Month: ธันวาคม 2023

พระเจ้าทรงอยู่ใกล้

ลอร์เดสเป็นครูสอนร้องเพลงในกรุงมะนิลา เธอสอนนักเรียนแบบตัวต่อตัวเป็นเวลากว่าสามสิบปีแล้ว เมื่อถูกขอให้จัดชั้นเรียนออนไลน์ เธอจึงรู้สึกกังวล “ฉันไม่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์” เธอเล่า “แล็ปท็อปของฉันเก่าแล้วและฉันไม่คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการประชุมผ่านวิดีโอ”

แม้ว่าอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่เรื่องนี้ก็สร้างความเครียดให้กับเธอจริงๆ “ฉันอยู่คนเดียวจึงไม่มีใครคอยช่วย” เธอกล่าว “ฉันกังวลว่านักเรียนจะลาออก และฉันจำเป็นต้องมีรายได้”

ก่อนเริ่มชั้นเรียนทุกครั้ง เธอจะอธิษฐานขอให้แล็ปท็อปใช้การได้ดี “พระธรรมฟีลิปปี 4:5-6 เป็นภาพพื้นหลังบนหน้าจอของฉัน” เธอเล่า “นั่นเป็นวิธีที่ทำให้ฉันยึดมั่นอยู่ในพระวจนะตอนนั้น”

เปาโลเตือนสติเราไม่ให้ทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย เพราะ “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้” (ฟป.4:5) พระสัญญาเรื่องการทรงสถิตอยู่ด้วยนั้นเป็นของเราที่จะต้องยึดไว้ เมื่อเราพักสงบในการทรงสถิตอยู่ใกล้ และมอบทุกสิ่งไว้กับพระองค์ด้วยการอธิษฐานทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ สันติสุขของพระองค์จะคุ้มครอง “จิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์” (ข้อ 7)

“พระเจ้าทรงนำฉันไปที่เว็บไซต์ที่แก้ไขข้อผิดพลาดของคอมพิวเตอร์” เธอกล่าว “ทั้งยังทรงประทานนักศึกษาที่มีความอดทนที่เข้าใจข้อจำกัดทางเทคโนโลยีของฉันด้วย” สันติสุข ความช่วยเหลือและการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าเป็นของเรา เพื่อที่เราจะชื่นชมยินดีเมื่อเราแสวงหาที่จะติดตามพระองค์ตลอดวันคืนของชีวิต เรากล่าวอย่างมั่นใจได้ว่า “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด” (ข้อ 4)

คริสต์มาสที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เดวิดและแองจี้รู้สึกถึงการทรงเรียกให้ย้ายไปต่างแดน และงานรับใช้ที่เกิดผลตามมานั้นดูเหมือนจะเป็นการยืนยันในเรื่องนี้ แต่เรื่องหนึ่งที่น่าเศร้าในการย้ายนี้คือ พ่อแม่ที่ชราแล้วของเดวิดต้องใช้เวลาช่วงคริสต์มาสเพียงลำพัง

ทั้งคู่พยายามคลายความเหงาของพ่อแม่ในวันคริสต์มาสด้วยการส่งของขวัญมาให้ล่วงหน้าและโทรมาตอนเช้าวันคริสต์มาส แต่สิ่งที่พ่อแม่ต้องการจริงๆก็คือพวกเขา เนื่องจากรายได้ของเดวิดทำให้เขาเดินทางกลับบ้านได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น พวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง เดวิดต้องการสติปัญญา

สุภาษิตบทที่ 3 เป็นหลักสูตรเร่งรัดในการแสวงหาปัญญา ซึ่งบอกว่าเราจะได้ปัญญาจากการนำสถานการณ์ของเราทูลต่อพระเจ้า (ข้อ 5-6) โดยบรรยายลักษณะของปัญญาไว้หลายรูปแบบเช่น ความรักและความสัตย์ซื่อ (ข้อ 3-4, 7-12) และผลที่ได้คือความสงบสุขและอายุยืนยาว (ข้อ 13-18) ข้อความที่น่าประทับใจกล่าวว่าพระเจ้าประทานสติปัญญาเช่นนี้โดยรับเราไว้ “ในความไว้พระทัยของพระองค์” (ข้อ 32) พระองค์กระซิบบอกวิธีแก้ปัญหาแก่ผู้ที่ใกล้ชิดพระองค์

คืนหนึ่งขณะอธิษฐานถึงปัญหานี้เดวิดก็เกิดความคิดขึ้น คริสต์มาสครั้งถัดไปเขาและแองจี้สวมเสื้อผ้าที่สวยที่สุด ตกแต่งโต๊ะด้วยของประดับแวววาวและนำเนื้ออบมื้อเย็นเข้ามา พ่อแม่ของเดวิดก็ทำแบบเดียวกัน จากนั้นจึงวางแล็ปท็อปไว้บนโต๊ะแต่ละตัว พวกเขากินอาหารด้วยกันผ่านวิดีโอลิงก์ที่เกือบจะรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องเดียวกัน นี่จึงกลายเป็นประเพณีของครอบครัวนับตั้งแต่นั้นมา

พระเจ้าทรงรับเดวิดไว้ในพระทัยของพระองค์และประทานปัญญาแก่เขา พระองค์ทรงรักที่จะกระซิบวิธีในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์แก่เรา

ชุมชนในพระคริสต์

ทางตอนใต้ของหมู่เกาะบาฮามาสมีผืนดินเล็กๆที่เรียกว่าเกาะเรกเก็ตในศตวรรษที่ 19 เกาะแห่งนี้มีอุตสาหกรรมการผลิตเกลือที่คึกคัก แต่เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวตกต่ำลง ผู้คนจำนวนมากจึงอพยพไปยังเกาะใกล้เคียง ในปี 2016 ขณะที่มีประชากรไม่ถึงแปดสิบคนอาศัยอยู่แต่เกาะก็มีลักษณะเด่นของผู้เชื่อจาก 3 คณะนิกาย กระนั้นผู้คนก็มารวมตัวกันในที่แห่งเดียวเพื่อนมัสการและสามัคคีธรรมกันในแต่ละสัปดาห์ เนื่องจากมีผู้อยู่อาศัยเพียงไม่กี่คน ความรู้สึกของความเป็นชุมชนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพวกเขา

ผู้คนในคริสตจักรยุคแรกรู้สึกถึงความจำเป็นและความต้องการอย่างยิ่งยวดในการมีชุมชนเช่นกัน พวกเขาตื่นเต้นกับความเชื่อใหม่ที่ก่อร่างขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นได้โดยการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นของพระเยซู แต่ก็รู้ด้วยว่าในทางกายภาพพระองค์ไม่ได้อยู่กับพวกเขาอีกต่อไป พวกเขาจึงรู้ว่าจำเป็นจะต้องมีกันและกัน พวกเขาอุทิศตัวฟังคำสอนของอัครทูต ร่วมสามัคคีธรรมและรับมหาสนิท (กจ. 2:42) พวกเขารวมตัวกันในบ้านเพื่อนมัสการและร่วมรับประทานอาหารตลอดจนดูแลความต้องการของผู้อื่น มีการบรรยายภาพของคริสตจักรเอาไว้ว่า “คนทั้งปวงที่เชื่อนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” (4:32) พวกเขาประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงสรรเสริญพระเจ้าอย่างขะมักเขม้น และนำความต้องการของคริสตจักรทูลต่อพระองค์ด้วยการอธิษฐาน

ชุมชนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตและให้ความช่วยเหลือแก่เรา อย่าพยายามดำเนินชีวิตเพียงลำพัง พระเจ้าจะพัฒนาความรู้สึกมีส่วนร่วมในชุมชนขณะที่คุณแบ่งปันความทุกข์และความสุขของคุณกับผู้อื่น และเข้าใกล้พระองค์ร่วมกัน

เท่าเทียมกันในสายพระเนตรพระเจ้า

ในช่วงวันหยุดพักร้อน ผมกับภรรยาเพลิดเพลินกับการขี่จักรยานในตอนเช้าตรู่ เส้นทางหนึ่งพาเราผ่านย่านที่มีบ้านราคาหลายล้านดอลล่าร์ เราได้เห็นผู้คนมากหน้าหลายตา มีทั้งผู้อาศัยที่พาสุนัขไปเดินเล่น เพื่อนนักขี่จักรยาน และคนงานจำนวนมากที่กำลังสร้างบ้านหลังใหม่หรือบำรุงรักษาภูมิทัศน์ให้ดูดี นี่เป็นการผสมผสานผู้คนที่มีเส้นทางชีวิตอันหลากหลายและทำให้ผมได้ตระหนักถึงความจริงอันล้ำค่า คือไม่มีการแบ่งแยกอย่างแท้จริงในพวกเรา คนรวยหรือคนจน เศรษฐีหรือชนชั้นแรงงาน เป็นที่รู้จักหรือไม่มีใครรู้จัก เราทุกคนที่อยู่บนถนนในเช้าวันนั้นล้วนเหมือนกัน “คนมั่งคั่งและยากจนประชุมพร้อมกัน พระเจ้าทรงสร้างเขาทั้งสิ้น” (สภษ.22:2) แม้จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่เราทุกคนต่างถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า (ปฐก.1:27)

แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ การเท่าเทียมกันในสายพระเนตรพระเจ้ายังหมายความว่า ไม่ว่าเราจะมีสถานภาพทางเศรษฐกิจ สังคม หรือเชื้อชาติแบบใด เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความบาป “เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” (รม.3:23) เราทุกคนไม่เชื่อฟังและมีความผิดอย่างเท่าเทียมกันในสายพระเนตรของพระองค์ และเราต้องการพระเยซู

เรามักจะแบ่งผู้คนออกเป็นกลุ่มๆด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และแม้ว่าเราจะอยู่ในสถานภาพเดียวกันคือเป็นคนบาปที่ต้องการพระผู้ช่วยให้รอด เราก็สามารถเป็น “ผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า” (ถูกทำให้ชอบธรรมโดยพระเจ้า) โดยพระคุณของพระองค์ (ข้อ 24)

โหยหาสิ่งล่อใจ

ผมวางโทรศัพท์ลงด้วยความเบื่อหน่ายกับการระดมส่งรูปภาพ ความคิดเห็น และการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องมาบนหน้าจอแสดงผลเล็กๆ แต่แล้วผมก็หยิบมันขึ้นมาและเปิดมันอีกครั้ง เพราะเหตุใดกัน

ในหนังสือชื่อ ความตื้นเขิน ของนิโคลัส คาร์ ได้อธิบายว่าอินเทอร์เน็ตปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างเรากับความสงบนิ่งไปอย่างไร “สิ่งที่อินเทอร์เน็ตกำลังทำคือบั่นทอนความสามารถในการจดจ่อและไตร่ตรองของผม ไม่ว่าผมจะออนไลน์อยู่หรือไม่ แต่ความคิดของผมในตอนนี้ก็คาดหวังที่จะรับข้อมูลด้วยวิธีที่อินเทอร์เน็ตนำเสนอ คือมาเป็นระลอกคลื่นแห่งสิ่งละอันพันละน้อยที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นนักดำน้ำในทะเลแห่งถ้อยคำ แต่ตอนนี้ผมแล่นไปบนผิวน้ำเหมือนชายที่ขับเจ็ตสกี”

การใช้ชีวิตบนเจ็ตสกีแห่งจิตใจที่เคลื่อนไปอย่างรวดเร็วฟังดูไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ แต่เราจะเริ่มลดความเร็วลงเพื่อดำดิ่งลงไปในผืนน้ำอันนิ่งสงบแห่งจิตวิญญาณได้อย่างไร

ในสดุดี 131 ดาวิดเขียนว่า “ข้าพระองค์ได้สงบและระงับจิตใจของข้าพระองค์” (ข้อ 2) ถ้อยคำของดาวิดเตือนสติว่าผมมีหน้าที่ที่ต้องทำ การเปลี่ยนแปลงนิสัยนั้นเริ่มด้วยการเลือกที่จะอยู่นิ่ง แม้จะต้องตัดสินใจเลือกเช่นนั้นซ้ำๆอีกหลายครั้ง แล้วเราจะค่อยๆได้พบกับความประเสริฐของพระเจ้าที่จุใจเรา เราจะเป็นเหมือนเด็กเล็กๆที่ได้พักสงบอยู่ในความพึงใจ โดยรู้ว่าพระองค์ผู้เดียวที่ทรงเป็นผู้ประทานความหวัง (ข้อ 3) ซึ่งเป็นความอิ่มเอมใจที่ไม่มีแอปใดในสมาร์ทโฟนจะทำได้ และไม่มีสื่อสังคมใดมอบให้ได้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา