ตอนเวลาหนึ่งทุ่ม ฮุยเหลียงกำลังรับประทานข้าวกับลูกชิ้นปลาที่เหลืออยู่ในห้องครัว ในอพาร์ตเมนท์ห้องข้างๆของครอบครัวฉั่วก็กำลังรับประทานอาหารเย็นเช่นกัน เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของพวกเขาดังทะลุความเงียบในห้องที่ฮุยเหลียงอาศัยอยู่ตามลำพังหลังจากภรรยาของเขาเสียชีวิตไป หลายปีที่ผ่านมาเขาเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเหงา ความรู้สึกเจ็บเหมือนถูกทิ่มแทงกลับกลายเป็นความปวดร้าวอยู่ลึกๆ แต่ในคืนนี้ภาพของชามข้าวหนึ่งใบและตะเกียบหนึ่งคู่บนโต๊ะอาหารทิ่มแทงลึกลงไปในใจของเขา

ก่อนจะเข้านอนในคืนนั้น ฮุยเหลียงอ่านสดุดี 23 ซึ่งเป็นตอนที่เขาโปรดปราน ถ้อยคำที่มีความหมายกับเขามากที่สุดคือประโยคที่ว่า “พระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์” (ข้อ 4) สิ่งที่ทำให้ฮุยเหลียงมีสันติสุขไม่ใช่เพียงแค่การกระทำที่เอาใจใส่ดูแลของผู้เลี้ยงแกะ แต่เป็นการอยู่ด้วยเสมอและการเฝ้ามองรายละเอียดทุกอย่างในชีวิตของแกะนั้นด้วยความรัก (ข้อ 2-5)

การเพียงแค่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ที่นั่นกับเราทำให้เกิดความอบอุ่นใจในช่วงเวลาแห่งความเหงา พระเจ้าทรงสัญญากับลูกของพระองค์ว่าความรักของพระองค์จะดำรงอยู่กับเราตลอดนิรันดร์กาล (สดด.103:17) และจะไม่ทรงทอดทิ้งเราเลย (ฮบ.13:5) เมื่อเรารู้สึกเหงาและไม่มีใคร ไม่ว่าจะอยู่ในห้องครัวที่เงียบเชียบ หรือบนรถบัสจากที่ทำงานกลับบ้าน หรือแม้แต่ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ผู้คนแออัด เรารับรู้ได้ว่าสายพระเนตรของพระเจ้าองค์พระผู้เลี้ยงของเรามองมาที่เราเสมอ เราสามารถพูดได้ว่า “พระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์”