ชีวิตที่ไม่มีใครมองเห็น
หลายปีก่อน ผมได้อ่านบทกวีของจอร์จแมคโดนัลด์ ชื่อ “ชีวิตที่ไม่มีใครมองเห็น” เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่มีสติปัญญาและมีความรู้สูง แต่ได้หันหลังให้กับอาชีพทางการศึกษาที่มีเกียรติ แล้วกลับไปหาพ่อแก่ๆ ที่บ้านไร่และทุ่มเทกับ “งานธรรมดาๆ” และ “การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในรูปแบบเรียบง่าย” เพื่อนๆ ต่างก็บ่นว่าเขาทิ้งความสามารถไปอย่างสูญเปล่า
คืนที่ไม่มีใครมา
คืนหนึ่งในฤดูหนาว นักประพันธ์เพลง โจฮัน เซบาสเตียน บาค มีกำหนดเปิดตัวบทเพลงใหม่ เขามาถึงโบสถ์ด้วยความคาดหวังว่าคนจะเต็มโบสถ์ แต่ตรงกันข้าม กลับไม่มีใครมาเลย แต่เขาก็ไม่ลังเล บาคบอกนักดนตรีว่าให้ทำการแสดงตามที่กำหนดไว้ นักดนตรีประจำที่บาคให้สัญญาณ แล้วโบสถ์อันว่างเปล่าก็ดังกึกก้องไปด้วยเสียงดนตรีอันยิ่งใหญ่อลังการ
ชีวิตออกแบบได้
คำแนะนำที่ผมอ่านจากหนังสือคู่มือเล่มหนึ่งฟังดูเข้าที คือจงทำเฉพาะสิ่งที่คุณทำได้ดีเพราะคุณจะได้รู้สึกพึงพอใจมากที่สุด ผู้เขียนพยายามจะช่วยให้ผู้อ่านสร้างชีวิตในแบบที่ตนเองต้องการ ผมไม่รู้ว่าคุณคิดอย่างไร แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าจะทำเฉพาะสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี ผมคงไม่มีอะไรให้ทำมากนัก!
ยืนหยัดมั่นคง
ในการทำโครงงานชิ้นสุดท้ายของวิชาวิทยาศาสตร์เรื่องเกี่ยวกับโลก ในชั้นมัธยมปลายฉันกับเพื่อนอีกคนทำโต๊ะลำธาร พ่อของฉันช่วยเราต่อกล่องไม้อัดยาวใส่บานพับไว้ตรงกลางบุด้านในด้วยพลาสติกแล้วใส่ทรายเข้าไปให้เต็ม ที่ปลายด้านหนึ่งเราต่อสายยางไว้ ส่วนปลายอีกด้านทำเป็นช่องระบายน้ำ เมื่อประกอบเสร็จ เรายกด้านหนึ่งของโต๊ะลำธารให้สูงขึ้นแล้วเปิดน้ำ และเห็นว่าน้ำไหลเป็นทางไปยังช่องระบายที่อีกด้านหนึ่ง การทดลองขั้นต่อไป คือ การเอาก้อนหินวางขวางลำธารและดูว่ามันทำให้ทิศทางของน้ำเปลี่ยนไปอย่างไร
รับใช้และเป็นพยาน
ขณะที่แกลดิส ไอล์เวิร์ดทำงานเป็นหญิงรับใช้อยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 เธอใฝ่ฝันและตั้งใจว่าจะไปเป็นมิชชันนารีที่ประเทศจีน แต่เมื่อถูกปฏิเสธจากองค์การมิชชันนารีคริสเตียนแห่งหนึ่งว่าเธอ “ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ” เธอจึงตัดสินใจที่จะไปด้วยตนเอง ขณะนั้นเธออายุ 28 ปี เธอนำเงินเก็บสะสมของเธอไปซื้อตั๋วเที่ยวเดียวเพื่อไปยังเหยียนเฉิง หมู่บ้านห่างไกลในประเทศจีน ที่นั่นแกลดิสได้ตั้งโรงแรมเล็กๆ สำหรับกองคาราวานพ่อค้า ทำให้เธอได้แบ่งปันเรื่องราวจากพระคัมภีร์ แกลดิสรับใช้พระเจ้าในหมู่บ้านอื่นๆ จนเป็นที่รู้จักในชื่อจีนว่า “ไอเหว่ยเต๋อ” แปลว่า “ผู้ทรงคุณธรรม”
แพทย์ชนบท
นิยายเรื่องถนนสายหลัก (Main Street) ของซินแคลร์ ลูอิส เล่าเรื่องราวของแครอลสาวสังคมชาวกรุง ซึ่งสมรสกับแพทย์ชนบท เธอคิดว่าตนเองสูงส่งกว่าผู้คนในเมืองเล็กๆ ที่เธอเพิ่งมาอาศัย แต่ปฏิกิริยาของสามีเธอในการรักษาฉุกเฉินครั้งหนึ่ง ท้าทายความถือตัวของเธอ ชาวนาผู้อพยพคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แขน ถึงขั้นต้องตัดแขนทิ้ง เธอมองดูสามีอย่างชื่นชม ขณะที่เขาปลอบโยนชายที่บาดเจ็บและภรรยาที่เสียขวัญของเขา ความอบอุ่นของหมอและทัศนคติในการบริการ ท้าทายหัวใจที่หยิ่งทะนงของแครอล
นกจอมตะกละ
ทุกปี เมื่อฉันเอาที่ให้อาหารนกฮัมมิงเบิร์ดออกมา เจ้านกตัวเล็กจอมวุ่นวายก็จะเริ่มต่อสู้กันเพื่อแย่งตำแหน่งที่จะดูดน้ำหวานแม้จะมีที่นั่งรอบ “โต๊ะ” ถึงสี่ที่ แต่พวกนกก็ยังจะสู้กันเพื่อแย่งที่ที่เพื่อนของมันใช้อยู่ ทั้งที่แหล่งจ่ายอาหารแต่ละจุดก็มาจากที่เดียวกัน คือขวดน้ำหวานที่อยู่ด้านล่างของที่ให้อาหาร ฉันรู้ว่าทุกจุดที่จ่ายน้ำหวานก็เหมือนๆ กัน ฉันจึงส่ายหัวเพราะความตะกละของมัน
สรรเสริญแด่พระเจ้า
เมื่อเจสันได้รับเชิญให้ถวายเพลงในคริสตจักรที่เขาไปเยี่ยม เขายินดีที่ได้รับโอกาสนี้ แม้จะได้รับการขอร้องเพียงไม่กี่นาทีก่อนการนมัสการจะเริ่มขึ้น เขาเลือกเพลงนมัสการซึ่งเป็นที่คุ้นเคยคือเพลง “สรรเสริญแด่พระเจ้า” เพราะเป็นเพลงที่มีความหมายเป็นพิเศษสำหรับเขา เขาซ้อมร้องสองสามรอบที่ใต้ถุนโบสถ์ และร้องโดยไม่มีเครื่องดนตรีประกอบในการนมัสการ
เตรียมพร้อมเสมอ
ขณะที่ลูกชายของผมกลับมาเยี่ยมบ้าน เขามาเคาะประตูห้องทำงานของผมในเช้าวันหนึ่ง และถามว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมบอกเขาว่า “พ่อกำลังเตรียมบทเรียนรวี” และเมื่อคิดได้ว่าผมอยู่แต่ในห้องทำงานทั้งวัน ผมจึงกล่าวว่า “ดูเหมือนพ่อจะมีสิ่งที่ต้องเตรียมอยู่ตลอดเวลา”
ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับโอกาสที่ได้ปรนนิบัติผู้อื่น แม้จะมีความกดดันอยู่บ้างเวลาที่ต้องเตรียมบางสิ่งให้พร้อมสำหรับบางคน และเป็นเรื่องยากที่จะจัดลำดับความสำคัญให้สมดุลภายใต้ความกดดันที่คุณคิดอยู่ตลอดว่าต้องเตรียมบทเรียน คำเทศนา หรือเอกสาร
ผมรู้สึกทึ่งกับแนวคิดที่ว่าเราต้องเตรียมตัวอยู่เสมอ ผมจึงลองศึกษาดูว่าพระคัมภีร์พูดถึงเรื่องนี้ไว้อย่างไร ผมพบว่าพระเจ้าเรียกให้เราเตรียมพร้อมอยู่เสมอ หัวใจที่อุทิศให้กับพระเจ้าจะต้องพร้อมที่จะปรนนิบัติพระองค์ (1 ซมอ.7:3) เราต้องเตรียมพร้อมที่จะทำการดี (2 ทธ.2:21) และปกป้องความจริงของพระกิตติคุณ (1 ปต.3:15) และเปาโลย้ำเตือนเราว่า แม้กระทั่งเมื่อเราอยากจะให้ก็ยังต้องมีการวางแผน (2 คร.9:5)
นี่คือจุดเริ่มต้น การมีชีวิตที่พอพระทัยพระเจ้าจะต้องมีการเตรียมทั้งฝ่ายร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ แต่เราไม่ต้องเครียด เพราะพระองค์จะช่วยเราให้ทำได้โดยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ให้เราทูลขอให้พระเจ้านำขณะที่เราเตรียมตัวที่จะปรนนิบัติ ถวายเกียรติ และบอกผู้อื่นเกี่ยวกับพระองค์ - JDB