Month: ธันวาคม 2023

นครแห่งความชอบธรรม

ในวันส่งท้ายปี 2000 เจ้าหน้าที่ในเมืองดีทรอยต์ได้เปิดแคปซูลเวลาอายุร้อยปีอย่างระมัดระวัง ภายในกล่องทองแดงอัดแน่นด้วยคำทำนายที่ให้ความหวังจากผู้นำบางคนของเมืองที่แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความมั่นคงรุ่งเรือง อย่างไรก็ตามข้อความของนายกเทศมนตรีเสนอแนวทางที่ต่างออกไป เขาเขียนไว้ว่า “ขอให้เราได้แสดงความหวังเดียวที่เหนือกว่าความหวังอื่นทั้งหมด....[เพื่อ]ท่านในฐานะชาติ ประชาชนและเมือง จะตระหนักว่าท่านได้เจริญขึ้นในความชอบธรรม เพราะความชอบธรรมนี้เองที่จะยกระดับความเป็นชาติให้สูงส่งยิ่งขึ้น”

นายกเทศมนตรีปรารถนาให้พลเมืองในอนาคตไม่เพียงแค่มีความสุข ความสำเร็จหรือสันติภาพ แต่ที่จะมีในสิ่งที่เป็นความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง บางทีเขาอาจกล่าวเช่นนี้ตามพระเยซูที่ได้ทรงอวยพระพรแก่ผู้ที่ปรารถนาความชอบธรรมของพระองค์ (มธ.5:6) แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะรู้สึกท้อใจเมื่อเราพิจารณาถึงมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบของพระเจ้า

สรรเสริญพระเจ้าที่เราไม่ต้องพึ่งพาความพยายามของเราเองที่จะเติบโต ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูกล่าวดังนี้ “ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข...ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีทุกสิ่งที่ดี เพื่อจะได้ปฏิบัติตามพระทัยพระองค์ และทรงทำงานในท่านทั้งหลายให้เกิดผลเป็นที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์โดยพระเยซูคริสต์” (ฮบ.13:20-21) เราซึ่งอยู่ในพระคริสต์ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยพระโลหิตของพระองค์ทันทีที่เราเชื่อในพระองค์ (ข้อ 12) แต่พระองค์ทรงกระทำให้ผลแห่งความชอบธรรมในใจของเราค่อยๆงอกงามขึ้นตลอดชั่วชีวิต เรามักจะสะดุดล้มในระหว่างเส้นทางของชีวิต แต่เรายังคงเฝ้ารอ “นครที่จะมีในภายหน้า” ที่ซึ่งความชอบธรรมของพระเจ้าจะครอบครอง (ข้อ 14)

จิตใจเป็นทุกข์ คำอธิษฐานที่ซื่อตรง

สามวันก่อนจะมีการระเบิดที่บ้านของเขาในเดือนมกราคม ค.ศ.1957 ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ได้พบกับประสบการณ์ที่ประทับในใจเขาไปตลอดชีวิต หลังจากได้รับโทรศัพท์ข่มขู่ คิงจึงครุ่นคิดถึงวิธีที่จะออกจากขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง แล้วคำอธิษฐานก็หลั่งไหลออกมาจากใจของเขา “ผมอยู่ที่นี่เพื่อยืนหยัดในสิ่งที่ผมเชื่อว่าถูกต้อง แต่เวลานี้ผมกลัว ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมมาถึงจุดที่ผมเผชิญคนเดียวไม่ได้” เมื่ออธิษฐานจบ คิงมีความรู้สึกมั่นใจอย่างเงียบๆ เขาบันทึกว่า “ความกลัวของผมเริ่มหมดไปเกือบจะในทันที ความไม่แน่ใจของผมหายไป ผมพร้อมที่จะเผชิญทุกสิ่ง”

ในพระธรรมยอห์นบทที่ 12 พระเยซูทรงรู้ว่า “จิตใจของเราเป็นทุกข์” (ข้อ 27) พระองค์ทรงเปิดเผยอย่างซื่อตรงถึงความรู้สึกภายในของพระองค์ และยังทรงมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในคำอธิษฐานของพระองค์ “ข้าแต่พระบิดา ขอให้พระนามของพระองค์จงได้รับเกียรติ” (ข้อ 28) คำอธิษฐานของพระเยซูเป็นการยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระเจ้า

แล้วเราผู้เป็นมนุษย์เล่าจะรู้สึกเจ็บปวดจากความกลัวและความรู้สึกยากลำบากสักเพียงใด เมื่อเราต้องเจอกับทางเลือกว่าจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่ คือเมื่อเราต้องการสติปัญญาเพื่อตัดสินใจในเรื่องที่ยากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ อุปนิสัยความเคยชินหรือแบบแผนอื่นๆ(ดีและไม่ดี) ไม่ว่าเราจะต้องเผชิญกับสิ่งใด เมื่อเราอธิษฐานกับพระเจ้าด้วยใจกล้า พระองค์จะประทานกำลังให้เราเอาชนะความกลัว ความรู้สึกยากลำบากและทำสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ เพื่อเป็นผลดีต่อตัวเราและต่อผู้อื่น

