๋นหรือเคี่ยวอย่างต่อเนื่องยาวนานนี้มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง เช่นเดียวกับที่ “ของเหลือ” บางอย่างมักมีรสดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เวลาในการปรุงที่ยาวนานก็จะช่วยผสมผสานและสร้างรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับอาหาร ร้านแห่งนี้ชนะรางวัลน้ำซุปที่อร่อยที่สุดในประเทศไทยหลายรางวัลด้วยกัน

สิ่งดีมักต้องใช้เวลา แต่ธรรมชาติมนุษย์มักมีปัญหาเรื่องความอดทน คำถามที่ว่า “อีกนานแค่ไหน” จึงปรากฏอยู่ทั่วพระคัมภีร์ ตัวอย่างเช่นผู้เผยพระวจนะฮาบากุกผู้เริ่มต้นหนังสือของท่านด้วยคำถามที่ว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะร้องทุกข์นานสักเท่าใด และพระองค์มิได้ทรงฟัง” (ฮบก.1: 2) ฮาบากุก (แปลว่า “นักสู้”) ได้พยากรณ์ถึงการที่พระเจ้าทรงพิพากษาประเทศของท่าน (ยูดาห์) โดยการรุกรานจากอาณาจักรบาบิโลน ท่านปล้ำสู้กับการที่พระเจ้าทรงปล่อยให้คนชั่วเจริญขึ้นโดยการหาประโยชน์จากผู้อื่น แต่พระเจ้าสัญญาว่าความหวังและการฟื้นฟูจะมาในเวลาของพระองค์ “เพราะว่านิมิตนั้นยังรอเวลาของมันอยู่...ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย มันจะบังเกิดขึ้นเป็นแน่ คงไม่ล่าช้านัก” (2:3)

ชาวยิวตกเป็นเชลยในบาบิโลนถึง 70 ปี ซึ่งอาจดูว่านานในสายตาของมนุษย์ แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและรักษาพระดำรัสของพระองค์

พระพรที่ดีที่สุดบางอย่างอาจต้องรอนานกว่าจะได้รับ แม้พระพรนั้นดูเหมือนช้า แต่จงมองไปที่พระองค์! พระองค์ทรงเตรียมพระพรทุกประการด้วยสติปัญญาและการดูแลที่สมบูรณ์แบบ และพระองค์ทรงควรค่าแก่การรอคอยเสมอ

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา