ในปี 2016 แวนด้า เดนช์ได้ส่งข้อความชวนหลานชายให้มารับประทานอาหารเย็นในวันขอบคุณพระเจ้า โดยไม่รู้ว่าหลานชายเพิ่งเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ข้อความนั้นจึงถูกส่งไปถึงคนแปลกหน้าชื่อจามัล หลังจากคุยกันจนเข้าใจว่าเขาเป็นใครแล้ว จามัลซึ่งว่างก็ถามว่าเขายังจะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นได้หรือไม่ แวนด้าบอกว่า “ได้แน่นอน” จามัลจึงไปร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวของแวนด้า ซึ่งได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเขาทุกปีนับแต่นั้นมา คำเชิญที่ส่งผิดกลับกลายเป็นพระพรประจำปี

ความเมตตาของแวนด้าที่ได้เชิญคนแปลกหน้าให้มาร่วมรับประทานอาหารทำให้ฉันคิดถึงคำหนุนใจของพระเยซูในพระกิตติคุณลูกา ในระหว่างเสวยพระกระยาหารที่บ้านของฟาริสี “คนสำคัญ” (ลก.14:1) พระเยซูทรงเห็นคนทั้งหลายที่ได้รับเชิญนั้นแย่งกันนั่งในที่นั่งอันมีเกียรติ (ข้อ 7) พระองค์จึงบอกคนที่เชิญพระองค์ว่า การเชิญคนโดยคำนึงถึงสิ่งที่คนเหล่านั้นจะสามารถตอบแทนให้ได้ (ข้อ 12) หมายความว่าพระพรจะอยู่ในวงจำกัด แทนที่จะทำอย่างนั้น พระเยซูทรงบอกเขาว่าการเชิญคนที่ไม่มีอะไรที่จะตอบแทนได้จะนำมาซึ่งพระพรที่ยิ่งใหญ่ (ข้อ 14)

สำหรับแวนด้า การเชิญจามัลมาร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวของเธอในวันขอบคุณพระเจ้าส่งผลเป็นพระพรที่ไม่คาดคิด เนื่องด้วยมิตรภาพอันยาวนานซึ่งเป็นกำลังใจยิ่งใหญ่แก่แวนด้าหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิต เมื่อเราเอื้อมมือออกไปหาผู้อื่น ไม่ใช่เพราะเราจะได้รับอะไรตอบแทน แต่เพราะความรักของพระเจ้าไหลล้นผ่านเรา เราก็จะได้รับพระพรและกำลังใจที่ยิ่งใหญ่กว่ามากนัก