ในช่วงวันหยุดเดือนตุลาคม ฉันต่อสู้กับอาการปวดเรื้อรังอีกครั้ง ซึ่งทำให้ฉันต้องใช้เวลาสองสามวันแรกพักฟื้นอยู่ที่ห้อง อารมณ์ของฉันมืดมัวเหมือนกับท้องฟ้า ในที่สุดเมื่อฉันกับสามีได้ออกไปเที่ยวชมประภาคารใกล้ๆ เมฆสีเทาบดบังทัศนวิสัยของเรา แต่ฉันก็ถ่ายภาพภูเขาที่มืดสลัวและขอบฟ้าที่หม่นหมองได้บ้าง

ในเวลาต่อมา ฉันรู้สึกผิดหวังเพราะฝนห่าใหญ่กักตัวเราไว้ในคืนนั้น ฉันดูภาพที่ถ่ายไว้ผ่านๆ แล้วส่งกล้องให้สามี “รุ้งกินน้ำ!” เพราะจดจ่อที่ความเศร้าหมองฉันจึงพลาดจากการที่พระเจ้าทรงฟื้นชื่นจิตวิญญาณที่อ่อนล้าของฉันด้วยภาพแห่งความหวังที่คาดไม่ถึงนี้ (ปฐก.9:13-16)

ความทุกข์ทางกายหรือทางอารมณ์มักจะฉุดเราลงไปยังห้วงลึกแห่งความสิ้นหวัง เรากระหายหาการฟื้นใจ เราจึงกระหายหาการย้ำเตือนให้ระลึกถึงการทรงสถิตที่ไม่แปรเปลี่ยนและฤทธิ์เดชอันไม่สิ้นสุดของพระเจ้า (สดด.42:1-3) เมื่อหวนคิดถึงช่วงเวลานับครั้งไม่ถ้วนที่พระเจ้าปรากฏเพื่อเราและผู้อื่นในอดีต เราก็วางใจได้ว่าความหวังของเรามั่นคงในพระองค์ ไม่ว่าเราจะรู้สึกหดหู่เพียงใดในขณะนั้น (ข้อ 4-6)

เมื่อทัศนคติเลวร้ายหรือสถานการณ์ยากลำบากทำให้การมองเห็นของเรามืดมัวลง พระเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เราร้องเรียกพระองค์ อ่านพระคัมภีร์ และวางใจในความสัตย์ซื่อของพระองค์ (ข้อ 7-11) ในขณะที่เราแสวงหาพระเจ้า เราพึ่งพาพระองค์ได้ที่จะทรงช่วยให้เราเห็นสายรุ้งแห่งความหวังที่ทอดโค้งเหนือวันอันมืดมนที่สุด