มงกุฎแห่งชีวิต

ลีเอเดียเนส ร็อดริเกซ-เอสพาดาวัย 12 ปี กังวลว่าเธอจะไปวิ่ง 5 กิโลเมตรสาย ความกระวนกระวายทำให้เธอออกตัวพร้อมกับกลุ่มนักวิ่งก่อนเวลาเริ่มต้นสิบห้านาที คือออกวิ่งพร้อมกับผู้เข้าร่วมแข่งฮาล์ฟมาราธอน (ประมาณ 21 กิโลเมตร) ลีเอเดียเนสก้าวทันนักวิ่งคนอื่นและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 4 เธอยังมองไม่เห็นเส้นชัย เธอจึงรู้ตัวว่าอยู่ในการแข่งขันซึ่งมีระยะไกลกว่าและยากกว่า แต่แทนที่จะออกจากสนาม เธอกลับวิ่งต่อไป นักวิ่งฮาล์ฟมาราธอนโดยบังเอิญคนนี้วิ่งจนจบระยะทาง 21 กิโลเมตร และอยู่ในอันดับที่ 1,885 จากผู้เข้าเส้นชัย 2,111 คน และนั่นคือความอดทน!

ในระหว่างที่ถูกข่มเหงนั้น มีผู้เชื่อในพระเยซูจำนวนมากในศตวรรษแรกต้องการออกจากการแข่งขันเพื่อพระคริสต์ แต่ยากอบหนุนใจให้พวกเขาวิ่งต่อไป หากพวกเขาอดทนต่อการทดลอง พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานรางวัลสองประการ (ยก.1:4,12) ประการแรก ความอดทนนานนั้นจะ “บรรลุผลอันสมบูรณ์” เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ “ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย” (ข้อ 4) ประการที่สอง พระเจ้าจะประทาน “มงกุฎแห่งชีวิต” คือชีวิตในพระเยซูบนโลกนี้ และพระสัญญาว่าพวกเขาจะได้อยู่ในการทรงสถิตของพระองค์ในชีวิตหน้าที่จะมาถึง (ข้อ 12)

ในบางวัน การวิ่งแข่งในชีวิตคริสเตียนอาจไม่ได้เป็นไปในแบบที่เราลงสมัคร หรือคิดไว้ คือเป็นการแข่งที่ยาวนานและยากกว่าที่เราคาด แต่เนื่องจากพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นไว้ให้เรา เราจึงอดทนบากบั่นและวิ่งต่อไปได้

ตอบสนองความต้องการของผู้อื่น

พ่อของฟิลลิปทุกข์ทรมานจากอาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรงและออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ข้างถนน หลังจากที่ซินดี้กับฟิลลิปลูกชายคนเล็กใช้เวลาหนึ่งวันในการตามหาเขา ฟิลลิปมีเหตุผลที่จะเป็นห่วงเรื่องความเป็นอยู่ของพ่อ เขาถามแม่ว่าพ่อและคนอื่นๆที่ไม่มีบ้านอยู่จะอบอุ่นไหม จากเรื่องนี้ พวกเขาจึงเริ่มลงมือในการพยายามรวบรวมและแจกจ่ายผ้าห่มและอุปกรณ์กันหนาวให้กับคนจรจัดในพื้นที่ เป็นเวลากว่าทศวรรษที่ซินดี้มองว่านี่คืองานในชีวิตของเธอ โดยให้เครดิตกับลูกชายและความเชื่อในพระเจ้าอันลึกซึ้งของเธอ ที่ปลุกเธอให้เข้าใจความจริงถึงความยากลำบากของการไร้ซึ่งที่หลับนอนอันอบอุ่น

พระคัมภีร์สอนเรามานานแล้วให้ตอบสนองความต้องการของผู้อื่น ในพระธรรมอพยพ โมเสสบันทึกกฎเกณฑ์ชุดหนึ่งเพื่อเป็นแนวทางแก่เราในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่ขาดแคลนทรัพยากร เมื่อเราได้รับการกระตุ้นให้ตอบสนองความต้องการของผู้อื่น เราจะต้อง “ไม่ปฏิบัติเหมือนเป็นข้อตกลงทางธุรกิจ” และไม่ควรสร้างความได้เปรียบหรือกำไรจากสิ่งนั้น (อพย.22:25) หากเสื้อคลุมของบุคคลใดถูกยึดเป็นหลักประกัน ก็จะต้องส่งคืนก่อนตะวันตกดิน “เพราะเขาอาจมีเสื้อคลุมตัวนั้นตัวเดียวเป็นเครื่องปกคลุมร่างกาย มิฉะนั้นเวลานอนเขาจะเอาอะไรห่มเล่า” (ข้อ 27)

ขอให้เราทูลต่อพระเจ้าที่จะทรงเปิดดวงตาและหัวใจของเราให้มองเห็นว่าจะช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานของผู้ที่กำลังทนทุกข์ได้อย่างไร ไม่ว่าเราจะพยายามตอบสนองความต้องการของคนๆเดียวหรือของคนจำนวนมากเหมือนที่ซินดี้กับฟิลลิปได้กระทำ เราก็ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์โดยปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างให้เกียรติและเอาใจใส่

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา