เบิกตาของฉัน
ครั้งแรกที่ไปโบสถ์คอราอันงดงามในอิสตันบุล ฉันบอกได้ว่าภาพเขียนสีและงานกระเบื้องโมเสคยุคไบเซนไทน์บนฝาผนังมาจากเรื่องใดในพระคัมภีร์ แต่ก็มีหลายภาพที่ฉันไม่รู้ ครั้งที่สอง ฉันมีมัคคุเทศก์นำทางไปด้วย เขาชี้ให้ฉันเห็นทุกรายละเอียดที่ฉันพลาดไปในครั้งก่อนทำให้ทุกสิ่งก็ดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที เช่น บริเวณทางเดินแถวแรกซึ่งบรรยายถึงชีวิตของพระเยซูตามที่บันทึกไว้ในพระธรรมลูกา
มองที่ขอบฟ้า
ทันทีที่เรือโดยสารเคลื่อนที่ ลูกสาวตัวน้อยก็บ่นว่าเวียนหัว เธอเริ่มเมาเรือ ไม่นานฉันก็รู้สึกเวียนหัวด้วย ฉันเตือนตัวเองให้ “มองที่ขอบฟ้า” คนเดินเรือบอกว่าจะช่วยปรับมุมมองของเรา
เคล็ดลับแห่งสันติสุข
เกรซเป็นสุภาพสตรีที่พิเศษมาก คำที่ฉันคิดได้เมื่อนึกถึงเธอคือ สันติสุขสีหน้านิ่งสงบของเธอไม่ค่อยเปลี่ยนตลอดหกเดือนที่ฉันรู้จักเธอ แม้สามีของเธอจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหายากและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
หวานและขม
บางคนชอบช็อคโกแลตรสขมและบางคนชอบช็อคโกแลตรสหวานชาวมายาโบราณในอเมริกากลางชอบดื่มช็อคโกแลตที่ปรุงรสด้วยพริก พวกเขาชอบดื่มเครื่องดื่มชนิดที่เรียกว่า “น้ำขม” นี้ หลายปีต่อมา เครื่องดื่มนี้แพร่ไปถึงสเปน แต่ชาวสเปนชอบดื่มช็อคโกแลตหวาน จึงเติมน้ำตาลและน้ำผึ้งลงไปเพื่อตัดรสขมธรรมชาติของช็อคโกแลต
จงดูและนิ่งเงียบ
ในบทเพลง “จงมองดูที่พระองค์ (Look at Him)” รูเบน โซเทโล นักประพันธ์ชาวเม็กซิกัน บรรยายถึงพระเยซูถูกตรึงที่กางเขน เขาเชื้อเชิญให้เรามองดูที่พระองค์และนิ่งเงียบ เพราะเราได้แต่นิ่งงันต่อหน้าความรักซึ่งพระองค์ทรงสำแดงบนกางเขน โดยความเชื่อเราจึงคิดภาพตามพระกิตติคุณได้ เราคิดถึงกางเขนและพระโลหิต ตะปูและความเจ็บปวด
เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ คนทั้งปวง “ที่มาชุมนุมกันเพื่อจะดูการณ์นั้น..พากันตีอกของตัวกลับไป” (ลก.23:48) บางคน “ยืนอยู่แต่ไกลมองเห็นเหตุการณ์เหล่านั้น” (ข้อ 49) พวกเขานิ่งเงียบ มีเพียงนายร้อยที่พูดว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นคนชอบธรรม” (ข้อ 47)
มีบทเพลงและบทกลอนที่บรรยายความรักยิ่งใหญ่ เยเรมีย์เขียนไว้หลายปีมาแล้ว ถึงความเจ็บปวดเมื่อเยรูซาเล็มล่มสลาย “ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่เกิดความรู้สึกอะไรบ้างหรือ” (พคค.1:12) ท่านบอกประชาชน เพราะท่านคิดว่าไม่มีความทุกข์ใดใหญ่หลวงเท่ากับทุกข์ของกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ไม่มีการทนทุกข์ใด เทียบได้กับที่พระเยซูต้องทนแบกรับ
เราทุกคนต้องผ่านเส้นทางกางเขน เราจะมองเห็นความรักของพระองค์หรือไม่? อีสเตอร์นี้ ไม่มีบทกวีใดเพียงพอจะขอบพระคุณและอธิบายความรักของพระเจ้าได้ ให้เราใคร่ครวญการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู และกระซิบบอกว่าเรารักพระองค์จากส่วนลึกของจิตใจ
กล้าที่จะสัตย์ซื่อ
ความกลัวอยู่กับฮาดัสสาห์เสมอ ฮาดัสสาห์ซึ่งเป็นตัวละครในนิยายเรื่องเสียงในสายลมของฟรานซีน ริเวอร์ส เป็นหญิงสาวชาวยิวสมัยศตวรรษแรก หลังจากตกเป็นทาสในบ้านชาวโรมัน เธอกลัวว่าจะถูกข่มเหงเพราะความเชื่อ เธอรู้ว่าคริสเตียนถูกรังเกียจและหลายคนถูกฆ่าตายหรือถูกปล่อยให้สู้กับสิงโตในสนามกีฬา เธอจะกล้ายืนหยัดเพื่อความจริงเมื่อถูกทดสอบหรือไม่
ขาวอย่างหิมะ
เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ฉันและครอบครัวไปเที่ยวภูเขา เราอาศัยอยู่ในเขตร้อนชื้นมาตลอดชีวิต จึงเป็นครั้งแรกที่เราเห็นหิมะและความงดงามของมัน ขณะที่เรามองดูผ้าคลุมสีขาวผืนนี้ที่ห่มทับทุ่งนาอยู่นั้น สามีของฉันก็เอ่ยข้อความจากอิสยาห์ว่า “ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ” (อสย.1:18)
หลังจากที่ถามความหมายของคำว่าสีแดงเข้มแล้ว ลูกสาววัยสามขวบของเราก็ถามอีกว่า “สีแดงไม่ดีหรือคะ” เธอรู้ว่าความบาปเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย แต่พระธรรมตอนนี้ไม่ได้พูดเกี่ยวกับสี ผู้เผยพระวจนะกำลังบรรยายถึงสีย้อมผ้าแดงสดที่ได้จากไข่ของแมลงตัวเล็กซึ่งต้องนำผ้าย้อมในสีแดงสดนี้สองครั้ง สีจึงจะติดทน น้ำฝนหรือการซักผ้าก็ไม่ทำให้สีหลุดออก ความบาปก็เป็นเช่นนั้น ความพยายามของมนุษย์ไม่สามารถลบล้างบาปได้ มันฝังรากลงในจิตใจ
มีเพียงพระเจ้าที่สามารถชำระความบาปออกจากใจของเรา และขณะที่เรามองดูภูเขา เราชื่นชมในความขาวบริสุทธิ์ ที่ขาวกว่าผ้าสีแดงเข้มซึ่งถูกขัดและฟอกจนขาว เมื่อเราทำตามคำสอนของเปโตร “จงหันกลับและตั้งใจใหม่ เพื่อพระเจ้าจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย” (กจ.3:19) พระเจ้าจะทรงให้อภัยและประทานชีวิตใหม่แก่เรา โดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเท่านั้น ที่เราสามารถได้รับจิตใจอันบริสุทธิ์ ซึ่งไม่มีผู้ใดให้ได้ เป็นของขวัญที่แสนอัศจรรย์!
ติดตาตรึงใจ
นกฮัมมิ่งเบิร์ดได้ชื่อในภาษาอังกฤษมาจากเสียงที่มันกระพือปีกรัวเร็วชื่อในภาษาอื่นคือ “นักจูบดอกไม้” (โปรตุเกส) หรือ “อัญมณีบินได้” (สเปน) แต่ชื่อหนึ่งที่ฉันชอบมากคือ บิวลู แปลว่า “สิ่งที่ติดตาตรึงใจ” (เม็กซิกัน ซาโพเท็ค) คือ เมื่อคุณเห็นนกฮัมมิ่งเบิร์ดแล้ว คุณจะไม่ลืมมันเลย
จี.เค. เชสเตอร์ตันเขียนไว้ว่า “โลกจะไม่มีวันขาดสิ่งน่าอัศจรรย์ใจ ยกเว้นคนเราจะขาดความอัศจรรย์ใจเสียเอง” นกฮัมมิ่งเบิร์ดเป็นสิ่งหนึ่งในที่น่าอัศจรรย์ นกตัวเล็กนี้มีอะไรที่น่าสนใจหรือ อาจเป็นเพราะมันตัวเล็ก (ยาวประมาณ 2-3 นิ้ว) หรือมันกระพือปีกเร็วประมาณ 50-200 ครั้งต่อวินาที
เราไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้เขียนสดุดี 104 แต่แน่นอนว่าผู้เขียนหลงใหลในความงามของธรรมชาติ หลังจากที่ได้บรรยายความอัศจรรย์ของการทรงสร้าง เช่น สนสีดาร์แห่งเลบานอนและลาป่าแล้ว ผู้เขียนร้องว่า “ขอพระเจ้าทรงเปรมปรีดิ์ในบรรดาพระราชกิจของพระองค์” (ข้อ 31) จากนั้นก็อธิษฐานว่า “ขอการภาวนาของข้าเป็นสิ่งที่พอพระทัย” (ข้อ 34)
ธรรมชาติมีความงดงามและความสมบูรณ์มากมายที่ติดตาตรึงใจ เราจะใคร่ครวญถึงธรรมชาติเหล่านั้นและทำให้พระเจ้าพอพระทัยได้อย่างไร? เราสามารถสังเกต ชื่นชมยินดี และขอบพระคุณได้ เมื่อเราพิจารณาพระราชกิจของพระองค์และคิดถึงความมหัศจรรย์อีกครั้ง
โอกาสอีกครั้ง
"คุณใจดีกับฉันขนาดนี้ได้อย่างไรทั้งที่ไม่รู้จักกัน!” เพราะการตัดสินใจผิดพลาดบางอย่าง ลินดาจึงต้องถูกขังในเรือนจำในต่างแดนนานถึงหกปี เมื่อถูกปล่อยตัวออกมาเธอจึงไม่มีที่ไป เธอคิดว่าชีวิตจบสิ้นแล้ว! ขณะที่ครอบครัวกำลังรวบรวมเงินเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอกลับบ้าน สามีภรรยาใจดีคู่หนึ่งให้ที่พักอาหารและความช่วยเหลือ ลินดาซาบซึ้งต่อความกรุณาของทั้งคู่มากจนยินดีเปิดใจฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าผู้ทรงรักเธอและต้องการให้โอกาสเธออีกครั้ง
เรื่องนี้ทำให้ฉันคิดถึงนาโอมี หญิงหม้ายในพระคัมภีร์ที่สูญเสียสามีกับบุตรชายทั้งสองไปในต่างแดน และคิดว่าชีวิตเธอสิ้นสุดแล้ว (นรธ.1) แต่พระเจ้าไม่เคยลืมนาโอมี นาโอมีเห็นความรักของพระเจ้าและได้รับโอกาสอีกครั้งผ่านความรักของลูกสะใภ้และความเมตตาจากโบอาส ชายที่รักพระเจ้า (4:13-17)
วันนี้พระเจ้าองค์เดียวกันนี้ก็ทรงห่วงใยเรา ความรักที่ผู้อื่นสำแดงต่อเราทำ ให้เราระลึกว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วย เราได้เห็นพระคุณของพระเจ้าผ่านความช่วยเหลือของผู้คน แม้เป็นคนที่เราไม่รู้จักดี แต่เหนืออื่นใดพระเจ้าทรงเต็มใจให้เราได้เริ่มต้นใหม่ เราเพียงแต่ต้องเป็นเหมือนลินดาและนาโอมีที่เห็นว่าพระเจ้าทรงทำงานในชีวิตของเราทุกวัน และตระหนักว่าพระองค์ไม่เคยหยุดสำแดงพระกรุณาแก่เรา