“ฉันรักเธออย่างไร ฉันจะนับให้ดู” เป็นถ้อยคำจากบทกวีชื่อว่าซอนเน็ตจากโปรตุเกส ของเอลิซาเบ็ธ แบร์เร็ต บราวนิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในบทกวีภาษาอังกฤษที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด โดยเธอได้เขียนให้กับโรเบิร์ต บราวนิ่งก่อนที่ทั้งสองจะแต่งงานกัน และเขารู้สึกประทับใจมากจึงสนับสนุนให้เธอตีพิมพ์งานรวมบทกวีทั้งหมด แต่เนื่องจากภาษาของบทกวีสื่อถึงอารมณ์อันอ่อนไหว และเธอต้องการสงวนความเป็นส่วนตัวไว้แบร์เร็ตจึงได้จัดพิมพ์ให้ดูเหมือนว่าเป็นบทกวีที่แปลมาจากผู้เขียนชาวโปรตุเกส

บางครั้งเราอาจรู้สึกเคอะเขินเมื่อเราแสดงความรักต่อผู้อื่นอย่างเปิดเผย แต่ตรงกันข้ามกับพระคัมภีร์ที่ไม่ได้ปิดบังการแสดงความรักของพระเจ้า เยเรมีย์ได้บรรยายความรักที่พระเจ้ามีต่อคนของพระองค์ด้วยถ้อยคำอันอ่อนโยนว่า “เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป” (ยรม.31:3) แม้คนของพระองค์ได้หันหลังให้กับพระองค์ แต่พระเจ้าก็ทรงสัญญาว่าจะนำพวกเขากลับมาสู่สภาพดีและนำพวกเขาเข้ามาใกล้ชิดพระองค์ โดยตรัสว่า “เราจะมาเพื่อให้อิสราเอลได้พักสงบ” (ข้อ 2 TNCV)

พระเยซูคือการสำแดงขั้นสูงสุดถึงความรักของพระเจ้าที่นำเรากลับมาสู่สภาพดี โดยทรงมอบสันติสุขและการหยุดพักให้แก่ผู้ที่หันมาหาพระองค์ จากรางหญ้าสู่ไม้กางเขนและสู่อุโมงค์ว่างเปล่า พระเยซูทรงเป็นตัวแทนความปรารถนาของพระเจ้าที่จะเรียกผู้คนในโลกที่ดื้อดึงให้มาหาพระองค์ ให้คุณอ่านพระคัมภีร์ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วคุณจะเห็นถึงความรักของพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าจน “เกินจะนับได้” รักนั้นคงอยู่ชั่วนิรันดร์ และคุณจะไม่มีวันมาถึงจุดสิ้นสุดของรักนั้น