ในหนังสือเรื่อง กระโดดลุยไฟ เดวิด นาสเซอร์ เล่าเรื่องราวชีวิตฝ่ายวิญญาณของเขา ก่อนจะเริ่มรู้จักพระเยซู มีวัยรุ่นคริสเตียนกลุ่มหนึ่งมาผูกมิตรกับเขา แม้เพื่อนๆ จะเป็นคนใจดี น่ารักและไม่อคติ แต่เดวิดได้เห็นเพื่อนคนหนึ่งโกหกแฟนตัวเอง ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกผิดจึงสารภาพและขอโทษแฟนสาว ในเวลาต่อมา เดวิดกล่าวว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เขาสนิทกับเพื่อนคริสเตียนกลุ่มนี้มากขึ้น เขาตระหนักว่าทุกคนต้องการพระคุณพระเจ้าเช่นเดียวกับเขา
เราไม่จำเป็นต้องทำเป็นว่าสมบูรณ์พร้อมเมื่ออยู่กับคนรู้จัก ไม่ผิดที่จะยอมรับว่าเราพลาดหรือมีปัญหา อัครทูตเปาโลเรียกตัวเองว่าคนบาปที่สุด (1 ทธ.1:15) และพูดถึงการปล้ำสู้กับความบาปในโรม 7 ว่า “เจตนาดีข้าพเจ้าก็มีอยู่ แต่ซึ่งจะกระทำการดีนั้นข้าพเจ้าหาได้กระทำไม่” (รม.7:18) และ “การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่” (รม.7:19)
การยอมรับว่าเรามีปัญหา ทำให้เราอยู่ระดับเดียวกับมนุษย์คนอื่นทุกคน ซึ่งนั่นคือที่ที่เราควรอยู่ แต่เพราะพระเยซูคริสต์ ความบาปของเราจะไม่ติดตามเราไปตลอดนิรันดร์ เหมือนคำกล่าวที่ว่า “คริสเตียนไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ แค่เป็นคนที่ได้รับการอภัย”
นิรนาม เมื่อ 04/08/2016 ที่ 7:40 am
ขอขอบพระคุณ พระเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผมรู้สึก สำนึกขึ้นได้ ที่พบบทเรียนนี้ ตอนที่เราพยายามทำดี คิดดี ขยันมากๆ ตอนมีแรงในวัยรุ่นๆกระทำทุกอย่างไม่ว่างงานจะหนักขนาดไหน เพราะตนเป็นที่พึ่งแห่งตน(ไม่มีใครช่วยได้) จดจำๆๆๆตลอดชีวิตๆๆๆ คำตอบในวันนี้ ให้เราเชื่อ(ในความเชื่อ) ให้เรามีความหวังใจๆๆ(ในพระสัญญาใหม่ๆๆที่จะรับ) ให้เรามีความรักๆๆๆ(ซึ่งกันและกัน หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)
สงครามในความคิดๆๆ ทั่งสองฝ่ายต่อสู้กันมาตลอดจนกว่าชีวิตจะดับศูนย์สิ้นไป(ตาย) พระเจ้าจะเป็น(พระวิญญาณบริสุทธิ์ )จะเป็นเป็นกรรมการตัดสิ้น ระหว่าง จิตใจ/ร่างกาย หรือ ฝ่ายโลก(บาปที่สะสม)/ฝ่ายสรรค์(การเชื่อฟังที่ถูกต้อง ต้องทำเมื่อมีโอกาส ทันที บัดนี้)AM aam ๆๆๆๆๆ